เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาศาลอุทธรณ์ได้อ่านคำพิพากษาในคดีที่นางสาวจีรนุช เปรมชัยพรผู้อำนวยการเว็บไซต์ประชาไทถูกฟ้องร้องว่ายินยอมให้มีข้อความหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ศาลอุทธรณ์พิพากษา ยืนยันตามศาลชั้นต้น ยกคำร้องเกี่ยวกับข้อความที่ปรากฎบนเว็บไซต์ 11 วันลงไปทั้งหมด ยกเว้นหนึ่งข้อความที่ถูกแสดงบนเว็บไซต์นาน 20 วัน โทษตามเดิมคือจำคุก 8 เดือนรอลงอาญา และปรับสองหมื่นบาท
คดีนี้ทั้งฝ่ายอัยการและจำเลยต่างอุทธรณ์ ในฝั่งนางสาวจีรนุชนั้นอุทธรณ์โดยยืนยันว่าไม่มีความผิดเนื่องจากได้ลบข้อความตามที่เจ้าหน้าที่แจ้งมาแล้ว
คดีนี้เคยทำให้หน่วยงานนานาชาติ หลายหน่วยงานออกมาประณามพรบ.คอมพิวเตอร์ฯ ของไทย เมื่อวานนี้เอง สมาคมผู้สื่อข่าวไร้พรมแดนก็ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้มีการกลับคำพิพากษา
ที่มา - ประชาไท , @ Thainetizen
Comments
แล้ว พรบ ใหม่ ที่น่าจะแก้ให้เบาบางกว่าเดิม กลับเข้มข้นอีก
ต่อไปคนไทยทุกคนต้องใช้ TOR+disable javascript กันแล้วมัง
ตามไปอ่านข่าวและความเห็นเก่าๆ หลายๆความคิดเห็นได้แสดงถึงการไม่ยอมรับเหตุผลมาจากที่ไปที่มาของ พรบ ฉบับเก่า (ไม่แน่ใจว่าฉบับใหม่มีการใช้ประกาศใช้หรือยัง) แต่หลังจากเห็นร่างฉบับใหม่แล้ว รู้สึกว่า พรบ ฉบับเก่านั้นเด็กๆไปเลย
จากที่มาที่ดูเหมือนไม่เป็นที่ยอมรับแต่ตอนนี้กลับถูกนำมาต่อยอดที่หนักหน่วงมากกว่าเดิม
อยากรู้ความคิดเห็นตอนนี้จังว่าคิดยังไงกับฉบับใหม่
สำหรับผมไม่สนใจที่มาที่ไป มีไว้ดีแล้วแต่ควรจะแก้ให้มันเบาๆลงหน่อย ชัดเจนขึ้นอีกนิดก็จะดีมาก
ศาลอุทธรณ์อ่านคำพิพากษายืนยันตามศาลชั้นต้น => ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น
ยกคำร้อง ?
บหลายหน่วยงาน => หลายหน่วยงาน
แถลงการ => แถลงการณ์
ยกคำร้องทั้งหมด ยกเว้นหนึ่งข้อความที่ถูกแสดงบนเว็บไซต์นาน 20 วัน -> ยกฟ้องสำหรับข้อความที่โพสต์จำนวน 9 ข้อความ ยกเว้น 1 ข้อความที่ถูกแสดงบนเว็บไซต์นาน 20 วัน
A smooth sea never made a skillful sailor.
ศาลอุทธรณ์คำพิพากษา => ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษา / ศาลอุทธรณ์พิพากษา
พิพากษายืน หรือเปล่าครับ?
