Apple คิดค้นวิธีช่วยบรรเทาปัญหาที่หลายคนไม่อยากเจอกับตนเอง นั่นคือการที่เครื่อง iPhone ตกพื้นจนหน้าจอแตกร้าว หรืออุปกรณ์ภายในเสียหายจนไม่สามารถใช้การได้ และตอนนี้ Apple ก็ได้ยื่นจดสิทธิบัตรวิธีดังกล่าวแล้ว
วิธีแก้ปัญหาของ Apple คือแทนที่จะทำให้หน้าจอแข็งแรงและทนทานต่อแรงกระแทกยิ่งขึ้น กลับพุ่งเป้ามุ่งแก้ปัญหาตรงต้นเหตุคือทำอย่างไรไม่ให้ iPhone เอาหน้าจอลงสัมผัสกับพื้นเมื่อตกจากที่สูง ซึ่งทางออกก็คือการทำให้ iPhone สามารถพลิกตัวได้กลางอากาศเพื่อหันส่วนแข็งลงกระทบพื้น ไม่ต่างกับแมวที่เอาเท้าลงพื้นในยามตกจากที่สูงทุกครั้ง ซึ่งนอกจากจะลดโอกาสหน้าจอแตกแล้ว ยังลดความเสี่ยงที่จะเกิดความเสียหายแก่ชิ้นส่วนภายในด้วย
หัวใจของแนวคิดนี้คือชุดมอเตอร์ที่อาจจะถูกติดตั้งเพิ่มเข้าไปใน iPhone หรือใช้ตัวที่สร้างการสั่นของเครื่องก็เป็นได้ ซึ่งเมื่อมันหมุนจะก่อให้เกิดแรงบิดในทิศทางตรงข้ามขึ้นกับตัวโครงสร้าง iPhone และทำให้เกิดการพลิกหมุนในขณะตกอย่างอิสระได้ ทั้งนี้มอเตอร์ดังกล่าวจะทำงานก็ต่อเมื่อเซ็นเซอร์ตรวจวัดการตกรับรู้ได้ว่า iPhone กำลังตกลงตามแรงโน้มถ่วง โดยทิศทางการหมุนของมอเตอร์จะสัมพันธ์กับทิศทางการหมุนและแนวการหันตัวเครื่องในขณะนั้นซึ่งตรวจสอบได้ด้วยไจโรสโคป
นอกจากนี้ในคำขอจดสิทธิบัตรยังได้กล่าวถึงความสามารถอีกประการที่จะช่วยลดความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับผู้ใช้ iPhone ที่ทำเครื่องตก ซึ่งก็คือการโอนถ่ายข้อมูลสำคัญไปยังเครื่องสำรองของผู้ใช้ที่มีการกำหนดไว้ก่อนในทันทีที่เซ็นเซอร์รับรู้ได้ว่า iPhone กำลังตกลงสู่พื้น
แน่นอนว่าเซ็นเซอร์และชุดมอเตอร์ที่อาจมีการใส่เพิ่มเข้ามาย่อมทำให้ตัวเครื่องมีน้ำหนักและขนาดที่ใหญ่กว่าเดิม แต่มันก็คงคุ้มหากเทคนิคตามที่ระบุในคำขอจดสิทธิบัตรนี้ได้ถูกนำมาใช้จริง อย่างน้อยก็ช่วยเพิ่มความอุ่นใจในการใช้งานขึ้นอีกเยอะ
ที่มา - VentureBeat , ข้อมูลสิทธิบัตรจาก FPO
Comments
"การทำให้ iPhone สามารถพลิกตัวได้กลางอากาศ"
นึกถึงก๊ฬากระโดดน้ำ
เจ๋งดี
ความคิดแหล่ม
นวัตกรรม!
สุดยอด
หลุดออกจากมือ ตีลังกาหมุนตัว 3 รอบ ลงสู่พื้นอย่างสวยงาม กรรมการให้คะแนนเต็ม 10
ต่อไปห้ามโยนไอโฟนให้เพื่อนละโยนไปติดสปิน ม้วนหน้า ลังกาหลัง สามรอบครึ่ง
You're a Ghost, driving a meat coated skeleton made from stardust,what do you have to be scared of ?
แมว !!!
