Andy Gavin ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทเกม Naughty Dog ในปี 1985 (เขาลาออกในปี 2004) โพสต์เล่าความหลังว่าทำไมเขาและทีมผู้ก่อตั้งจึงตัดสินใจขาย Naughty Dog ให้โซนี่ในปี 2001
เหตุผลตรงไปตรงมาว่าเป็นเรื่องต้นทุนค่าพัฒนาเกมที่สูงขึ้นเรื่อยๆ จนสตูดิโออิสระอย่าง Naughty Dog ไม่สามารถอยู่รอดด้วยตัวเองไหว
Gavin เล่าว่าต้นทุนค่าพัฒนาเกมในยุค 1980s ไม่แพงนัก ราคาต่อเกมต่ำกว่า 50,000 ดอลลาร์ ตอนแรกสุดใช้เงินส่วนตัวมาลงทุน แล้วนำกำไรจากเกมหนึ่งไปลงทุนพัฒนาเกมต่อไป
เกม Rings of Power ที่ออกบนเครื่อง Mega Drive ในปี 1992 (ไม่เกี่ยวอะไรกับ Lord of the Rings) ต้นทุนเพิ่มเป็น 100,000 ดอลลาร์ ถัดมาคือยุคของ Crash Bandicoot (1996) ต้นทุนเพิ่มเป็น 1.6 ล้านดอลลาร์ พอมาถึง Jak and Daxter (2001) ต้องใช้เงิน 15 ล้านดอลลาร์แล้ว และถ้าเป็น Jax 3 ที่ออกปี 2004 ถือเป็นเกมระดับ AAA ใช้ต้นทุน 45-50 ล้านดอลลาร์
Gavin บอกว่าต้นทุนค่าพัฒนาเกมที่แพงขึ้นเรื่อยๆ ไม่ได้เป็นปัญหาแค่กับ Naughty Dog แต่ส่งผลกระทบต่อทั้งอุตสาหกรรม เมื่อสตูดิโอเกมไม่มีเงินมากพอสำหรับทำเกม AAA ทำให้อำนาจต่อรองไปอยู่ที่ฝั่งผู้จัดจำหน่าย การขายสตูดิโอให้โซนี่จึงเป็นการการันตีว่า Naughty Dog จะมีทรัพยากรมากพอในการทำเกมให้ดีที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ซึ่งมามองย้อนกลับไปตอนนี้ก็ถือเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง
เขาบอกว่าต้นทุนค่าพัฒนาเกมใหญ่ๆ ทุกวันนี้อาจพุ่งไปถึง 300, 400, 500 ล้านดอลลาร์ได้ไม่ยาก ซึ่งเขาไม่รู้ว่า Naughty Dog จะสามารถลงทุนไหวไหม แต่การขายให้บริษัทอื่นที่เหมาะสมจะช่วยสร้างเสถียรภาพทางการเงินให้สตูดิโอ เพื่อสร้างเกมที่ใฝ่ฝันได้
ที่มา - Andy Gavin LinkedIn via Polygon
Comments
ปี 2025 เป็นปีแห่งเกมส์ เอาผู้หญิงมาแต่งตัวเป็นนินจา แล้วแอบๆ แทงข้างหลังเอา ทันสมัยเด๊ะๆ ทุกเกมส์เลยใจตรงกัน แต่ .. โอ้โห เกมส์ใหม่เค้า เล่นซะเหมือนหลวงจีนวัดเซ้าหลิน ควงมีดดาบเลเซ่อร์ ตะลุยอวกาศ มัน... ขอให้ ยอดขายโชคดีสำลีแปะหัวแล้วกันนะครับบ
ผมตีความได้ประมาณนี้ ลงทุนเยอะ จะถลุงเงินโซนี่ได้เยอะ เพื่อสร้างเกมเน้นwokeโดยไม่สนยอดขาย โดยไม่สนว่าโซนี่จะเจ๊งไหม
ขายปี 2001 ตอนนั้น Uncharted ยังออก และโลกยังไม่มีคำว่า woke เลยนะครับ
จริง ๆ เกมค่ายนี้ที่ดังแรก ๆ คือ Crash Bandicoot นะครับ
แทบจะตรงข้ามกับคำว่า Woke เลยนะ