เว็บประชาไท นี่มันเว็บรวมเนื้อหาหมิ่นฯ ชัดๆ อารมณ์เดียวกับที่บางคนว่า pantip รวมเสื้อแดง กับผู้จัดการรวมเสื้อเหลืองนั่นเลย
พูดเต็มๆสมนํ้าหน้า พวกตํ่าไม่รู้จักรที่สูง อะไรควรไม่ควร น่าจะขังมันให้นานออกกฏหมายใหม่ประหารให้หมด เดี่ยวนี้พวกความคิดชั้นตํ่าเยอะทั้ง เว็บต่างๆทั้ง FB เยอะประชาไทตัวดีสุด
เอิ่ม ประหารเลยเหรอครับ
อารยะประเทศ เขายกเลิกโทษประหารกันแล้วนะครับ
ใช้วิธีเนรเทศแบบอเมริกาใช่ป่ะครับ
อารยะประเทศอื่นคนเขามีจิตรสำนึกรู้ที่ตํ่าที่สูง มันต่างกับคนไทยตํ่าๆบางส่วนไม่รู้อะไรควรไม่ควร บางอย่างที่นี่ประเททยไม่ใช่ต่างประเทศ ดูระบอบการปกครองดูกฏหมายด้วย คนไทยมันอิสระเกินไปในหลายเรื่อง ทำชั่วงาายกว่าทำดี จิตรสำนึกก็ไม่มีบางพวก
"ทำดีได้ดีมีที่ไหน ทำชั่วได้ดีมีถมไป" ใครบางคนได้กล่าวเอาไว้ และใครหลายๆ คนเห็นด้วย และใครอีกหลายๆๆ คนเอาไปทำจริงๆ
ฮ่า ๆ ขำจริง ๆ
ชีวิตมนุษย์เนี่ย มีค่าไม่เท่ากันจริง ๆ สำหรับประเทศไทย
มันไม่มีค่าความเป็นมนุษย์ ตั้งแต่ไม่รู้จักรดีชั่ว ตํ่าสูง แล้วล่ะ เพราะเป็นมนุษย์ต้องมีสิ่งเหล่านั้น หรือเป็นได้แค่มนุษย์จิตรใจความคิดการกระทำยังเป็น สัตว์เดรัจฉาน อยู่
แรงไปครับท่าน ความคิดเช่นท่าน จะมีแต่ทำให้เกิดการต่อต้านมากกว่าเดิม พูดจากใจและขออภัยหากทำให้ท่านรู้สึกไม่ดี
ชัดเจน........... รักจนเสียสติ
แนวคิดนี้นำมาใช้กับชีวิตประจำวัน = ด่าพ่อล่อแม่กรู เอาปืนไปยิงมันให้ตายดีกว่า <-- ฉันไม่ผิด มันลบหลู่พ่อแม่ฉัน
ทุกวันนี้ก็เป็นแบบนี้อยู่แล้วนี่ครับ (ผิดน่ะผิดแน่ แต่โทษไม่ถึงตาย ในขณะที่ไอ้คนโดยยิงน่ะตายไปแล้ว คุ้มมั๊ย คุ้มซิ เห็นออกข่าวบ่อยไปว่าฆ่าคนตายแล้วรอมอบตัวกับตำรวจ)
คือผิดมันผิดอยู่แล้วแหละ แต่ใครด่าพ่อแม่ผม ผมก็ไม่ยอมเหมือนกัน ประเด็นคือขอบเขตอันควรนะ
เป็นเอามากนะท่าน กินน้ำใบแปะก๊วยจะได้แจ่มใส่ขึ้น
โทษเบาไปนิด แค่นี้มันไม่กลัวหรอก ผลที่ทำมันได้ประโยชน์เยอะกว่า
ประเทศที่เขาเจริญแล้ว แค่นี้ยังไม่มีขึ้นศาลเสียด้วยซ้ำ เพราะมันไม่ใช่ปัญหา
พิมพ์จะฆ่าโอบามาบนเน็ท โดนเนรเทศออกนอกเมกาเลยนะครับ
"พวกเขา" คงมาได้แค่นี้ล่ะครับ โพสต์ทิ้งแล้วก็หาย...ไป ผมล่ะขำทุกที ไม่เข้าใจว่าทำไมคนที่รังเกียจ 2 มาตรฐาน ถึงยอมรับได้ถึงความเป็น 2 มาตรฐาน น่าขันเสียจริงๆ หนอ เหล่าผู้เจริญและหลุดพ้นแล้วซึ่ง การโฆษณาชวนเชื่อ :-)
