เว็บไซต์ 9to5Mac ที่เป็นเว็บรายงานข่าวเกี่ยวกับ Apple อ้างถึงรายงานข่าวของ The New York Times ที่ระบุว่า Jony Ive หัวหน้าฝ่ายออกแบบของ Apple ได้พูดกับนักออกแบบคนอื่นๆ ของ Apple ว่า iWatch จะทำให้ผู้ผลิตนาฬิกาจากสวิตเซอร์แลนด์ ตกที่นั่งลำบาก (“Switzerland is in trouble.”)
โดยก่อนหน้านี้ทาง Apple ได้มีการว่าจ้างผู้บริหารและเจ้าหน้าที่จากบริษัทนาฬิกาและของหรูไปจำนวนมาก โดยรวมไปถึงเจ้าหน้าที่ระดับบริหารจากผู้ผลิตนาฬิกาชื่อดังอย่าง TAG Heuer ด้วย
แม้จะออกมาค่อนข้างมั่นใจขนาดนี้ แต่ผมก็ไม่แน่ใจว่า iWatch จะสู้ Breguet ได้หรือไม่กันแน่ในเชิงความคลาสสิก
ที่มา - 9to5Mac
Comments
คลาสสิค => คลาสสิก
โถ...เจ้า Ive น้อย...
บล็อกส่วนตัวที่อัพเดตตามอารมณ์และความขยัน :P
... ไช้หน้าปัดลายตุ่มแดงสินะ
samsung ใหญ่แค่ใหน ?https://youtu.be/6Afpey7Eldo
อันนี้ไม่แน่ใจ guideline หรือ style ของ blognone นะครับ แต่ความเห็นส่วนตัวของผู้เขียนโดยปกติไม่ควรเป็นข่าวนะครับ
เป็นแนวทางของที่นี่ครับ
รับทราบครับ
ผมคิดว่าผมค่อนข้างแบ่งชัดนะครับ (เป็นย่อหน้าสุดท้าย) และก็ทำตามแนวปฏิบัติ (guidelines) โดยไม่ไปบิดเบือนเนื้อหาภายใน ถ้าคิดว่าไม่โอเคอย่างไรก็บอกได้นะครับ
I'm ordinary man; who desires nothing more than just an ordinary chance to live exactly what he likes and do precisely what he wants.
เหอๆ จะคอยดู
:: DigiKin8 ::
จริงๆ มันก็ควรจะเป็นแบบนั้นอยู่แล้วหนิ กลุ่มตลาดนาฬิกาสวิส ก็คงเหลือแค่กลุ่มคนซื้อความคลาสสิกปลับตัวไม่ดีก็อาจจะเดจาวูคล้ายๆสมัยกล้องฟิล์ม หรือฟีเจอร์โฟน
ไม่เชิงครับ
กล้องฟิล์มกับฟีเจอร์โฟนมันหาย (หรือเหลือน้อย) เพราะมันมีเทคโนโลยีมาแทนที่ทำได้ดีกว่า
แต่นาฬิกาคลาสสิคคนไม่ได้ซื้อเพราะ "เทคโนโลยี" ตั้งแต่แรกอยู่แล้วล่ะมั้งครับ (นอกจากการเลือกกลไกน่ะนะ)
นาฬิกาสวิสไม่ต้องมี heart rate monitor ไม่ต้องมี GPS ไม่ต้องเชื่อมต่อกับมือถือได้ คนก็ซื้อครับ
ถ้าคิดงั้นทุกคนคงอยากได้ G-Shock หมดละครับ
ผมซื้อนาฬิกาแพงๆเพื่อเสพกลไกอันสุดซับซ้อนครับ ความคลาสสิกมันเป็นผลจากการสร้างสรรค์จักรกลที่เหนือกาลเวลา
+100
แค่เรื่องแบต smart watch ก็สู้ยากแล้วครับ
ไม่แปลกใจ เพราะถ้าทำอย่างที่คุยไม่ได้ก็ไม่ต่างอะไรกับ Gear ของ ss สินะ
หืมมม ถ้าขายแค่ความคลาสสิก เราไม่ต้องเสียเวลาสร้างแบรนด์ สร้างตัวตนก็ได้มั้งครับ แค่ทำสวยๆ คนก็ซื้อแล้วมั้งPam ที่ทำได้แค่ดูเวลา มันก็ไม่ทำให้คนอยากได้มากไปกว่า Casio G-Shock หรอกมั้ง
เชียร์นาฬิกาใส่ซิมได้อยู่สินะครับ :->
อัลไลกันนี่...