นี่ซิ ว๊าววว
ด้วยความเคารพ ใส่มอเตอร์ให้หมุน? ถ่วงน้ำหนักด้านนึงให้หนักกว่ามันก็ตกด้านนั้นอยู่แล้วครับ จะใส่ให้มันเปลืองไฟอีกทำไม
ผมว่าเค้าคงลองแล้วมีบางเคสมันไม่พลิกมั๊งครับ
ถ่วงน้ำหนักอาจจะไม่มากพอทีจะให้หมุนในระยะทางสั้นๆ ได้มั้งครับ ครั้นจะใส่ให้หนักขึ้นตอนถือคงรู้สึกไม่สมดุลย์ เลยใช้ motor สร้างแรงเหวี่ยงเองซะเลย
ผมเห็นข่าวนี้แล้วนึงถึง MIT โชว์ผลงาน M-Block หุ่นยนต์ที่แยกร่างและประกอบร่างเองได้
การตกของวัตถแข็งเกร็ง ไม่ได้หมายความว่าวัตถุนั้นจะพยายามนำจุดศูนย์ถ่วงลงถึงพื้นก่อนเสมอไปครับ เนื่องจากมวลใดๆ ย่อมตกภายใต้แรงโน้มถ่วงโลกภายใต้ค่าความเร่งเดียวกันครับ (เหมือนที่กาลิเลโอทดลองหย่อนลูกตุ้มจากหอเอนเมืองปิซาไงครับ)
ฉะนั้นหากไม่มีแรงกระทำในตอนที่เริ่มตกลงมา ด้วยแรงต้านอากาศอาจไม่เพียงพอที่จะทำให้วัตถุหมุนในขณะตกอย่างอิสระได้ จึงเป็นที่มาของการใส่อุปกรณ์ต้นกำเนิดแรงบิดเข้าในตัวอุปกรณ์ครับ
ช่างไฟสมัครเล่น (- -")
ขออนุญาตเจ้าของข่าวนะครับ "ชุดมอเตอร์ที่จะต้องถูกติดตั้งเพิ่ม" เท่าที่อ่านจากลิงค์ น่าจะสื่อถึงการสื่อสารระหว่างมอเตอร์กับชุดเซนเซอร์ความเร่งและไจโรมากกว่า แทนที่จะเพิ่มเข้าไป เพราะปกติโทรศัพท์ทั่วไปก็มีมอเตอร์อยู่แล้วคือมอเตอร์ที่ใช้ในการสั่นเตือนข้อความหรือเรียกเข้าทั่วไป แต่อาจต้องมีการปรับปรุงบ้างเพื่อให้ทำงานได้ตามแนวคิด
โอกาสที่สิทธิบัตรใบนี้พัฒนาขึ้นมาใช้ได้จริง ผมเลยมองว่ามีโอกาสสูง และคงไม่เปลืองไฟอย่างที่คุณ sunboonfah คิดครับ
สำหรับใครที่ยังสงสัยการทำงานของแนวคิดนี้ ว่าแค่ทำจุดศูนย์ถ่วงก็พอแล้ว แนะนำให้อ่านข่าวและดูคลิป MIT โชว์ผลงาน M-Block หุ่นยนต์ที่แยกร่างและประกอบร่างเองได้ แล้วจะเข้าใจครับ รายนั้นนอกจากพลิกตัวแล้ว ยังกระโดดได้ด้วย OMG
ผมจะแก้ไขเรื่องมอเตอร์นะครับว่าอาจใช้มอเตอร์สำหรับการสั่นมาใช้งานได้โดยไม่ต้องเพิ่มมอเตอร์เข้าไปใหม่
ช่างไฟสมัครเล่น (- -")
เรื่องขนนกกับลูกเหล็กครับ
ลองทำเองเลยครับ แล้วไปจดสิทธิบัตร ต้นทุนต่ำกว่า Apple ใช้ได้ประสิทธิภาพดีกว่ารวยแน่นอนครับ
100 คิด ไม่เท่าลงมือทำครับ
น้ำหนักต่างกันมันไม่พลิกเองได้กลางอากาศนะครับ ด้วยความเคารพ กาลิเลโอกล่าวไว้ว่า วัตถุใด ๆ ที่มีน้ำหนักไม่เท่ากัน ย่อมตกลงมาด้วยความเร็วเดียวกันในสภาวะสุญญากาศ น้ำหนักขนาดมือถือแม้มีอากาศก็ไม่ได้ทำให้พลิกหรอกครับ
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
วัตถุที่ตกด้วยความเร่งโน้มถ่วงอยู่ในสภาพไร้น้ำหนักนะครับ ส่วนที่จะทำให้มันหมุนได้ส่วนมากจะเกิดจากแรงเหวี่ยงกับแรงต้านอากาศเสียมากกว่า
ฉนั้นถ้าจะให้เครื่องพลิกด้วยแรงต้านจากอากาศแก้ต้องติดปีกที่หัวหรือท้ายเครื่องให้ต้านจนเครื่องหมุนพลิกด้าน
ด้วยความเคารพ ความเข้าใจนี้ถือได้ว่าผิดครับ
อยู่ในหนังสือเรียน Physics ประมาณ ม.ปลาย พูดเป็นภาษาคนง่ายๆ ก็คือ ของทุกอย่างจะตกลงด้วยความเร็วเท่ากัน ถ้าจะช้าลงก็ต่อเมื่อเบามากๆ จนแรงต้านอากาศมีผล เช่น ขนนก, มด
โมเมนตัมเชิงมุม เกี่ยวปะ? ไม่แน่ใจ
ถ้าคิดได้ง่ายๆแบบนั้น ลองนึกเอาตะกั่วถ่วงข้างใดด้านหนึ่ง จะจับหรือใช้งานพลิกหัวกลับหน้ายังไง?