ถ้าเว็บเรามี user ที่โพสต์ข้อความหมิ่นแล้วเราไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้น เพราะเป็นเว็บที่เขียนขึ้นเองไม่ใช่ cms จึงไม่มี email แจ้งและไม่ได้มอนิเตอร์ทุกวัน
ขึ้นอยู่กับการตัความของศาลครับ คุณอ้างแบบนี้ไม่ได้ถ้าสอบสวนพบว่าตั้งใจปล่อยให้มีก็โดน (เช่นอ้างว่าไม่ได้ มอนิเตอร์ทุกวัน ทั้งๆที่วันนึงมีคนโพสแค่ 5-10 ข้อความ มันก็ส่อเจตนาน่ะ)
แปลว่ามีโอกาสผิดสูง possibility อาจจะเกิน 90%
พวกที่ไปด่าเวปเนี้ยรู้เรื่องอะไรกับเค้ารึเปล่าครับเนี้ย
เจ้าของเวปเค้าไม่ได้โพส มันมีคนไปโพสบนเวปเค้า เค้าไม่รู้เลยไม่ได้ลบ กลับโดนข้อหาหมิ่นซะงั้น
"ยกเว้นหนึ่งข้อความที่ถูกแสดงบนเว็บไซต์นาน 20 วัน" และ รอลงอาญาครับ
ตย. มีคนเอาปืนมาวางในบ้าน ตำรวจรวจค้นเจอ บอกว่าไม่รู้ได้ไหม :-)
ปล. แก้ไขตัวอย่างให้ตรงประเด็น
ถ้าแจ้งแล้วลบ ศาลก็ยกฟ้องส่วนที่ปล่อยไว้นาน ก็ตัดสินได้รับโทษตามสมควรก็โอเคแล้วครับ
ในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ
"ไม่มีบุคคลใดในโลก จะเป็นที่รักของมนุษย์ ทุกคนในโลกนะครับ
คดีนี้ไม่สามารถตามรอยได้ครับว่าแจ้งมาเมื่อไหร่ ทางฝั่งคุณจีรนุชแจ้งว่าลบโดยเร็วหลังได้รับแจ้งแล้ว
ส่วน 20 วันที่ว่าคือนับจากวันที่โพส ไม่ใช่วันที่แจ้งครับ
lewcpe.com , @wasonliw
ตอนแรกเข้าใจว่า 20 วัน จากวันแจ้งถ้าพิสูจน์ไม่ได้ว่าแจ้งวันไหน ก็แย่เลย
คุณเชื่อไหมว่าคนส่วนใหญ่ ถ้าเจอเนื้อหาหมิ่นมักจะเที่ยวไปป่าวประกาศให้คนอื่นๆ เข้ามาดูแทนที่จะแจ้งเพื่อให้ลบ
ผมเล่าเรื่องตลกที่คอนโดที่ผมพักอยู มีลิฟท์ตัวนึงที่เสียใช้ไม่ได้ประมาณ 3 อาทิตย์ จนมีคนเอาปากกาเมจิก มาเขียนด่า นิติฯ อย่างหยาบคาย ไว้ที่ผนังลิฟท์ เต็มไปหมด
ผมเข้าไปจ่ายค่าส่วนกลาง ผมเลยแจ้งนิติไปว่า ลิฟท์เสีย
นิติตอบว่า อ่าวนึกว่าช่างมาซ่อมแล้ว ตั้งแต่ 3 อาทิตย์ก่อน เด๋วตามให้ค่ะ
พอวันรุ่งขึ้นลิฟท์ก็ใช้ได้ครับ
เอาปากกาเมจิกมาเขียนด่า กับแจ้งนิติ ผมว่าอย่างแรกยังใช้ความพยายามมากกว่าอีก
ทุกวันนี้ขึ้นลิฟท์ ก็ยืนอ่านคำด่าที่หยาบคายนั้นไปทุกวัน ในใจคิด เอ๊ะเค้าด่านิติ หรือ ด่าเรา 555
รู้ได้ยังไงว่าเค้าไม่รู้ครับ...
แล้วคุณรู้ได้ยังไงครับว่าเค้ารู้ ?
