HP รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 4 ของปี 2012 สิ้นสุดเดือนตุลาคมตามปฏิทินบริษัท มีรายได้รวม 30.0 พันล้านดอลลาร์ ลดลง 7% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน โดยยังขาดทุนสุทธิอีก 6.9 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นการ ขาดทุนต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนหน้านี้ และยังมีสาเหตุหลักคล้ายกันด้วยคือมีการลงบันทึกด้อยค่าสินทรัพย์อีก 8.8 พันล้าน (ไตรมาสที่แล้วเป็นสินทรัพย์ส่วนกิจการ EDS และ Compaq) หากไม่มีรายการนี้นั้น HP ไตรมาสนี้ก็ยังมีกำไรอยู่
สำหรับรายได้แยกเป็นกลุ่มธุรกิจนั้นก็ลดลงถ้วนหน้า โดยกลุ่มพีซีก็ยังขาลงตามอุตสาหกรรมโดยมีรายได้ลดลง 14% กลุ่มเครื่องพิมพ์ลดลง 5% กลุ่มธุรกิจบริการลดลง 6% เซิร์ฟเวอร์องค์กรลดลง 9%
ในส่วนรายละเอียดของการบันทึกด้อยค่าสินทรัพย์มูลค่า 8.8 พันล้านนี้ HP ได้ออกแถลงการณ์แยกออกมาอีกฉบับเลยครับ โดยระบุว่าดีล ซื้อกิจการบริษัทผลิตซอฟต์แวร์ Autonomy เมื่อปีที่แล้วที่มูลค่า 11 พันล้านดอลลาร์นั้น จากการตรวจสอบของ HP พบว่าอดีตผู้บริหาร Autonomy หลายรายได้ร่วมกันตกแต่งบัญชีการเงิน จนสะท้อนมูลค่าของกิจการออกมาสูงเกินกว่าความเป็นจริงก่อนที่ HP จะเข้ามาซื้อกิจการ ส่งผลให้ HP ในฐานะผู้ซื้อกิจการประเมินมูลค่าที่เหมาะสมในการซื้อผิดพลาดไป แต่ทั้งนี้ HP ยังคงมั่นใจว่า Autonomy เป็นบริษัทที่เทคโนโลยีซอฟต์แวร์ที่เป็นผู้นำในอุตสาหกรรม
การตรวจสอบข้อเท็จจริงนี้เริ่มต้นหลังการลาออกของ Mike Lynch ผู้ก่อตั้ง Autonomy ที่ลาออกจากการเป็นพนักงาน HP ทำให้พบการตกแต่งบัญชีสร้างมูลค่าเกินจริงหลายอย่างที่ HP ไม่สามารถประเมินได้ก่อนหน้านี้ ทั้งนี้ HP ได้ติดต่อไปยังคณะกรรมการกำกับและดูแลหลักทรัพย์อเมริกา ไปจนถึงฝ่ายสอบสวนคดีพิเศษอังกฤษเพื่อเข้ามาร่วมทำการสืบสวนแล้ว โดย HP หวังว่าจะเรียกค่าเสียหายส่วนนี้คืนมาได้มากที่สุด
ซีอีโอ Meg Whitman กล่าวในช่วงแถลงผลประกอบการว่าอดีตซีอีโอ Leo Apotheker ต้องรับผิดชอบในปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ด้วยเพราะดีล Autonomy เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เขาเป็นผู้บริหารอยู่ อย่างไรก็ตามเธอยอมรับว่าการสอบสวนนี้อาจสร้างความขัดแย้งระหว่างเธอกับบอร์ดบริหารปัจจุบันได้ เพราะบอร์ดบริหารส่วนใหญ่ในตอนนี้ก็มีส่วนร่วมรับรองดีล Autonomy ในเวลานั้นด้วยเช่นกัน
Comments
ขาลงไม่หยุดเลย สำหรับบริษัทซื้อมาขายไปรายนี้
จะไปรอดมั้ยนะ