แว๊บแรก ผมคิดแบบนี้เลย..
นี่สิ นวัตกรรม
แล้วในกรณีที่ขึ้นเครื่องบินแล้วตกหลุมอากาศ...
อ่านแล้วนึกถึง สาย 8 หลังจากเหาะขึ้นสะพานครับ
...ผมแซวๆนะ ไม่เคยเจอกะตัว
ใครเอามือถือมาเล่นตอนนั้น มันคงหมุนหลุดมือออกจากตัวรถไปง่ายๆ
ความรู้สึกมันหวิวๆ จุกๆ
รูปประกอบเหมือน i4/4s เลย คงอีกเจนกว่าจะมี
ผมว่าตกมุมนี้แรงกว่าเดิมนะครับ
เดี๋ยว google ทำแบบว่ามี8ขายื่นออกมาจากขอบเครื่องป้องกันด้านหน้าและหลังนะ
ผมเคยคิดเหมือนกันนะแนวๆ นี้ แต่ตอนนั้นไม่รู้ว่าจะมีเซ็นเซอร์ตัวไหนจับการตกได้มั้ยถ้าทำเป็นขาออกมาได้ ผมว่าให้อารมณ์เป็นหุ่นยนต์เลย ฮ่าๆ
แต่การเก็บขาไว้ในบอดี้เครื่องไม่น่าง่าย
นึกถึง Tranformer เลย
ไอเดียดีเลยนะเนี่ย ต่อไม่ต้องใส่เคสกันละ
ไม่ติดถุงลมนิภัยไปเลยละครับท่าน เหมือนรถยนต์
ต่อไปขอให้มีบริการเปลี่ยนขอบให้ด้วยในราคาพิเศษนะครับ.. ปรกติเป็นคนไม่ชอบใส่เคส ขอบเป็นรอยเพียบเลย :(
แนวคิดเจ๋งดี
แต่ผมเกรงว่าเวลาเพียงแค่เสี้ยววินาที CPU จะประมวลผลจาก gyroscope แล้วสั่งงาน motor ไม่ทันเวลาสิครับ
ผมว่าทัน
ผมก็ว่าทัน แต่กว่าจะเริ่มประมวลผลถึงพื้นแล้ว
มีแลปทอปเจ้านึงที่ทำแบบนี้ จำได้ว่าในงานแถลงข่าวโยนลงมาจากเครนให่ดูเลยว่าลงท่าเดิมที่ออกแบบไว้โยนไงก็ไม่พัง
อ๋ออออ lennovo x1 carbon (รึป่าว)
ต้องให้ได้อย่างงี้
ขี่ช้างจับตั๊กแตน ไม่ได้เห็นแน่นอนครับ สิทธิบัตรอันนี้ เอาแบตไปตุงไว้ที่ขอบข้างนึงให้จุดศูนย์ถ่วงมันไปอยู่ด้านนั้นง่ายกว่า แบบตุ๊กตาล้มลุก อย่าลืมทำขอบยางด้วยหละ ... อ้อ ติดร่มชูชีพให้มันด้วย จะได้ไม่กระดอน
ไม่มีอะไีรที่คนเราทำไม่ได้นะครัช
อืม....ผมไม่ได้ว่าทำไม่ได้นะ ผมว่าวิธีนี้มันกระเติ๊กกระต๊ากเกินไป ใส่มอเตอร์ ใช้ Sensor ที่ต้องรู้ว่าตอนนี้เครื่องกำลังดิ่งเหว มีซอฟท์แวร์มาคำนวณอีก มันซับซ้อนและมีต้นทุนเกิน ที่เขาทำอย่างนี้เพราะเขาต้องการเปลี่ยนจุดศูนย์ถ่วงให้มันตะแคงเอาข้างลง ซึ่งมันทำได้ง่ายกว่าโดยการถ่วงให้มันหนักไปข้างใดข้างหนึ่งซะตั้งแต่ต้น มันง่ายกว่า เหมือนตุ๊กตาล้มลุกไงครับ ไม่ต้องมี Sensor หรือ Motor ให้ยุ่งยาก มันให้ผลเท่ากัน แต่ตอนมันตกแล้ว มันจะกระแทก แล้วก็กระดอน แล้วก็กระแทกอีก ครั้งหลังนี่มอเตอร์กับ Sensor ก็ช่วยอะไรไม่ได้ วิธีขาแมงมุมก็ไม่เลวนะ
เป้าหมายของเทคนิคนี้ไม่ใช่การย้ายศูนย์ถ่วงของโทรศัพท์นะครับ แต่เป็นการหมุนตัวเพื่อเอาด้านที่แข็งแรงหันเข้าหาจุดกระทบครับ ลองหาคอมเมนท์ด้านบนที่ผม reply กลับอีกท่านหนึ่งดูด้านบนก็ได้ครับ
ช่างไฟสมัครเล่น (- -")
กาลิเลโอ!