ผมไม่รู้หรอกครับ แต่เห็นท่านมั่นใจขนาด ก็เลยถามดู
ตกลงรู้ได้ไงว่าเค้าไม่รู้ครับ... :-p
เค้าบอกว่าเค้าไม่รู้ครับ
ถ้าคุณไม่มีหลักฐานไปแย้งว่าเค้ารู้ ก็ต้องยึดตามนั้นไว้ก่อนครับ
ผู้ดูแล ไม่กี่คน กับ สมาชิกที่โพสต์กัน วันละเป็นหมื่นเป็นแสน ความคิดเห็น
คุณจะดูแลได้ทั่วถึงทุกตัวอักษร จริงเหรอครับ
ผมว่าประเด็นแบบนี้ เราควรพบกันครึ่งทาง คือ นับไป 3 วันทำการขึ้นไป หลังจากได้รับแจ้ง โดยไม่สนว่าผู้แจ้งเป็นใคร
เวบประชาไทยเคยอ่านแล้วก็รู้แนวคิดของพวกนี้แล้วแหละครับ
เวลาเห็นคนคลั่งเจ้าต้องการเข่นฆ่าคนเห็นไม่ตรงกัน แล้วผมว่าพวกนี้น่าจะเข้าใจความรู้สึกมุสลิมคลั่งพระเจ้าเอามากๆเลยนะ
คนที่รักอะไรมากๆ จน"ฆ่า" กันได้นี่นะ มันเกินคำว่าเหตุผลที่จะคุยกันได้ไปนานแล้ว
ไม่แปลกที่ประเทศพวกนั้นจะกีดกันสิทธิสตรี และมีกฏหมายดึกดำบรรพหลายๆอย่าง เช่นห้ามสตรีขับรถโดยที่คนในประเทศต่างเห็นดีเห็นงามด้วย แต่พอมองจากมุมมองนอก มันเหมือนเกิดมาเป็นผู้หญิงแล้วผิดยังไงยังงั้น
บางคนอาจจะไม่เข้าใจว่า ระบบการปกครองด้วยพระมหากษัตริย์มีหลายระดับทุกๆคนอาจจะรักเหมือนกัน แต่พวกเขาอาจจะไม่ได้อยากได้ระดับการปกครองเดียวกัน
ก็เลยเกิดการทะเลาะกันเรื่องนี้ขึ้นมา
ปัญหาที่อยากชี้ให้เห็นก่อนจะบอกว่า ใครรักไม่รัก คือ ไปด่า แล้วเข้าคุก15ปี นี่มัน"สมเหตุสมผล"หรือเปล่า?ถ้าติดตามประวัติศาสตร์ของกฏหมายนี้จะรู้ว่า กฏหมายแรงกว่าสมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์เสียอีก
ยิ่งนำเรื่องรักไม่รักไปผูกกับความมั่นคงด้วยแล้ว มันถึงกับตั้งคำถามไม่ได้เลย
ทีนี้ของที่ตั้งคำถามไม่ได้ ก็จะแก้ไขไม่ได้ หากมีเรื่องขึ้นมา ก็เท่ากับจบ เพราะแตะไม่ได้เลย
ของที่เราถนอมมันจริงๆ เราต้องคอยดูแลครับ
แล้วการดูแลนี่ ไม่ใช่การ ไม่แตะต้อง ไม่ใส่ใจ และห้ามหายใจรดแต่เป็นการเข้าไปรักษาสภาพไม่ให้ทรุดโทรม และพัฒนาปรับปรุงต่างหาก
แม้แต่ศาสนา เรายังมีคำว่าสังคายนา เพื่อให้เข้ากับกาลเวลายุคสมัย
คนที่ยึดติดเกินจนมองข้ามความเป็นมนุษย์ ผมว่านั่นแหละตัวการทำลายสถาบัน
เพราะคุณกำลังกระพือความรู้สึกตรงข้ามแบบรุนแรงขึ้นมา
หากใช้เหตุผลแต่แรก คดีพวกนี้ ผมว่าไม่ได้เกิดหรอกครับ แค่คนลงทัณฑ์เวปนี้ด้วยการไม่ไปเข้า เขาก็เจ๊งแล้ว
ปล.มาตรา112ติดอันดับกฏหมายโทษหนักที่สุดอันหนึ่งของโลกเลยนะครับ คิดว่า นี่คือสิ่งที่เราควรภูมิใจ?