อ๊ากกก ขออภัยจ้า จะตอบเม้นบน ไม่รู้ไปกดผิดได้ไง ฮ่าๆ
มันต้องใช้แล้วโอเคกว่า นาฬิกาทั่วไป ถึงจะดีนะ
อย่างเช่น คล้ายๆใช้ไอโฟนย่อส่วน แต่แบตอยุ่ได้นานมาก 7 วันเป็นอย่างต่ำ เวลาชาร์จก็แค่วางไว้บนที่รองไม่ต้องเสียบสาย
เขาว่าเป็น British Joke น่ะ…
ถ้าขายสัก 4 หมื่นขึ้น เหมือน Tag ผมว่าสู้ได้นะ
คนละตลาด
ถ้ามาเป็นแบบเทคโนโลยี hologram แบบในหนัง คือลอยออกมาจากนาฬิกาเลยแล้วใช้งานได้จริงนี่ stun อึ้งครับ o_O
+1 ถุงกาวครับ
ถ้าสาวกยังไงก็ซื้อนะ แต่คนทั่วไปคงคิดมากหน่อย เพราะลูกเล่นทั้งหมดมีในมือถือหมดแล้ว และดีกว่าด้วย
ขนาดนั้นเลยเหรอ
คงไม่ได้ว้าวถึงขนาดที่จะปฏิวัติให้คนเลิกใส่นาฬิกากลไกอะนาล็อก แล้วหันไปใส่ Smart Watch แทน
ความคลาสสิกของนาฬิกากลไก เปรียบเสมือนกับกางเกงยีน ที่ใส่ได้ทุกยุกทุกสมัย ไม่ตกยุค
ผมว่าน่ะ iWatch อย่างมากก็แค่อาจจะดีกว่า Galaxy Gear นิดนึง หรืออาจะสวยกว่า Moto360 นิดหน่อย แค่นั้นเอง
นาฬิกากลไก ดีๆ เดินตรงกว่า พนันกันม๊าาาา 555
เพราะตั้งเวลาใหม่ด้วย atomic clock ผ่านเน็ตใด้ทุกวัน ผมว่าในเชิงการไช้งาน smart watch ตรงกว่านาฬิกากลไกที่แบตหมดแล้วตั้งเวลาใหม่ด้วยมือ
samsung ใหญ่แค่ใหน ?https://youtu.be/6Afpey7Eldo
ไม่น่าจริงนะครับ
ผมเคยซื้อนาฬิกาดิจิตอลตั้งโต๊ะจากญี่ปุ่น มันตั้งเวลาเองได้ รับสัญญาณวิทยุ เวลาตรงตลอดไป แต่เอามาใช้ที่ไทยเหมือนนรก มันตั้งเวลาเป็นญี่ปุ่นเองทุกวัน เหมือนพวกสมาร์โฟนก็ตั้งเวลาผ่านเนต
ผมยังไม่เข้าใจว่าทำไมในไทยถึงไม่มีใครสักคนตั้งเสาสัญญาณบ้าง - -" จริงๆ น่าจะช่วยกระตุ้นยอดขายได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
ตอนนี้อุปกรณ์ที่ผมเชื่อเวลามากที่สุดคือนาฬิกาที่อยู่บนจักรยานผมเพราะมันดึงเวลา GPS มาใช้ บางทีผมก็สงสัยว่าทำไมโทรศัพท์เราต่อ GPS ออกบ่อยไม่ดึงเวลา GPS มาใช้บ้าง (ซึ่งน่าจะดีกว่าดึงผ่านเน็ตที่ latency เท่าไหร่ก็ไม่รู้)
มือถือผมตั้งเวลาตาม network-provided time (ของ operator มั้ง) ส่วนคอมก็ตั้งตาม times.windows.com มันควรจะน่าเชื่อถือพอไหม
แต่เดี๋ยวนะ เราต้องสนใจเวลาแป๊ะ ๆ ขนาดนั้นเลยเหรอครับ... ที่บ้านผม ตั้งนาฬิกาในบ้าน (ไม่รวมพวกมือถือ) ให้เร็วกว่าเวลาที่ควรจะเป็น 15 นาทีตลอด...