แล้วคิดเผื่อตอนถือปกติ มือถือมันจะหนักไปด้านหนึ่ง ?
จากข่าวมันบอกใช้หลักการหมุนของ motor นะครับ ลองอ่านดู มันไม่ใช่ถ่วงน้ำหนักเอานัครับ
📸
เรื่องตกนี่ไม่ต้องเพิ่ม sensor อะไรนะครับ มี accelerometer meter อยู่แล้ว ส่วนเรื่องถ่วงมีบอกไปหลายคนแล้วนะครับ ศึกษาฟิสิกส์ หรือการค้นพบของกาลิเลโอดู ถ่วงเอามันไม่หมุนนะครับ ถ้าไม่ใช่ของที่เบาจนแรงต้านอากาศมีผล
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
ตรงขอบมันมีคอนเน็คเตอร์อยู่มันคงเอาแบทไปยัดไม่ได้อยู่แล้วหล่ะครับนอกจะจะสามารถเอาที่ชาร์จ ลำโพง ปลุ่มปลับเสียง mute ปุ่มเปิดปิด รูหูฟัง ช่องเสียบซิม ไปไว้ด้านบนหรือล่างด้านในด้านนึงให้หมดได้ มันถึงจะเอาแบทไปยัดอีกด้านได่
เหมือน Apple ตั้งใจดีไซน์แผงวงจร ตำแหน่งแบตเตอรี่ให้น้ำหนักมันบาลานซ์เพื่อสะดวกเวลาถือทุกมุมตั้งแต่แรกอยู่แล้วครับ ถ้าถ่วงด้านใดด้านนึง อย่างนั้นที่พยายามทำมาแต่แรกก็ไม่มีประโยชน์น่ะสิครับ
เปลี่ยนจุดศูนย์ถ่วงมือถือ ไม่ใช่ละ -_-" ลองนึกถึงตอนถือมือถือแล้วศูนย์ถ่วงไม่ได้อยู่กลางเครื่องดูสิ
นี่สินะ feature Airdrop ที่แท้จริง
อันนี้ก็เจ๋ง ครับ แต่ไม่เคยเห็นทำขายจริง
OMG
แปลกๆนะ เวลาหล่นแค่เสี้ยววินาที ตกระยะใกล้ ไหนจะเวลาถือเหวี่ยงไปๆมาๆเซนเซอร์ทำงานตลอดแน่
เซ็นเซอร์จับการเคลื่อนไหวจะรู้ได้ครับว่าการเคลื่อนไหวแบบไหนเป็นการเคลื่อนไหวแบบการใช้งานทั่วไป แบบไหนเป็นการตกโดยอิสระ โดยอาศัยค่าจากตัววัดความเร่งกับไจโรสโคปมาประกอบด้วยครับ
ช่างไฟสมัครเล่น (- -")
ถ้าระยะตกไม่สูงมาก ฟังก์ชั่นนี้ก็คงไม่ต้องทำงานมั๊งครับ คงต้องสูงระดับที่ถือว่าเริ่มเป็นอันตรายถึงจะทำงานมากกว่า
notebook IBM ก็มีฟังก์ชั่นคล้ายๆ แบบนี้หรือเปล่าพอ notebook ตกจากโต๊ะ มันจะเก็บหัวอ่านของ hdd เพื่อป้องกันความเสียหาย
มีหลายเจ้านะครับ VAIO ผมก็มี
ส่วนเรื่องตกสูงมากหรือไม่มากนี่คงยากครับ โทรศัพท์ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าตัวเองสูงจากพื้นแค่ไหน คิดว่าคงทำได้แค่พยายามพลิกให้เร็วที่สุด ถ้าพลิกทันแปลว่าสูงพอ ถ้าพลิกไม่ทันแปลว่าตกระดับเตี้ยเกินไปแหละครับ :p
อยากให้มันไม่ตกเลยครับ อยากให้มันบินได้เลย เอาแบบเหมือน Iron Man 3 เลย
เดี๋ยวนะ ก็ไม่ใช่เพราะสัน หรือขอบลงเหรอที่ทำให้หน้าจอแตกได้มากที่สุดอ่ะ อย่างของผมนี้โน๊ต2 จอลงตรงๆหาพื้นเลยไม่แตกแต่ฟิลม์กันรอยนี่รอยบานเลย ของน้องๆ I4Sมุมลงนี่อนาถเบย