เห็นด้วยหลายอย่างเลย ไม่เห็นด้วยก็พอมีแต่ไม่อยากพิมพ์อะไรเพิ่ม ขี้เกียจกลั่นกรองคำพูดที่ใช้พลังสมองเยอะเกรงใจเหล่า F เดี๋ยวโดนเรียกคุย
กฎหมายถึงจะมีโทษแรงแค่ไหนผู้ที่ไม่คิดจะทำผิดกฎหมาย ย่อมไม่เดือดร้อน
ในทางจิตวิทยาของอาชญากร นั้น คนที่ต้องการยกเลิกกฎหมายใด แสดงว่าเขาอยากทำผิดกฎหมายนั้น
ในความตอนหนึ่ง http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1317534718
สมัยก่อน มีกฏในศาสนจักรว่า ถ้าใครจะพูดว่าโลกกลม ไม่เชื่อในพระเจ้า จะต้องถูกประหารครับ เป็นพวกนอกรีต
สมัยนั้นคงมีคนอยากยกเลิก
สมัยนี้คนที่พูดเรื่องโลกกลมคงไม่ได้เป็นอาชญากร
เราอยู่ในยุคมืดของศาสนจักรเหรอครับเนี่ย แนวคิดล่าแม่มดสุดๆ
พูดเหมือนคนที่ด่า Edward Snowden กับ Chelsea Manning ว่าเป็นคนทรยศชาติเลยครับ
"จะเดือดร้อนไปทำไม หรือว่ามีอะไรให้ปกปิต? ที่แท้วางแผนจะก่อการร้ายรึเปล่า?"
เรื่องนี้มีปัญหาทั้ง
-พื้นที่ความคิด และพื้นที่แสดงออก
-ความสมเหตุสมผลของโทษที่มีต่อความผิดที่กระทำ
-แนวคิดที่ว่า "ไม่ใช่พวกเรา ถือเป็นศัตรู" ตรรกะขาวดำ
คำพูดของคุณเปรียบได้กับว่า หากคุณเดินผิดเลน แล้วจะโดนส่องหัว ตราบใดที่ไม่เดินผิดเลน ย่อมไม่โดนส่องหัว
ปัญหาที่ผมจะชี้คือ คุณเดินผิดเลน ทำไมต้องโดนส่องหัว?
ไม่ต้องยกว่า นี่คือปัญหาความมั่นคง คนไม่จงรักฯ คนไม่รักชาติ บลาๆ นะครับ
เอาง่ายๆว่า จุดที่คุณยอมรับได้ของโทษในกรณีแบบนี้คืออะไร? แล้วลองเปลี่ยนคำว่า"สถาบัน" ไปเป็น"ศาสนา" "พระเจ้า" ดูนะครับ จะได้เห็นอะไรชัดขึ้น
-ครับ ผมเห็นว่าประวัติศาสตร์ไทยโดยเฉพาะประวัติศาสตร์ไทยยุคใหม่ มีการศึกษาด้านนี้น้อยกว่าควรอย่างมากครับการปกครองสมัยก่อนทำได้อย่างไร การสื่อสารมีผลอย่างไรต่ออาณาเขตการปกครอง หรือลักษณะอิทธิพลที่มีผลต่อการเมืองภายในรัฐสยาม ก็ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องที่น่าศึกษาทั้งสิ้น
แต่ถ้าคุณไปดูจริงๆ จะรู้ว่า ด้านนี้ ประเทศเรามีบันทึกลงลึกไว้น้อยมาก และหนังสือปวศ.หลายๆตัวก็ไม่ได้มีการค้าน ไม่ได้ตรวจสอบกับบันทึกของประเทศรอบข้างให้แน่ชัด
-อินเตอร์เน็ตเป็นอุปกรณ์สื่อสารก็จริงครับ แต่ในด้านการติดต่อมันเป็นสื่อที่มีผลกระทบกว้างต่อทุกวงการ ปัญหาด้านนี้คือกฏหมายของเรา และนักกฏหมายยังตามการปฏิวัติใหม่นี้ไม่ทันครับ เรื่องนี้เป็นหัวข้อถกเถียงกันอยู่แล้ว แม้แต่ในเวปนี้
-ความสมเหตุสมผลของโทษที่มีต่อความผิดที่กระทำ เรื่องนี้ผมต้องบอกว่าผมผิดเองที่ไม่ได้แจงให้ชัดว่า ผมมองคดีรวมทั้งหมดที่เกิดขึ้นในรอบสองสามปีที่ผ่านมาครับ แล้วการที่คดีประชาไทโดนน้อยกว่าคดีอื่นๆก็ไม่ได้ทำให้กฏหมายนี้ดีขึ้นมากกว่าเดิม เพราะคดีที่ผ่านมา พิสูจน์ให้เห็นว่า การใช้อำนาจอย่างฟาดแส้รวม มันทำได้เลวร้ายขนาดไหน
สุดท้าย ทำไมคุณต้องโกรธแค้นมากขนาดนี้ครับ? นี่เล่นด่ากันเป็นบรรทัดๆเลยนะครับ ผมไปด่าใครที่ไหนรึเปล่านี่?
