ในงาน D11 ซึ่งจัดขึ้นเมื่อสัปดาห์ก่อน Motorola ได้เผยถึงงานวิจัยชิ้นสำคัญอีกงานหนึ่ง ซึ่งเป็นการพัฒนาระบบตรวจสอบและจำแนกบุคคลโดยใช้ "รอยสักดิจิทัล" หรือ "เม็ดยาอิเล็กทรอนิกส์"
เพื่อแก้ปัญหาการจดจำรหัสผ่านสำหรับใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ หรือเพื่อเข้าใช้บริการอื่นๆ อีกสารพัน Motorola จึงผุดไอเดียที่จะแก้ปัญหาเหล่านั้นด้วยการฝังรหัสผ่านลงในร่างกายแทน โดยงานวิจัยในขณะนี้มี 2 แนวทาง คือการทำรอยสักดิจิทัลบนผิวหนังของผู้ใช้ หรือการพัฒนาเม็ดยาอิเล็กทรอนิกส์ที่ใส่รหัสผ่านต่างๆ ไว้ข้างใน เพื่อให้ผู้ใช้กลืนมันและนำรหัสผ่านนั้นเข้าไปอยู่ในกระเพาะอาหาร
ในส่วนของงานวิจัยรอยสักดิจิทัลนั้น Motorola ได้ร่วมมือกับ MC10 ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตวงจรอิเล็กทรอนิกส์แบบยืดหยุ่นได้ โดยตัวอย่างที่มีการใช้งานอยู่ก่อนนั้นเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ทางการแพทย์ เช่น อุปกรณ์ตรวจอาการบาดเจ็บอันเนื่องจากศีรษะโดนกระแทก และเครื่องวัดอุณหภูมิในเด็กทารกแบบบันทึกค่าได้ต่อเนื่อง เป็นต้น โดยทั้งคู่ได้ร่วมกันพัฒนาวงจรขนาดเล็กสำหรับติดกับผิวหนังมนุษย์ ภายในมีทั้งเซ็นเซอร์วัดค่าอุณหภูมิ, เซ็นเซอร์รับภาพ, เซ็นเซอร์ตรวจจับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในร่างกาย (ทั้ง ECG , EEG และ EMG ), สายอากาศสำหรับรับ-ส่งข้อมูลกับอุปกรณ์อื่น และแม้กระทั่งหลอด LED
โครงสร้างของรอยสักดิจิทัลที่ Motorola และ MC10 ร่วมกันพัฒนานั้น เป็นชิ้นซิลิกอนขนาดเล็กๆ ที่ถูกเชื่อมต่อกันเป็นวงจรโดยตัวนำไฟฟ้าที่จัดเรียงกันในลักษณะคล้ายหีบเพลง จึงทำให้แผงวงจรสามารถให้ตัวยืดหยุ่นได้ตามพื้นผิวของวัสดุที่มันติดตั้งอยู่ โดยสามารถทนการยืดขนาดได้ถึง 200%
ด้านเม็ดยาอิเล็กทรอนิกส์นั้นเป็นงานที่ Motorola ได้ร่วมกับ Proteus Digital Health ซึ่งเป็นบริษัทที่ได้รับการรับรองจาก FDA (หน่วยงาน อย. ของสหรัฐอเมริกา) ในด้านการผลิตเซ็นเซอร์แบบกลืนได้เพื่อใช้งานทางการแพทย์ ช่วยกันพัฒนาขึ้นมาโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้แทนรหัสผ่านเพื่อเปิดใช้งานอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ต่างๆ
ตัวเม็ดยาอิเล็กทรอนิกส์ มีแผงวงจรขนาดเล็กบรรจุอยู่ด้านในและมีผิวนอกทำหน้าที่คล้ายสวิตช์ควบคุมการทำงาน เมื่อเม็ดยาอิเล็กทรอนิกส์ถูกกลืนลงสู่กระเพาะ จะสามารถทำงานได้โดยอาศัยกรดในกระเพาะเป็นแหล่งพลังงาน (สภาพน้ำกรดในกระเพาะเปรียบเสมือนสารละลายอิเล็กโทรไลต์ในแบตเตอรี่) เมื่ออุปกรณ์เริ่มทำงานแล้วจะมีการส่งสัญญาณกระแสไฟฟ้า 18 บิต คล้ายกับคลื่นไฟฟ้าหัวใจ
ด้วยหลักการทำงานดังกล่าว จึงหมายความว่าภายหลังการกลืนเม็ดยาอิเล็กทรอนิกส์แล้ว ผู้ใช้จะมีคลื่นสัญญาณลักษณะพิเศษไหลเวียนภายในร่างกาย โดยที่อวัยวะแขนขาของผู้ใช้ล้วนแล้วแต่เป็นส่วนหนึ่งของวงจรนี้ และนั่นทำให้อุปกรณ์คอมพิวเตอร์, โทรศัพท์ หรือเซ็นเซอร์ที่ได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษ สามารถยืนยันตัวตนของผู้ใช้งานได้ทันทีที่มีการสัมผัสร่างกายโดยตรง
Motorola ตั้งใจว่าเมื่อเทคโนโลยีนี้พร้อมสำหรับการใช้งานจริง จะนำไปใช้กับอุปกรณ์คอมพิวเตอร์แบบสวมใส่ได้เป็นอย่างแรก แต่ช่วงเวลานั้นคงยังไม่มาถึงเร็วๆ นี้
ที่มา - SlashGear , All Things Digital
Comments
อนาคตก็ยืนยันตัวตนกันด้วยคลื่นอ่ะ
แล้วก็สร้างยาเลียนแบบ ก็อปปี้ตัวตนกันเลย
รหัสหลุดทีนี่คงต้องทำศัลยกรรมกันวุ่นวายเพื่อเปลี่ยนใหม่
วงจร
นี้?