ไม้ต้องกังวล ครับ ถ้าสิทธิบัตรนี้ออกมาจริงย่อมมีการทดสอบ
เขาคงจะเพิ่มความแข็งแรง วัสดุที่แข็งแรงให้ขอบมังครับ ถ้าต้องการจะให้เอาขอบลงแบบนี้จริงๆอ่ะนะ
ข่าวด่วน apple ออก Bumper หนาด้านเดียวไว้สำหรับรับแรงกระแทก
แปลว่าต่อไปจะเปลี่ยนหน้าจอฟรี?
iCat
อันที่จริงแค่ทาเนยใว้หลังเครื่องก็พอล่ะ XD
โอ้วววคิดได้ เพราะด้านที่ทาเนยไว้จะคว่ำใส่พื้นอยู่บ่อยๆ!
คุณคือโคนัน (ตอนแรกผมไม่เก็ทมุขนะ คิดไปถึงสุนัขเลยแหละ)
"การโอนถ่ายข้อมูลสำคัญไปยังเครื่องสำรองในทันทีที่เซ็นเซอร์รับรู้ได้ว่า iPhone กำลังตกลงสู่พื้น"เครื่องสำรองคืออะไรหว่า? แล้วโอนข้อมูลได้เร็วขนาดนั้นเลยรึ หรือว่าแค่ข้อมูลไม่กี่ MB
ถ้าเป็น iOS7 คงยากจะเป็นจริง แค่จะตะแคงหน้าบ่อยครั้งที่มันคิดนานมากถึงอย่างไรก็เป็นไปได้ยากแม้เป็น iOS10 กว่าSensorจะจับได้ว่ากำลังตกคงถึงพื้นแล้ว ไม่ต่างจากแกว่งแขนตอนถือiPhone เครื่องคงสั่นตลอด
เผลอๆกำลังถือไอโฟนคุยแล้วทำไม้ทำมือข้างที่ถือ เซนเซอร์ทำงานขึ้นมา ดีดตัวเองจนหลุดจากมือที่จับไว้ ลงพื้นกระจายอย่างสวยงาม จะได้เห็นคนฟ้องแอปเปิ้ลกันกระจุยก็งานนี้
คห.สต. คิดว่า คนคิดไม่ได้เคยนำไปเบต้าเทสต์จนปรุจริงๆ แต่คิดมาได้ แล้วมันดูดี เลยรีบจดๆไปแต่ถ้านำไปใช้จริงๆ น่าจะไม่เวิร์ค
อย่าดูถูกการใช้งานมือถือของคนนะครับ ผมเคยเห็นมาทุกแบบแล้ว กล้ารับประกันได้ว่า คนทำให้มันเน่าได้ทุกแบบนั่นแหละ
ถ้าหลักการง่ายๆ ผมว่ามันคือการถ่วงน้ำหนักนะ 555
มันไม่ได้ง่ายขนาดนั้นหรอก การตกมันต้องดูความเร็วต้นด้วย
การทดลองใช้ความเร็วต้นเท่าไหร่ก็ไม่รู้
ถ้าความเร็วต้นมาก ระยะเคลื่อนที่น้อย มันก็ยากที่จะพลิกตัวกลับมาทันแน่นอน
เหมือนแมวอ่ะ ตกที่สูงมากๆไม่เป็นไร แอต่ตกที่ไม่ค่อยสูง ไม่มีเวลาพลิกตัว ก็เจ็บตัวได้เหมือนกัน
แต่การจดสิทธิบัตรเนี่ย ไม่จำเป็นต้องทดลองครบทุกกรณี จดไปก่อน แล้วค่อยไป Research เพิ่ม
คาดว่า Apple ต้องใช้เวลาปรับปรุงอีกนานแหละครับ
มันไม่เชิงพลิก แค่ให้ทันตกในระนาบที่ปลอดภัย มั้งครับ
รอให้เป็น productก่อนแล้วจะมาชมอีกทีครับ
แนวคิดแหวกแนวดี แต่ไม่รู้คุ้มกับการเพิ่มน้ำหนักหรือเปล่า
อีกหน่อยมันคงเบาขึ้นเหมือน Moto สมัยก่อน กับ Moto สมัยนี้แหละครับ
ส่งข้อมูลก่อนเครื่องจะตก เยี่ยมเลย
ป้องกันสายลับทำลายเครื่อง
มีร่มชูชีพด้วยสิ
อาจจะมีเซ็นเซอร์ รู้ว่าอันไหนแค่แกว่งมือ หรือหล่นจากมือจริง
ผมสงสัยว่าเพิ่มแรงเหวี่ยงเข้าไปอีกไม่เท่ากับทำให้มีแรงเพิ่มขึ้นด้วยเหรอ?
