ความพ่ายแพ้ของ Flash ที่แพ้ให้กับ HTML5 ทำให้อโดบีหันหัวกลับมาเป็นผู้พัฒนามาตรฐาน HTML5 รายใหญ่เสียเอง โดยความพยายามของอโดบีในตอนนี้คือการเสนอมาตรฐาน CSS ให้สามารถจัดหน้าได้เหมือนการจัดหน้าในนิตยสาร
ความสามารถที่ว่าคือการเรียงข้อความที่เป็นชุดเดียวกัน ให้ไหลไปตามบล็อคต่างๆ ในหน้าเว็บ เหมือนที่นิตยสารมีหลายคอลัมน์ทำให้ผู้อ่านสามารถกวาดสายตาไปตามคอลัมน์แคบๆ ได้ง่ายขึ้น โดยมาตรฐานนี้เกิดจากการ แฮกภายในของอโดบีเองเมื่อปีที่แล้ว และเสนอเป็นมาตรฐาน CSS Regions ต่อมาจึงถูกแตกออกเป็นสามมาตรฐาน ได้แก่
- CSS Regions : ใช้กำหนดพื้นที่การแสดงเนื้อหาที่แยกจากกัน ให้ข้อความไหลเป็นผืนเดียวกันไป
- CSS Exclusion : มาตรฐานกำหนดพื้นที่บล็อคข้อความให้เป็นรูปร่างที่กำหนด ทำให้เราสามารถเว้นพื้นที่วางข้อความได้ตามใจ
- CSS Fragmentation
: มาตรฐานการแบ่งหน้าหรือคอลัมน์เหมือนที่เราใช้กันในโปรแกรมประเภทเวิร์ดโปรเซสซิ่งทั้งหลาย
มาตรฐานเหล่านี้ยังไม่ลงตัวนัก (W3C ยังจัดให้อยู่ในหมวดมาตรฐานที่กำลังพัฒนา) แต่เบราเซอร์จำนวนมากก็เริ่มแสดงท่าทียอมรับมันอย่างชัดเจน เช่น WebKit/Chrome นั้นรองรับในรุ่นกำลังพัฒนาแล้ว, IE 10 นั้นก็รองรับด้วยเช่นกัน, ส่วนไฟร์ฟอกซ์นั้นมีอยู่ในแผนการรองรับแล้วโดยจะรองรับภายในปีนี้
อนาคตพื้นที่ของอโดบีอาจจะต้องพ่ายไปแม้แต่มาตรฐาน PDF เองก็ตาม แต่การเข้ามาเป็นองค์กรสำคัญในการพัฒนามาตรฐาน HTML5 เช่นนี้ก็น่าจะทำให้อโดบีสามารถออกเครื่องมือพัฒนาเนื้อหาได้เร็วขึ้น และทำกำไรได้เหมือนเดิม
ที่มา - Adobe
Comments
ไม่ว่าบริษัทเล็กใหญ่ ถ้ารู้จักปรับตัว ก็อยู่รอดได้แหละ
..: เรื่อยไป
+1
อย่าตีกินกับสมบัติเดิม แต่พอจะเกิดการพัฒนาเปลี่ยนแปลงที่ส่งผลกับหม้อข้าวตัวเอง ก็พยายามกีดกันการพัฒนา บริษัทอย่างนี้แหละ ค่อยน่าสนับสนุนหน่อย
ต่อไป HTML5 + CSS4 ก็คงไม่ต้องใช้ Server Script แล้วมั๊งเนี่ย ^^'
my blog
ยังไงหรือครับ
หมายความว่าอย่างไรครับ
แม้ HTML5 จะเก่งแค่ไหน แต่มันก็แค่ client-side programming ครับ ยังมีงานที่เป็น back-end อีกเยอะที่ไม่ว่าอย่างไร client-side programming ทดแทนไม่ได้
ส่วนงาน validation ข้อมูล อย่างไรก็ไว้วางใจ client ไม่ได้หรอกครับ
เห็นแบบนี้แล้วถึง Flash จะตายแต่ Adobe ไม่มีทางตายแน่นอน เยี่ยมๆ
อยากให้เว็บมันสามารถสื่อสารกับบราวเซอร์เพื่อตั้งค่า page margin ได้ครับ
แล้วเว็บรีพอร์ทก็จะสมบูรณ์มากขึ้น
ชอบข่าวแบบนี้จัง ^_^ W3C ควรทำงานเร็วกว่านี้ใหมอะ
สุดยอดบริษัท..นับถือๆ สงสัยได้บทเรียนจาก kodak
เยี่ยมๆๆ
Flash ตาย = Adobe เจ๊ง = ฮาาาาาา(เรื่องตลก) ว่างๆลองไปไล่กดดู product ของ Adobe ดูนะครับ ฮาๆ
Flash ไม่ได้ตายหรอกครับ ตอนนี้พัฒนาบน AIR สำหรับ Moblie ทำงานได้ทั้ง Android/iOS
และ Flash Player ก็สำหรับ Desktop ทุกวันนี้เขาทำกันอยู่แล้วครับ ที่บริษัทผมเอง
ส่วน HTML5 ก็ทำเพิ่มให้กลายเป็น html content ที่มันไปรันบน iPad/iPhone Web browser ครับ
-webkit-moz-jobs-adobe-
ส่วนตัวผมเชื่อว่า AIR ก็จะตายตาม Flash อื่นๆ ไปอีกภายในไม่กี่ปีครับ (เดาว่าประมาณ 3) สุดท้ายพวก HTML-Based เช่น PhoneGap หรือเฟรมเวิร์คอื่นๆ คงกินหมด
ว่าแต่มีใครบอกว่าจะเจ๊งหรือครับ???