Jusci - Google Plus - Twitter
555 จริงๆ แค่นั้นก็พอแล้วครับ แต่บางทีก็อยากให้มันเป๊ะเพราะเวลาปฏิทินเตือนมันจะได้ดังพร้อมกันรวดเดียวไปเลย (T^T)
อ้อ network-provided time นี่ผมเคยโดนทรูเล่นงานนะครับ อยู่ๆ เวลาก็ผิดจากปกติไปครึ่งชั่วโมง ดันเป็นช้ากว่าปกติเสียด้วยสิ ดีนะผมยังใส่นาฬิกาข้อมืออยู่เสมอ
เหมือนมีคนพูดแบบนี้สมัยมือถือบูมๆแล้วเป็นไงละ?
ตอนนั้นมันไปกระทบตลาดนาฬิการาคาถูกครับแบบที่เด็กๆใส่ ที่หาได้ตามตลาดนัดน่ะครับ ไม่ใช่นาฬิการาคาแพง ทั้งที่แพงจริง หรือแพงก๊อปฮ่องเต้ก็ตาม
แต่ถึงกระนั้นครั้งนี้ผมก็เห็นตรงกับคุณครับ ผมคิดว่า iWatch ยังไม่สามารถทำลายกำแพงนาฬิกาหรูได้หรอก
ข่าวออกเยอะ ความคาดหวังก็เยอะ หวังว่าจะไม่แป้กเหมือน 5c นะ
ผมว่าเค้าเล่นมุกมากกว่านะ แค่หลายคนไม่เข้าใจกัน
คล้ายๆกับเวลาผมจะเปิดร้านขายของแต่ผมไม่เปิดผมเลยพูดว่า "ไม่อยากเปิดหรอก ถ้าเปิดแล้วเดี๋ยว 7-11 มันจะเจ้ง"
ผมว่านาฬิกาข้อมือที่อาจจะตกที่นั่งลำบากก็ช่วงราคาระดับเดียวกับ Smart Watch เพราะในระดับนี้
จะเป็นนาฬิกาข้อมือที่คุณภาพไม่สูงมาก ผู้ใช้มักเปลี่ยนบ่อยอยู่แล้ว กลุ่มนี้จะเน้นเรื่องฟังก์ชั่นมากกว่า
ส่วนที่ไม่ได้รับผลกระทบเลยคือนาฬิการะดับหรู เค้าขายกลไก วัสดุ ความประณีต อยู่ไงก็อยู่งั้นแหล่ะ
ท่านเซอร์ฟันธงขนาดนี้ อดใจรอวันที่ 9 ไม่ไหวแล้ว :)
หวังว่าท่านเซอร์คงไม่ทำให้ผิดหวังใช่ไหมครับ
มันก็แล้วแต่ตลาด
ถ้าตลาดยี่ห้อ Hi-End ของนาฬิกาสวิสก็คงไม่กระทบ
แต่ถ้าตลาดกลางๆก็คงกระทบกันบ้าง
สมัยตอนควอทซ์ นาฬิกาสวิสก็เคยเซๆช่วงนึง
แต่ตอนนี้ก็ยังยืนอยู่ได้เพราะมีกลุ่มคนซื้อของเขาบวกกับการปรับตัวรวมกลุ่มกันของบริษัทใหญ่ๆ
+1 ตอนนั้นเซไปเลย จนต้องมีแบรนด์ชื่อ Swatch ขึ้นมา
I'm ordinary man; who desires nothing more than just an ordinary chance to live exactly what he likes and do precisely what he wants.