นึกภาพนะถ้าคุณกำลังตกตึกแล้วดิ้นพลิกตัว คุณว่าจะตกเร็วขึ้นหรือช้าลงครับ
ผมพูดถึง "แรงขึ้น" จากแรงเหวี่ยงที่ "ถูกสร้างขึ้นเพิ่ม" นอกจากแรงที่ข้างบนคุยกันในแนวดิ่งปกติ (คือแรงโน้มถ่วง) ไม่เกี่ยวกับ "เร็วขึ้น" นะครับ
อ่านคอมเมนต์แล้วทำ facepalm...
เหมือนโนเกียแต่ก่อนที่ตกแล้ว ฝาเปิด แบตกระจายรึเปล่าครับ
จดอีกละ >"< เอาทุกเม็ด เก็บทุกสิ่งอย่าง
อันนี้นวัตกรรมครับ ยังไม่มีใครคิดจะทำ และไม่ใช่แนวคิดที่เป็นสามัญแบบว่าใครๆ ก็คิดได้ (และทำได้)
อ่านเจอจากเม้นข้างบนครับ
lenovo x1 carbon
หรือถ้าระบุชัดว่าทำกับมือถือก็คงเป็นเจ้าแรกมั้ง
x1 พลิกตัวได้? หรือว่าแค่ล็อก hdd ถ้าเป็นล็อค hdd นี่ business laptop หลายยี่ห้อทำได้แทบจะเป็นมาตรฐานของ business laptop นะครับ
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
ผมยังไม่ได้ไปหาข้อมูลนะครับว่า x1 ทำยังไง
แต่จาก comment http://www.blognone.com/node/49796#comment-641486 เค้าเขียนว่า "มีแลปทอปเจ้านึงที่ทำแบบนี้ จำได้ว่าในงานแถลงข่าวโยนลงมาจากเครนให่ดูเลยว่าลงท่าเดิมที่ออกแบบไว้โยนไงก็ไม่พัง"
ไอ้คำว่า "ลงท่าเดิมที่ออกแบบไว้" มันชวนให้ผมคิดว่า x1 พลิกตัวได้ แต่จะได้จริงหรือไม่ได้ ผมก็ไม่รู้จริงอะครับ
แนะนำให้ไปประท้วงปิด UPSTO เลยครับ ดันเปิดมาทำไมให้จด
แล้วแบบนี้จะมีปัญหากับเจ้าที่ใช้เทคนิคแนวๆนี้อยู่แล้วไหมครับ
ดีครับ แค่คิด ก็สามารถต่อยอดได้แล้ว
อย่าเพิ่งบอกว่ามันเป็นไปไม่ได้
ถ้าทำผล็อยหลุดนี่ทันแน่ แต่จับลอยหมุนสปินคงพลิกไม่ทันแน่
แอ็ปเปิ้ลจดสิทธิบัตรไว้ ตั้งเท่าไหร่
เห็นเขาเอามาใช้ทุกใบไหม
และทำไม ถึงเชื่อว่าเขาจะเอามาทำ จริงๆล่ะครับ
ที่ผมเชื่อว่าเขาจะจดไว้เป็นที่ระลึก เนื่องด้วยขนาดและต้นทุน
ไม่ใช่ว่าตกมามอเตอร์พังก่อนนะครับ
ไม่อยากจะเชื่อว่าแนวคิดนี้ของ Apple ไม่ต่างกับโปรเจกปริญาตรี(เป็นองค์ความรู้เก่า ไม่ใช่นวัตรกรรมใหม่อะไร)
ผมเคยดูสารคดีพวกวิจัยเคมีเกี่ยวกับโมเลกุลและอะตอมของสสาร เมื่อโครงสร้างถูกกระแทกหรือมีแรงกระทำสักอย่าง โมเลกุลของมันจะจับเรียงตัวกันแน่นยิ่งขึ้นและแข็งแกร่งอย่างมหาศาล(ยิ่งมีแรงกระทำมาก ก็ยิ่งแข็งแกร่ง)
ผมว่าเอาไอเดียนี้มาใช้กับกระจกหรือโครงสร้างของตัวเครื่องจะดีซะกว่า
มันเป็นการเอาของใกล้ตัวมาใช้ประโยชน์ครับ ของที่บางครั้งเราก็มองข้าม
ทำไมต้องเลือกทำให้โครงสร้างมันแข็งแกร่งอย่างเดียวโดยไม่ทำให้มันเลือกมุมตกได้ดีขึ้นด้วยล่ะครับ