lewcpe.com , @wasonliw
คอมเม้นด้านบนๆพูดเหมือนอย่างกับ Flash เป็นเหมือนรายได้หลัก เอา Kodok มาเปรียบซะอย่างนั้น(แล้วจะไม่ให้คิดว่าเจ๊งได้อย่างไร) บ้างก็ว่า "ไม่ว่าบริษัทเล็กใหญ่ ถ้ารู้จักปรับตัว ก็อยู่รอดได้แหละ" แบบนี้เหมือนดูผิด Adobe นะครับ ไม่ใช่ ดูถูกผมมองต่าง เขาไม่ได้ปรับตัว เขาฉลาดที่สามารถตีเนียนตามจ๊อบ และคงขายเครื่องมือให้กับนักพัฒนาใหม่เหมือนที่ Flash เคยทำมาตั้งแต่ version แรกๆ
งานนี้นักพัฒนาก็ต้องเสียเงินกันใหม่ตั้งแต่ Adobe HTML5 version 1...nเงินทั้งนั้น และผมก็รอจะซื้อใช้ใจจะขาดแล้ว ทุกวันนี้นั่งฝันว่ามันจะทำออกมาให้เราใช้ได้ง่ายเหมือนที่เราต้องการหรือเปล่า เครื่องมือปัจจุบันมันใช้ไม่สนุกเท่าไหร่เลย ถ้าทำ html5+javascript ให้เขียนเป็นระบบปิดได้ รับรอง Flash ตายไวแน่นอน สำหรับผมผมให้ 5 ปี แต่ตอนนี้ขอตัวไปเล่น CastleVille ตามกระแสซะหน่อย
ไม่ได้อยากจะมาม่านะครับ แต่แค่คำว่า"ปรับตัว"เนี่ย มันแปลว่าดูถูกหรือดูผิดเหรอ งงแฮะ
ในเมื่อต่อไปเทคโนโลยีมันเปลี่ยนไปเรื่อยๆ อย่างเช่นตอนนี้ก็ไปทางเว็บ ทุกบริษัทก็ต้องพัฒนาผลิตภัณฑ์ของตัวเองในเข้าไปกินส่วนแบ่งในตลาดให้ได้
ส่วน Adobe อ่ะ เป็นบริษัทใหญ่ระดับโลก มี Products อยู่ในมือเยอะแยะ โดยเฉพาะวงการกราฟฟิคกับสิ่งพิมพ์ ... ใครๆก็รู้ว่ารายได้หลักของ Adobe ไม่ได้มาจาก Flash
..: เรื่อยไป
อยากตอบคนไหนกด reply ได้ครับ
May the Force Close be with you. || @nuttyi
+1 ตอนนี้คนเริ่มทิ้งห่าง AIR ไปทุกที หนีไป HTML 5
Coder | Designer | Thinker | Blogger
คิดเองหรือเปล่าครับ ยกตัวอย่างทางบริษัทผมไม่ได้หนีกันนะครับ
โปรแกรมเมอร์ทั้งทีมต้องทำ product เป็น html version เพิ่มครับเพราะยังไงโปรแกรมเมอร์ก็ต้องเรียนรู้ภาษาอยู่แล้ว การที่โปรแกรมเมอร์เขียน action script อยู่เดิมจะไปทำ javascript ก็ไม่เห็นจะยากอะไร เพราะคนทำ Flash ก็ต้องทำ javascript เป็นอยู่แล้ว แค่ต้องปวดหัวกับ CSS ที่ต้องคอยมาเขียนให้รับกับทุกๆ Browser ซึ่งเสียเวลามาก และการจัด layout ที่แสนจะน่าเบื่อหน่าย ใช้เวลานานไม่ทันใจเจ้านาย
ส่วน Air ก็ Build ลง iOS และ Android กันไป
เทคโนโลยีบางอย่างที่ไม่สามารถปล่อยเป็น opensoure ตาม(concept ของ html5 เขา) ได้ก็ทำเป็นระบบปิดขายไป เกรงว่าคิดอะไรใหม่ๆได้ทำมาร่วมปี เป็นเจ้าแรกของโลกที่คิดได้ ปรากฏว่าปล่อย product วันนี้ ผ่านไปสามวันพี่จีนทำออกมาเหมือนเป๊ะ ขายถูกกว่าเรา ประหยัดเวลาเหมือนที่แอปเปิ้ลชอบทำ อิอิ ผู้บริหารเขาคิดได้ในข้อนี้