ใช่แล้วครับ แล้วยังมีคู่แข่งที่ใหญ่อย่าง Richemont group อีก
จริงๆแล้ว ถ้ามองในทางกลับกัน เปลี่ยนเป็นนาฬิกาสวิสตื่นตัวมาจับมือกับผู้ผลิตโทรศัพท์แล้วทำ smart watch มาแข่ง แบบนี้อาจจะเป็นคู่แข่ง iWatch ก็ได้นะ
แต่อะไรๆก็เกิดขึ้นได้ ทั้งวงการนาฬิกา ทั้งวงการมือถือ ก็คงต่างต้องปรับตัว
ไม่คิดว่า smart watch จะตีตลอดนาฬิกาเดิมๆ ได้เลย ส่วนตัวไม่เคยคิดอยากได้นาฬิกาที่ต้อง charge batt ทุก 2-3 วัน ไว้แบตอยู่ได้ 6เดือน - 1ปีต่อการ charge ครั้งนึงก่อนค่อยว่ากัน
Smart watch จะมาแทนนาฬิกาอย่างพวก G-shock อ่าเชื่อครับว่าเป็นไปไหน แต่ นาฬิกา สวิส มันคนละตลาดกับ Smart watch ค่อนข้างชัดเจนครับ
บางคนอาจชอบความทนทาน ทึกๆ
Smart Watch ไม่ค่อยทน ตกหรือกระแทกแรงๆจออาจแตกได้
ที่สำคัญแบตไม่ทน
นี่ขนาด "อ้าง" นะเนี่ย
ยังไม่รู้เลยเจ้าตัวพูดจริงป่าว
ผมใช้คำแทน นาฬิกา swiss made เป็นนาฬิกากลไกแทนนะครับ ถึงแม้ว่าจริงๆแล้ว swiss made จะมี quartz อยู่เยอะมากก็ตาม
คือนาฬิกา swiss made ตายไปแล้วครับ ในช่วง late 70's early 80's เพราะว่า quartz นี่แหละครับ ทีนี้ พอมันกลับมา มันไม่ตายเพราะเหตุผลเดิมหรอกครับ
สำหรับผม(คนบ้านาฬิกา)quartz เป็นเครื่องบอกเวลาไม่ใช่นาฬิกา และ iwatch (electronic watch) ที่เดินด้วยความถี่จาก สัญญาณนาฬิกา ที่ยิงไฟไม่ผ่านระบบ quatz ด้วยซ้ำ เนี่ย มันเป็นแค่ clock interface เท่านั้น ถ้า Ive พูดจริง และ มี power ขนาดนั้น apple เจ๊งแล้วหละครับ
เสียดายนะ เพราะว่า แม้จะไม่เคยมีอะไร apple มาทั้งชีวิต ก็ยังรัก แนวคิด apple อยู่ ตราบเท่าที่ไม่มีไอ้กุ๊ย ข้างถนนมามั่วซั่วอะไรแบบนี้
ประโยคนี้ฟังแล้วน้ำตาจะไหล ผมอยากปรบมือให้สามพันแปดร้อยเจ็ดสิบห้าครั้ง
I'm ordinary man; who desires nothing more than just an ordinary chance to live exactly what he likes and do precisely what he wants.
ผมขอปรบมือให้ 32,768 ครั้งครับ จริง ๆ อยากทำต่อวินาทีด้วย แต่ไม่สามารถ 5555
Jusci - Google Plus - Twitter
+86400 ให้กับคอเดียวกัน
สำหรับคนทั่วไปที่ใส่นาฬิกาควอทซ์ นาฬิกาก็แค่เครื่องบอกเวลา หลายคนที่ผมรู้จักยังบอกเลิกใส่นาฬิกาเพราะดูเวลาเอาจากมือถือก็ได้สำหรับนักสะสม เค้ามองว่ามันคือ Luxuary แบรนด์ แต่สำหรับผม ผมสนใจนาฬิกากลไกสวิสในแง่ที่มันไม่ใช่แค่นาฬิกา มันคือประดิษฐกรรม บางเรือนยังเป็นนวัตกรรมใหม่ๆด้วยซ้ำ ถ้าใครสนใจวงการนี้ก็จะเข้าใจ นาฬิกามันไม่ใช่แค่หน้าปัดกลมๆมีเข็ม
นาฬิกาอย่าง Tag Heuer : Mikrogerdir , Jaquet droz : Charming Bird , Harry Winston Opus ต่างๆ นวัตกรรมกลไกและวัสดุศาสตร์แบบนี้ iWatch ของท่าน Ive ก็กลายเป็นนาฬิกาเกมส์กดไปเลยนะท่าน