แล้วคิดว่าเค้าไม่ได้พยายามทำให้กระจกหรือโครงสร้างมันดีขึ้นเหรอครับ? เห็นตะกายมาใช้กระจกกอริลล่ากันเป็นแถบ
ถ้าเกิดการปา iphone ลงพื้นหรือกำแพงห้องอย่างแรง(โมโห ทะเลาะกัน บลาๆ) ยังไงทอร์ก(Torque) ที่เกิดจากมอเตอร์ก็ไม่มากพอที่จะเอาชนะแรงเหวี่ยงที่เกิดจากการปาได้(แรงที่เกิดขึ้นมี 6 แกน)
อันนั้นเกิดจากความตั้งใจก็ยอมๆ ไปเถอะครับ
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
แหม่ ปาเองแล้วยังหวังให้เครื่องปลอดภัยก็เกินไปนะฮะ
Cat's technology
Educational Technician
สุดท้ายคือ แอบติดร่มชูชีพ (หรือไอพ่น) ไว้ในเครื่องและเพิ่ม วิธีม้วนเก็บร่มชูชีพ ไว้ในคู่มืออีก 2 หน้า น่าจะง่ายสุด ครับ
อยากให้เอามาใส่ในแผ่น CD/DVD ด้วย
ร่วงตอนยังไม่ได้เขียนข้อมูลนี่ หงายบ้างไม่ก็ลงด้านข้างกลิ้งไปพิงนั่นนี่
เขียนเสร็จเท่านั้นหล่ะ เผลอทำร่วงทีไร หน้าคว่ำตลอด 555
Ton-Or
WOW !!!
ถ้าเขย่าหาเพื่อนใน Line มือถือจะคิดว่าตัวเองกำลังตกหรือเปล่า มอเตอร์ทำงานทำให้หลุดมือไปเอง อันนี้เดี๋ยวก็คงมีคนทดสอบ
ผมยังคิดไม่ออกว่ามันจะแยกเคสใหนว่าคือการตกหรือการถือ หรือการใส่กระเป๋า ไม่งั้นตะแคงก็มอเตอร์กระตุกๆ กินไฟแน่ๆ
ตอนตกวัตถุมีความเร่งของแรงโน้มถ่วง มีทิศทางลง เข้าใจว่าตอนตก(free fall) accelerometors จะอ่านค่าได้เท่ากับ 0 ส่วนตอนถือ จะมีค่าเป็น g ตามแนวแกนของ gyro วัดได้ด้วยครับ ส่วนกินไฟหรือไม่ ไม่รู้ครับ แต่ปกติ iPhone ก็แบตน้อยนิดอยู่แล้ว ฮาฮา
ถ้าทำได้เนี่ยเทพมาก
..: เรื่อยไป
คิดว่าสิทธิบัตรนี้เป็นสิทธิบัตรแนวคิดตั้งต้นมากกว่า และเป็นการจดสิทธิบัตรที่เป็นกลยุทธ์ด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพราะว่า
1. ในสิทธิบัตรนั้นจดเป็น An electronic device ครับ จึงครอบคลุมนอกเหนือจาก iPhone ถ้าตีความไม่ผิด เช่นอุปกรณ์พวก Smart Phone, Tablet, Laptop เป็นต้น ดังนั้นถ้าใครคิดวิธีกลับตัวกลางอากาศเมื่อตก ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์อิเล็คโทรนิคประเภทไหนตามแนวคิดที่ใช้ Sensor, Processor, และ Motor ต้องจ่ายค่าสิทธิบัตรให้ Apple
2. ในสิทธิบัตรใช้คำว่าอย่างน้อย Sensor หนึ่งตัวที่สื่อสารกับ Processor, และ Processor สื่อสารกับ Motor จึงเป็นกว้างมาก เพราะครอบคลุมทุก Sensor, Processor, และ Motor (มันครอบคลุมนอกเหนือจาก CPU นะครับ)
ในสิทธิบัตรได้ยกตัวอย่าง และการทดลองแนวความคิดนี้โดยใช้ Accelerometer, Gyro, Vibe motor, และ iPhone แต่คิดว่าจากจากคำที่จดนั้นน่าจะทุกอุปกรณ์ครับ