ถึงไม่ขายให้โซนี่ บริษัทนี้ก็เหมือเป็นของโซนี่อยู่แล้ว แทบจะเอาบริษัทใส่พานถวายให้โซนี่ตอนนี้แค่เปลี่ยนจากโซนี่เป็นเจ้าของบริษัทฟรีๆไม่ต้องจ่ายเงินเดือนให้พนักงาน เปลี่ยนเป็นโซนี่ต้องจ่ายเงินเดือนให้พนักงานไม่ใช่เจ้าของแบบฟรีๆแล้ว
ย่อหน้าแรกก็บอกชัดนะครับ ข่าวพูดถึงเหตุผลที่ขายบริษัทให้ Sony ในปี 2001 ไม่ใช่จะมาขายให้ตอนนี้
น่าจะหมายถึงค่ายนี้ทำแต่เกม ex ให้โซนี่อยู่แล้วมั้งครับ(ตั้งแต่มี PS)
เค้าเริ่มจาก Apple][ แล้วต่อไปที่ 3DO ก่อนจะทำเกมลง PlayStation ครับ
ส่วนเรื่องเอาใส่พานถวายโซนี่ ... ผมว่าไม่เชิงแฮะ ในช่วงที่ขายบน PS เกมบน PS มันขายดี มันครองตลาดได้ ตลาดพีซีตอนนั้นยังลุ่ม ๆ ดอน ๆ ไพเรทกันก็เยอะ DirectX ก็ยังไม่เกิด จะเขียนเกม 3D ก็ต้องมาเลือกว่าจะใช้ Glide หรือ จะใช้ค่ายอื่น ซาวนด์การ์ดเองก็ยังต้องมี API ฯลฯ
แล้วหลังจากนั้นจริง ๆ ถ้าเลือกจะทำเกมลงแพลตฟอร์มอื่นเค้าก็ทำได้ แต่แบบช่วง PS1-2 คือ Sega สู้ไม่ได้ เกมพีซีเริ่มดีขึ้นแต่ก็ยังไม่ดีขนาดนั้น (กว่าเกมพีซีจะเป็นแพลตฟอร์มที่ดีพอก็ยุค DirectX 7-9 แล้วมั้ง แล้วก็ตอนสตีมเปิดรับค่ายอื่นแล้ว)
ถ้าเป็นคุณคุณจะอยากเหนื่อยทำเกมลงแพลตฟอร์มอื่นไหม
จะว่าไป Crash Bandicoot ที่ลง PS1 นี่ เค้าอธิบายว่าต้องมีการไปลบ SDK บางส่วนออกไม่งั้นมันจะรันบน PS1 ที่มีแรมแค่ 4MB ไม่ได้ คิดว่า Sony เองเห็นความสามารถทางเทคนิคของ Naughty Dog เลยสนใจจะซื้อตัวมาร่วมมากกว่าตัว IP เองอีกมั้ง (เอาจริง ๆ Crash ก็ไม่ได้เป็น Sony Exclusive ในตอนหลังน่ะนะ)
นั่นขนาดพูดถึงช่วงต้น 2000's มาตอนนี้ยิ่งหนักเข้าไปอีกทั้งต้นทุนและเวลาการพัฒนาที่สูงจนไม่กล้าเสี่ยงกันและเอาแต่ตาม trend แต่ก็ด้วยเวลาพัฒนาที่นานกว่าจะทำเสร็จไอ้ trend ที่ทำตามก็เต็มตลาดไปแล้วหรือแม้จะเห็นว่าเกมออกมาน่าจะไม่ดีแต่ก็สายเกินว่าจะ cut loss ยกเลิกโปรเจคแล้ว
แต่จะไปทำเกมทุนต่ำก็ลำบากอีกถ้าอยากจะขายราคา AAA เพราะผู้บริโภคก็คาดหวังทั้งกราฟฟิกที่ดีกับตัวเกมใหญ่ใช้เวลาเล่นได้นานระดับเล่นจนโหมดเนื้อเรื่องกับการสำรวจบ้างต้อง 50 ชั่วโมงขึ้นอีกซึ่งสองอย่างนี้ก็ทำเอาต้นทุนสูงพรวด ๆ แม้จะมีคนพูดกันว่าเกมที่ดีไม่ได้อยู่ที่ว่ากราฟฟิคสวยมั้ยหรือเกมยาวเท่าไหร่แต่การตัดสินใจซื้อก็มีน้ำหนักจากสองปัจจัยนี้อยู่ดี คือผมเห็นความเห็นแนว "กราฟฟิคระดับ PS2 จะมาขาย $60-$70 นี่บ้าหรือปล่าว" (แม้ในความเป็นจริง PS3 คงรันเกมนี้ไม่ไหวด้วยซ้ำ) ค่อนข้างเยอะเลย
ก็ไม่รู้ว่าอุตสาหกรรมเกมจะไปทางไหนต่อนะครับ หวังว่าเราคงจะได้เห็นเทคนิคประหยัดต้นทุนโดยคุณภาพไม่ลดมากขึ้นนะครับ (แต่ก็เสียวว่าจะไปทางประหยัดและคุณภาพลดแทน)