รบกวนทั้ง 3 ท่านอธิบายยาวๆ ได้มั้ยครับ ได้อ่านแล้วรู้สึกสนใจว่าอะไรมันยังไงต่างกันตรงไหน คุณค่าคืออะไร ฯลฯ
ผมอธิบายสั้น ๆ (หรือยาว?) ว่า
นาฬิกา quartz คือ นาฬิกาที่ใช้กระแสไฟฟ้าไปกระตุ้นผลึกแร่ quartz ให้มันสั่น (จะใช้ไอซีอมตะอย่างเบอร์ 555 ก็ได้นะ เพียงแต่มันไม่เที่ยงตรงเท่าไหร่) แล้วใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หั่นความถี่ลงมาส่งให้มอเตอร์ขนาดเล็กขับเคลื่อนกลไกของเข็มนาฬิกา หรือเข้าสู่ระบบ digital counter เพื่อแปลงเป็นตัวเลขให้แสดงผ่าน 7-segment
ส่วนนาฬิกาสวิสในที่นี้หมายถึงนาฬิกาแบบกลไก มันไม่ต้องใช้ไฟฟ้า ไม่ต้องพึ่งแร่ quartz มันใช้แค่สปริง (แบบก้นหอย นึกถึงรถที่ดันถอยหลังแล้วปล่อยหน่ะ) แล้วก็ฟันเฟืองจำนวนมาก เพื่อเพิ่ม/ลดทอนอัตรารอบการหมุนของฟันเฟืองต่าง ๆ จนได้อัตราหมุนที่ถูกต้องเหมาะสมกับเข็มแต่ละเข็ม
นาฬิกาแบบกลไลมันเป็นวิศวกรรมชั้นยอด มันมีคุณค่า มันไม่ใช่กล่องสีเหลี่ยมดำ ๆ บนแผงเขียว ๆ ที่ไม่รู้มีอะไรอยู่ข้างใน
เอาง่าย ๆ ระหว่างต่อสายแล้วใบพัดที่อยู่ห่างออกไปสักเมตรนึงหมุน กับเราหมุนมือจับตรงนี้แล้วมองดูฟันเฟือนต่าง ๆ อันซับซ้อนกำลังเคลื่อนที่ตามที่เราหมุนไปจนถึงใบพัดที่อยู่ห่างออกไปเมตรนึง อะไรทำให้เรารู้สึกดีกว่ากันครับ? (ขอใช้คำว่า "ดี" ละกัน)
ป.ล. ทั้งคู่ก็เป็นวิศวกรรมชั้นยอดเหมือนกันนั่นแหละ เพียงแต่อันนึงเป็นการเคลื่อนที่ของอิเล็กตรอน อันนึงเป็นการเคลื่อนที่โดยแรง
Jusci - Google Plus - Twitter
สิ่งสำคัญของนาฬิกาที่ไม่มีควอทซ์ คือ มันอาศัยเพียงแรงดีดตัวของสปริงก้นหอย เพื่อให้กำลังงานแก่มัน
กับ escapement และ Balance spring ซึ่งเป็นตัวควบคุมคาบการเคลื่อนที่เพื่อให้นาฬิกาเที่ยงตรงเป็นพื้นฐานมาขับเฟืองมากมายเพื่อบอกเวลาแก่เรา
แถมบางเรือนยังมีกลไกขึ้นลานอัตโนมัติ ที่สามารถขันลานสปริงได้เองเมื่อเราขยับแขน นั่นหมายถึงถ้าเราใส่มันตลอดเวลามันจะอาศัยพลังงานจากการเคลื่อนที่ของเราเติมให้ตัวมันและทำงานได้ไม่มีวันหมด
ทุกจุดของมันมีศาสตร์ในการคำนวณและวิศวกรรมพัฒนากันมาอย่างต่อเนื่อง อย่าง Escapement กับ Balance spring ก็มีการแข่งขันกันทางความคิดที่จะคิดรูปแบบ หรือวัสดุ ที่จะมาทำให้มันเที่ยงตรงมากที่สุด ยกตัวอย่าง Omega มี Escapement ที่วิจัยมาของตัวเอง Co-Axial Escapement ที่อ้างว่าสามารถควบคุมจังหวะการทำงานของมันได้เที่ยงตรงตลอดเวลาโดยไม่สูญเสียพลังงาน หรือนาฬิกาแพงๆที่ใช้ Tourbillon ที่อ้างว่าสามารถชดเชยความสูญเสียของแรงสปริงจากแรงโน้มถ่วงได้ หรืออย่างตัวสปริง ก็วิจัยรูปทรงและการบาลานซ์แบบต่างๆ วิจัยกันจนไปถึงใช้วัสดุ Silicon หรือ Titanium ไปนู่น