html5 ตอนนี้ทางบริษัทก็ปล่อย product ออกไปบ้างแล้ว ผู้บริหารก็ดีใจกันใหญ่ แต่นักพัฒนาเบื่อเพราะมันทำนาน Flash ทำ 3 วันเสร็จ แต่ html5 ทำ 3 เดือนเสร็จ แก้ design ทีรอกันไปกว่าจะขยับอะไรได้ตรงตามใจ ผมไม่ได้พูดถึง product ที่แสดง content ธรรมดาๆเหมือนในเว็บนี้นะครับ ผมหมายถึง product ที่เป็น Interactive Multimedia เพราะทักษะในการทำให้มันเป็น Interactive Multimedia นั้นมันต้องใช้โปรแกรมเมอร์คนละระดับกับการทำเว็บไซต์หน้าตาธรรมดาๆ
html ตอนนี้มันขาดแค่เครื่องมือจริงๆ รีบๆออกเครื่องมือดีๆมาเถอะตอนนี้ สงสาร designer จะเขียนโค้ดเก่งกันหมดแล้ว
Flash ยังไม่พ่ายแพ้หรอกครับ Adobe แค่ชิงเป็นคนที่ควบเทคโนโลยีทางเว็บไว้มากเท่าที่จะมากได้เท่านั้นเอง ส่วนที่ Flash แผ่วๆ ลงไปบ้างมีแค่ส่วนที่รันบนเว็บของ mobile device เท่านั้นเอง {เพียงเพราะ Apple ไม่เอาด้วย Adobe เลยมองว่าพัฒนาต่อคงไม่คุ้ม}
แต่ส่วนของ website บน desktop, AIR application รวมถึง AIR mobile app ก็ยังมีช่องทางให้นักพัฒนาอะไรได้เล่นอะไรอีกมาก เทคโนโลยี Stage3D ที่ใช้ GPU ในการแสดงผลได้ทั้งบนเว็บและ mobile device อนาคตของ Flash ยังอีกไกลครับ...
สำหรับคนที่สนใจ Flash แนะนำของดังนี้ครับ...
ส่วนนี่เป็น roadmap ของ Flash จาก Adobe ครับ ยังอยู่กันอีกนาน... http://www.adobe.com/go/flashplayer_roadmap/
ไม่เห็นเขียนบ้างเลยว่าเกมที่สร้างจากแฟลชต้องใช้ iPad 2 เล่น ไม่งั้นรันไม่ไหว (มีเกมหนึ่งแน่ๆ แหละ ขี้เกียจค้นชื่อ) แล้ว photoshop touch ประสิทธิภาพไม่ได้เรื่อง แอพช้า หลุด รับภาพแค่ 1600x1600 เพราะใช้แฟลชทำเหมือนกัน
ที่ไม่เขียนเพราะผมไม่ได้เจอเองน่ะครับ PS touch นี่ก็ไม่ได้ใช้เองก็ไม่ทราบนะว่ามันมีข้อจำกัดแบบนั้น ถ้ามันช้าก็ว่าไปตามนั้นล่ะครับ แล้วแต่ประสบการณ์ของแต่ละคนที่เคยใช้งานมา...
อย่างเว็บ HTML5 ที่รันหนักๆ จนค้างจนกระตุกผมก็เคยเจอ อย่าว่าแต่ mobile เลยบน desktop/laptop ก็อืดไปเหมือนกัน ของอย่างนี้ก็พัฒนาไปเรื่อยๆ h/w spec มันก็ดีขึ้นเรื่อยๆ น่ะนะ...
ผมก็ยังไม่เห็นมีใครบอกว่าจะเจ๊งนะ.....
บริษัทนี้เขามีความcreativeไฟเเรงนะครับ ไม่เจ๊งง่ายๆหรอกครับ