แต่ใช้กรดในกระเพาะแทนอิเล็กโทรไลต์แล้วโลหะหนักมันไม่มาอยู่ในน้ำกรดแทนหรือครับ?
ก็เคลือบโลหะซะก่อน
อ่านจบแล้วนึกถึงอันนี้เลยค่ะ โทรศัพท์ในหนังเรื่อง Total Recall
http://r.phonedog.com/shared/images/2012/8/173623-image_Phone_on_hand.jpg
ต่อไปคงมีข่าว ผู้บริหารโดนตัดมือ เพราะแฮกเกอร์ต้องใช้รหัสผ่าน เพื่อเข้าไปห้อง Server.
สมัยก่อนต้องเอาปืนขู่ถามรหัส
แบบใหม่นี่คงจับมัด แล้วเอามือไปแตะก็ได้เลย ง่ายขึ้นเยอะ (ได้ทั้งแบบรอยสักและเม็ดยาเลย)
เพราะมี eeg ด้วยคาดว่าถ้าอารมณ์ไม่ปรกติ พวกการกดเงินก็อาจจะไม่ผ่านครับ
samsung ใหญ่แค่ใหน ?https://youtu.be/6Afpey7Eldo
การ scan นิ้วมือกลายเป็นของเก่าไปในบัดดล ...
samsung ใหญ่แค่ใหน ?https://youtu.be/6Afpey7Eldo
น่าจะมี ตัววัดอุณหภูมิ บนหน้าผากด้วยนะ ล้ำเลย
ฝนตกก็กางร่ม หนาวก็ใส่เสื้อ
เมื่อเป็นหวัด ใช้ ดิบบี้ ดิบบี้ แผงสีเหลือง
ต่อไปยุคมนุษย์กินคนล่ะครับงานนี้ -..-'
my blog
ต่อไปเวลาซื้อของอาจมีประตูพิเศษ ลูกค้าเดินเข้าไปหยิบสินค้าแล้วเดินออกทางประตูนี้ได้เลย ประตูตรวจสัญญาณจากคนเดินผ่าน ตัดบัญชีในธนาคารเสร็จสรรพ ขึ้นรถลงเรือไม่ต้องมีคนเก็บเงิน ทำวงจรแบบคล้าย sticker แปะบ่า แปะแขน ทนน้ำสัก 3 เดือน
ถ้าใช้การเต้นของชีพจรสร้างไฟฟ้าหล่อเลี่ยงวงจร เพื่อตรวจสอบว่ายังอยู่ดีถ้าไม่มีการเต้นก็คือโดนตัดมือหรือตาย การตัดมือก็ไม่สามารถใช้งานได้
ลึกไปละ =,=
นึกถึงหนังเรื่อง In Time
+1
อ้าว สำหรับตัวยาแบบกลืนเนี่ย มันจะไม่ถูกถ่ายออกมาทางทวารหนักในที่สุดเหรอ? สงสัยในอนาคตคงจะได้เห็นคนพยายามขโมยวงจรจากบ่อเกรอะมากขึ้นสินะ
เย้ๆ จะแปลงร่างได้แล้ว เย้ๆ
in time สินะ แบบว่า ขโมยก็ขโมยได้ -*-
สงสัยอย่างเดียว ในรูปข้างบนนั่นมันหนังส่วนไหนวะ เหี่ยวขนาดนั้น...
อีดิท - อ่อ...มันเป็นพลาสติกใส...