นาฬิกาบางเรือนแบบ Grand Complication ยังสามารถบอกได้มากกว่าเวลา เช่น บอก วันในสัปดาห์ วันที่ เดือน ปี อย่าง Astrolabium Galileo Galilei ของ Ulysse Nardin สาารถบอก เวลา ชม นาที วินาที บอก วัน เดือน ปี บอกตำแหน่งพระอาทิตย์และพระจันทร์บนท้องฟ้า บอกข้างขึ้นข้างแรม บอกเวลาพระอาทิตย์ขึ้นและตก บอกฤดูกาล ฯลฯ ทั้งหมด 21 ฟังชั่นในเครื่องเดียว โดยเกิดจากการคำนวณจำนวนฟันเฟืองลูกเบี้ยวการเคลื่อนที่ต่างๆใส่ลงไป ในหน้าปัดเล็กๆ
สรุปแล้วเพียงแค่เราลองมองในแง่มุมที่ว่า การสร้างนาฬิกากลไกเรือนหนึ่ง คือเราสร้างสิ่งประดิษฐ์เครื่องหนึ่ง ที่มีเฟืองเป็นพันๆ ที่ต้องเดินเที่ยงตรงทุกวินาที แล้วต้องเล็กพอจะใส่ข้อมือเรา แถมสามารถทำงานได้ด้วยตัวมันเอง บางเรือนจะทำงานตลอดไปโดยไม่หยุดเลยถ้าคุณไม่ถอดออกจากแขน ทั้งหมดนี้ ไม่ใช้พลังงานไฟฟ้าเกิดจากพลังงานทางฟิสิกส์และเกิดจากการคำนวณล้วนๆ
สำหรับคนทั่วไป นาฬิกาดิจิตอลอาจจะแทนที่ได้ทุกอย่าง แต่สำหรับคนที่ชอบกลไกมันจึงมีคุณค่าในแง่นี้ไงครับและเค้าพร้อมที่จะซื้อมัน
ข้อมูลเพิ่มเติม ลองเสิร์ชจากคำศัพท์ภาษาอังกฤษในคอมเม้นท์ผมดูนะครับ ลองหาดูรุปร่างหน้าตาแต่ละเรือนที่ผมยกตัวอย่างดูก็ได้ ว่าเป็นอย่างไร
ขอโทษที่ยาวไปหน่อยนะครับ
ได้ความรู้ครับ
จริงๆ Tourbillon พอซื้อเสร็จ กระเป๋าเราจะเบา แขนเราจะดูล่องลอย ทำให้มันไปชดเชยแรงโน้มถ่วงครับ 5555
สำหรับผม ตรงนี้นี่นาฬิกากลไกหรือนาฬิกาผลึกควอทซ์ทรงคุณค่าพอๆ กันเลยครับ แต่ผมก็ชอบนั่งดูกลไกขยับมากกว่านะ เพราะผมไปนั่งมองผลึกควอทซ์มันสั่นกับการขยับของอิเล็กตรอนไม่ไหว
ผมมองว่าความยากของนาฬิกาผลึกควอทซ์มันอยู่ตรงที่การปรับแต่งตัวผลึกเองเพื่อให้ได้ความถี่ที่ต้องการ หลังจากนั้นแล้วโอกาสผิดพลาดในการทำงานมันแทบไม่มีเลยแม้ว่าอุปกรณ์ต่างๆ จะผิดจากสเปคไปบ้าง เมื่อเทียบกับนาฬิกากลไกที่กลไกเกือบทุกชิ้นผิดพลาดได้เพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้นจึงทำให้ต้องใส่ใจกับชิ้นส่วนเกือบทั้งหมดมันจึงมีคุณค่าต่างกัน และด้วยมุมมองนี้ทำให้คุณค่าของนาฬิกาผลึกควอทซ์และ Atomic clock ต่างกันไม่มาก (ซะงั้น)