ผมว่านั่นไม่ใช่คำตอบนะ กฎหมายของแต่ละที่ก็แตกต่างกันไปและไม่ได้สมบูรณ์แบบขนาดนั้น ยกตัวอย่างเช่นกฎหมายที่บังคับให้ประชาชนต้องส่งภาษีตามที่กำหนดไม่ว่าจะยากไร้หรือขัดสนแค่ไหนในจีนสมัยก่อน
ไม่ได้ทำผิดอย่าไปกลัว คือคำพูดของคนที่ไม่ได้มีความรับผิดชอบในจุดนั้น
ยังไม่สามศาลเลย คดีก็เลยยังดูไม่สุด วิจารณ์ลำบาก
บ้านเมืองน่าจะดีกว่านี้ถ้าเราแลกเปลี่ยนข้อมูลความคิดเห็นกันได้อย่างอิสระ อย่าให้ต้องถึงฆ่าแกงกันเลยคุณเคยคิดผิดไหม คุณเคยโดนหลอกไหม ผมเคยนะ
ขอให้เชื่อในสิ่งที่คุณเห็นมากับตา ได้ยินมากับหู พวกบอกต่อก็บอกแหล่งที่มาหน่อย แล้วเอามาแชร์กันครับยิ่งแชร์เรายิ่งรู้ครับ
ผมคิดว่าคนเรามีกะลากันคนละใบครับ ต่างคนต่างเชื่อว่าตัวเองอยู่นอกกะลาสรุปว่าใครกันแน่ที่รู้ข้อเท็จจริง ผมว่าคุณก็ไม่น่าจะมั่นใจได้นะครับว่าสิ่งที่คุณรับมามันไม่ใช่โฆษณาชวนเชื่อ?
คนรุ่นใหม่โดนเป่าหูง่ายครับ บางคนได้ยินอะไรมาแค่ครั้งเดียวก็เชื่อเต็มที่แล้ว
ส่วนตัว เห็นว่า กฏหมายข้อนี้ ไม่ถูกต้อง ตามหลัก สามัญสำนึก และ ความเป็นมนุษย์ ครับ
แต่ในทางกลับกัน การที่จะไม่ทำผิด กฏหมายข้อนี้ ก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็น เกินความสามารถ ของมนุษย์ คนนึง เช่นกันครับ
ต่อๆไปคงได้กินพิซซ่ากันเป็นแถบๆ
ขอบคุณประชาธิปไตย ที่ให้เราได้กินพิซซ่ากันฟรีๆ
จากการศึกษาของผมเองนะครับ
คนมีอยู่สองประเภทครับ
ประเภทแรกเขาคิดว่าเรื่องอะไรก็ตาม ไม่มีผลเสียต่อส่วนรวม(ในมุมมองของเขา) หรืออาจจะไม่มีผลต่อตัวเขาเอง
ถึงจะไม่ถูกต้องยังไงก็ไม่ควรไปแก้มัน
ประเภทที่สองเขาคิดว่าเรื่องอะไรก็ตาม ถ้ามันไม่ถูกต้อง ก็ควรจะแก้ไขมัน
คนประเภทแรกจะมองคนประเภทที่สองว่า สร้างความวุ่นวายส่วนคนประเภทที่สองก็จะมองคนประเภทแรกว่า ถ่วงความเจริญ
เพิ่มอีกนิด...
คนทั้งสองประเภทนี้จะตัดสินอีกฝ่ายตามมุมมองของตัวเอง
(เช่นบอกว่าคนประเภทที่สองต้องการทำผิด เลยอยากไปแก้ไขกฎหมาย)
ซึ่งพอความคิดพื้นฐานไม่ตรงกัน และก็ไม่ได้เข้าใจอีกฝ่ายทำให้ไม่สามารถคุยกันเข้าใจได้