ถ้ายังจำกันได้ Amazon Fire Phone เปิดตัวเมื่อเดือน มิ.ย. โดยเน้นตลาดบนที่ราคา 649 ดอลลาร์ และวางขายแบบ exclusive เฉพาะกับเครือข่าย AT&T ของสหรัฐ (เริ่มขายจริงวันที่ 25 ก.ค. ที่ผ่านมา)
อย่างไรก็ตาม สถิติจากบริษัทโฆษณา Chitika พบว่าอัตราการใช้งาน Fire Phone กลับไม่เยอะอย่างที่ควรจะเป็น (วัดจากโฆษณาในเครือข่ายของ Chitika ที่ลงผ่านแอพต่างๆ) และถ้าเทียบกับมือถือราคาใกล้เคียงกันอย่าง LG G3 จะพบว่าอัตราการเติบโตของ LG G3 เติบโตเร็วกว่า Fire Phone ถึงสามเท่า ถ้านับตามระยะเวลาหลังวางขายจริง
Chitika คาดว่าเป็นเพราะ Fire Phone วางขายแบบ exclusive กับ AT&T ทำให้ช่องทางการขายจำกัด จึงนำสถิติของ Droid Ultra ที่เคยขายแบบ exclusive กับ Verizon มาเทียบ และพบว่าอัตราการเติบโตใกล้เคียงกันกับ Fire Phone
ด้วยเหตุนี้ Chitika จึงพอสรุปว่ามือถือแบบ exclusive เริ่มเจอข้อจำกัดเรื่องช่องทางการขาย เพราะพฤติกรรมของผู้บริโภคชาวอเมริกันเปลี่ยนไปจากเดิม อย่างไรก็ตาม Chitika ก็ยอมรับว่ามีปัจจัยผันแปรอื่นๆ อีกมากที่ต้องนำมาพิจารณาเพิ่มเติมด้วย
ที่มา - Chitika
Comments
เวลาพังขึ้นมา ศูนย์เคลมก็น้อยตาม
คนที่เค้าอยากใช้ แต่ไม่ได้อยู่ในเครือข่ายนั้นๆก็อดไป
แล้วยิ่งเครือข่ายนั้นๆมีแต่ชื่อเสียด้วย เค้าคงไม่ย้ายไปติดสัญญาทาสกันหรอก
มันก็จริงยิ่งมีสถานที่วางสินค้าน้อย ก็ขายได้น้อยเป็นธรรมดา แถมบางคนก็ไม่ชอบใช้ค่ายมือถือค่ายนั้นอีกต่อให้อยากได้ก็คงถอย
IPhone รุ่นแรกๆ ก็ exclusive กับ at&t ยังขายได้ถล่มทลาย คิดว่าพฤติกรรมน่าจะเปลี่ยนไปเพราะ t-mobile ก็ไม่มีสัญญาทาสแล้วด้วย
iPhone รุ่นแรกๆ ในสมัยนั้นขายได้ถล่มทลายเพราะลูกค้าเห็นว่าของเค้าดีจริง(ในสมัยนั้น) ไม่เหมือนใครและไม่มีใครมาเป้นตัวเปรียบเทียบ
สมัยนี้ มันไม่มีอะไรฉีกแนวไปจากเดิมมากเท่าไหร่.. smartphone จอสัมผัสมีขายจนเกร่อ.. สัญญาทาสก็มีผลต่อการตัดสินใจในทางลบเยอะมากๆอยู่เหมือนเดิม ยอดขายเลยอยู่ในวงจำกัดแค่นั้นก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องแปลกอะไร
Thank you, Captain Obvious.
I was gonna say that. Thanks.
แหม่ เอากลุ่มตัวอย่างแค่ 2 รุ่น มันใช่งานวิจัยที่มีคุณภาพเหรอ
จะexclusiveไปไหนเนี่ยตัวเลือกในปัจจุบันเยอะแยะมากมาย
คนอยากใช้มีถมถืดแต่เขาก็เลือกอันไหนที่เขาซื้อได้ง่ายกว่าและข้อจำกัดน้อยกว่าอะนะ