ในฐานะที่สนใจทั้งเทคโนโลยีและสะสมนาฬิกาจักรกล เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ ผมเห็นว่านาฬิกาอัจฉริยะที่จะตีตลาดนาฬิกาจักรกลจากสวิสได้ อาจจะมีได้เฉพาะกลุ่มที่ราคาใกล้เคียงกัน และขึ้นอยู่กับผู้บริโภคด้วยว่าเป็นกลุ่มไหน ตลาดนาฬิกาชั้นสูงมันจะคล้ายๆกับตลาดพระเครื่องน่ะครับ ซื้อขายกันที่แบรนด์และประวัติความเป็นมาของแบรนด์ คล้ายกับพระเครื่องที่เช่าบูชากันที่มาจากวัดไหน เกจิท่านใดปลุกเสก ประวัติความเป็นมาและความเก่าแก่ของพระ เช่นเดียวกัน ผู้บริโภคกลุ่มที่มีกำลังซื้อนาฬิกาชั้นสูงพวกนี้ ถ้าจะซื้อนาฬิกาไว้เพื่อดูเวลาอย่างเดียวไปหาเอาตัวไม่เกิน 200 บาทมีถมเถไป ทำไมจะต้องเสียเงินเป็นแสนๆหรือเป็นล้านเพื่อซื้อ Rolex หรือ Patek philippe ก็เพราะนาฬิกาชั้นสูงพวกนี้ใช้ "คุณค่า" เป็นแรงจูงใจให้ผู้บริโภคซื้อไงครับ วิศวกรรมที่บรรจุลงในเรือนเวลาเหล่านี้ก็เป็นวิศวกรรมที่เกี่ยวข้องกับการบอกเวลาเท่านั้น ไม่ใช่เทคโนโลยีอื่นนอกเหนือจากการ "บอกเวลา" ที่แม้นาฬิกาอัจฉริยะจะสามารถทำได้ แต่gadgetพวกนี้ยังไม่อาจถีบตัวให้มีความรู้สึกถึงคุณค่าได้เท่ากับแบรนด์นาฬิกาชั้นสูงของสวิส เพราะฉะนั้นผมเลยมองว่า iwatch จึงไม่อาจมาแทนที่หรือตีตลาดแบรนด์นาฬิกาจักรกลชั้นสูง เช่น Patek philippe ,Vacheron constantin,Audemars piguet,A.lange & sohne หรือ Breguet ได้อย่างแน่นอน เพราะมัน "ไม่ใช่ตลาดเดียวกัน"
ป.ล. ผมว่าเอาเรื่องนาฬิกาไปเทียบกับเรื่องกล้อง หรือเรื่องโทรศัพท์มือถือปุ่มกดยุคก่อนที่จะมีไอโฟนไม่ได้ เพราะทั้งกล้องและโทรศัพท์มือถือเราต้องการความ "สะดวกสบาย" ในการใช้งานมากกว่า ซึ่งไอโฟนและเหล่ามือถือจอสัมผัสมันทำให้เกิดความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้นเมื่อเทียบกับของยุคโบราณ มันเลยแทนที่ตลาดกล้องและมือถือปุ่มกดจนเหล่านี้ได้จนตลาดต้องเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ แต่สำหรับตลาดนาฬิกาชั้นสูงมันอยู่เหนือคำว่า "สะดวกสบาย" ไปแล้วครับ ไม่งั้นคงไม่มีคนซื้อ A.lange ราคาเป็นล้านที่เป็นแค่นาฬิกาไขลานมาใช้หรอกครับผมไม่ใช่นักการตลาดนะครับ แต่ผมคิดว่า การตลาดที่ประสบความสำเร็จที่สุด คือการทำให้ผู้บริโภครู้สึกว่าของที่ตัวเองจะซื้อมี "คุณค่า" มากกว่าที่จะต้องซื้อเพราะ "ประโยชน์ใช้สอย" ซึ่งเรื่องนี้แบรนด์นาฬิกาสวิสเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุด และ apple ก็พยายามทำอยู่และทำได้ดีที่สุดในกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์
นี่ขนาดไม่มีใครเคยเห็น นาฬิกาของ apple เลยแม้แต่ชื่อเรายังไม่รู้เลยว่ามันเรี่ยกจริงๆจะใช้ชื่อว่าอะไร
ในฐานะเครื่องประดับ มันก็ต้องแข่งกันเรื่องความสวยแหละครับ
ผมมองว่ามันคนละตลาดนะครับ แต่จะกระทบไหม มันอาจส่งผลกระทบบ้างอยู่แล้วแหละ ในราคาที่ใกล้เคียงกัน คงมีการเปรียบเทียบให้เห็นกันบ้าง
เหมือนกล้อง DSLR กับ กล้องฟิล์ม อะไรแบบนั้นมั้งครับ
ซึ่งของแบบนี้ขึ้นอยู่กับรสนิยมบุคคลด้วย