ส่วนเรื่องการโอนถ่ายไม่ข้อออกความคิดเห็นเพราะไม่คุ้ยเคยการเปรียบเทียบกระบวนการ, algorithm ,และการเทียบโค้ด
ความคิดเห็นส่วนตัว ความเป็นไปได้ว่าสิทธิบัตรนี้เป็นสิทธิบัตรแนวคิดตั้งต้นมากกว่า และเป็นการจดสิทธิบัตรที่เป็นกลยุทธ์ด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ (กลยุทธ์ด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ผมหลายถึงนั้น อาจจะเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นต้องพัฒนานำมาใช้จริงก็ได้ครับ แต่ต้องมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง มากน้อยไม่ว่ากัน แถวบ้านผมเรียกว่า "กั๊กไว้")
appleกำลังท้าทายกฏของเมอฟี่
LG G2 ทำไม่ได้นะครับ ระบบนี้ขอบบางเกิน
คิดมั่งแล้วเอาไปจดได้มั้ยครับ
ทำ case ที่มี sensor จับว่าเครื่องกำลังตกจากนั้นจะเป่าถุงลมออกมารอบตัวเพื่อป้องกันแรงกระแทก
ปล.ใช้ได้ครั้งเดียว เหมือน airbag แล้วก็ต้องเปลี่ยนใหม่ อิอิ
ทำได้ครับ ถ้าทำให้มันใช้งานได้จริงๆ รวมถึงไม่ใหญ่เกะกะในระดับรับไม่ได้คงขายดีเป็นเททิ้ง
จดได้สิครับ แต่รายละเอียดในการจดไม่ได้เขียนแค่ 2-3 บรรทัดจดได้นะครับ ลองดูรายละเอียดที่ต้นทาง เอกสารจดนี่ 40 กว่าหน้านะครับ และมีค่าจด ค่านู่นนี่อีก
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
เอาเชือกผูกไว้แล้วทำตกแบบไม่ต้องถึงพื้น แค่นี้ก็สามารถโอ่นถ่ายข้อมูลไปยังอีกเครื่องได้แล้วเหรอเนีย
เดี๋ยวคงมีคนพัฒนา App ให้คะแนนความสวยงามในขณะที่ตีลังกาลงพื้น
นึกภาพผู้คนเอา iPhone มาโยนลงพื้นเล่น แล้วเอาคะแนนมาอวดกัน คงฮาน่าดู
เออ อันนี้เจ๋งจริง และควรขายให้กับผู้ผลิตมือถือรายอื่นอย่างยิ่งด้วย!
ปล. แต่ถ้าเจอจอบิดได้ของ LG/SS หน้าจอมือถืออาจจะไม่มีทางแตกอีกเลยก็ได้แม้ไม่ได้ติดอุปกรณ์นี้
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=10201137857221877
เงิบ
ขามีเหงื่อซิมพอให้รู้ว่าเงิบ
โฮลบีมเลยทีเดียว
เออ อันนี้ฮา ให้ผ่าน :)
เอิ่ม...
เหมือนจะตกไปคำนึงนะครับ
ว่าแต่ถ้าอุปกรณ์ชิ้นใหญ่ๆ มอเตอร์ไม่น่าจะสร้างแรงบิดได้พอนะ หุหุ
เห็นหลายเมนต์ด้านบนพูดถึงให้ติดถุงลมนิรภัย ช้าไปแล้วครับ เจ้าของ amazon ชิงจดไปแล้ว 55 ถุงลมนิรภัยสำหรับสมาร์ตโฟน
@ Virusfowl
I'm not a dev. not yet a user.
clip ใน link นั้นมันไม่ใช่ถุงลมแล้ว!! นั่นมันระบบลงจอดบนดาวอังคารแล้วหละมั้งครับ