หลังจากที่แอปเปิลเปิดตัว Apple Pay ได้ไม่นาน ตอนนี้เหล่าธนาคารต่างๆ ในสหรัฐอเมริกาก็เริ่มช่วงชิงโอกาสในการเป็นบัตรหลักของผู้ใช้ Apple Pay ผ่านการโฆษณาต่างๆ กันแล้ว ยกตัวอย่างเช่น Capital One ที่เริ่มอีเมลให้กับลูกค้าเพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับบริการดังกล่าว รายงานระบุว่า หลายๆ ธนาคารได้เตรียมงบการตลาดสำหรับบริการ Apple Pay ไว้จำนวนหนึ่ง และเป็นไปได้ว่าเราจะได้เห็นโฆษณาจากธนาคารต่างๆ มากมายหลังจากนี้ แม้ว่าแอปเปิลจะมีข้อกำหนดเกี่ยวกับการโฆษณา Apple Pay ให้กับธนาคารคู่ค้าอย่างเคร่งครัดก็ตาม
การเป็นบัตรหลักในอุปกรณ์ Apple Pay มีความสำคัญมากในมุมของการแข่งขันระหว่างธนาคาร เนื่องจากการใช้บัตรหลักเพื่อจ่ายจะทำได้ง่ายและรวดเร็วมาก เพียงแต่แตะโทรศัพท์กับเครื่องอ่านและยืนยันด้วย Touch ID เท่านั้น ต่างจากบัตรอื่นๆ ที่ผู้ใช้จำเป็นต้องเสียจังหวะเลือกบัตรอีกครั้ง จึงไม่น่าแปลกใจที่พื้นที่บัตรหลักจะเป็นตำแหน่งที่ทุกๆ ธนาคารต่างจ้องที่จะแย่งชิงเอาไว้ให้ได้มากที่สุด
อันนี้คงเป็นอีกสัญญาณหนึ่งว่า Apple Pay ได้รับแรงสนับสนุนที่ดีมากจากธนาคารคู่ค้าต่างๆ ซึ่งอาจเป็นปัจจัยบวกที่จะทำให้บริการนี้สามารถขยายตัวได้อย่างรวดเร็ว
ที่มา - AppleInsider
Comments
อ่าว... นึกว่าแตะ nfc แล้วจะปรากดภาพให้เลือกบัตรแล้วค่อยกด touch id ซะอีก
ข่าวต่อไป iphone6s สามารถเพิ่มบัตรหลักได้ถึงสามใบ... เหล่าสาวกปรบมือกันยกใหญ่
ถ้าแตะ touch id ค้างไว้ จะใช้บัตรหลักครับ ถ้าแตะจ่ายก่อน จะมีบัตรขึ้นมาให้เลือกแล้วค่อยแตะ touch id ครับ
แก้ไขแล้วครับ :D
ผมก็นึกว่าแบบนั้นเหมือนกัน หรือแบบแตะแล้วรู้ว่าเครื่องเป็นของบัตรอะไรถ้าเซ็ตบัตรธนาคารนั้นไว้ก็จะใช้ได้ทันที
ผ่อนเครื่องยังไม่หมด ก็เป็นหนี้บัตรต่อได้ง่ายขึ้นสินะ Y_Y
ถ้าเป็นอเมริกาเค้าเอาเครื่องเก่าไปแลกเครื่องใหม่ แต่ติดสัญญา 2 ปีครับ ไม่ต้องผ่อนเหมือนบ้านเรา
จริง ๆ เป็นการจ่ายในรูปค่าบริการแทนน่ะครับ
เท่าที่ทราบ ถ้าไปเครือข่ายที่ขายเครื่องไม่ติดสัญญา ค่าบริการรายเดือนก็จะต่ำกว่า
ใช่ครับ โปรโมชั่นที่โปรโมทในเว็บ มันจะทำเหมือนว่า ติดสัญญาจ่ายเดือนละ 65usd ไม่ติดสัญญาเดือนละ 60 ต่างแค่ 5 เหรียญต่อเดือนเอง ได้มือถือด้วย ติดสัญญาดีกว่า
แต่เอาเข้าจริงๆคนที่ไม่ติดสัญญาเขาก็เลี่ยงไปแชร์กับเพือนใช้ Family plan กัน ได้ดาต้าเยอะกว่า แถมถูกกว่าเยอะมาก หรือใครไม่มีเพื่อนแชร์ 5-10คน เขาก็เลี่ยงโดยไม่ใช้โปรตัวสูงสุด 60usd อยู่ดี
สมมุติคิดส่วนต่างเดือนละ 25 usd 24 เดือนก็ 600usd = หมื่นแปด บวกกับที่ต้องจ่ายครั้งแรกเพื่อเอามือถืออีก 0-299usd (0-9000 บาท) แล้วแต่รุ่นและราคาของมือถือ รวมๆแล้วก็จะได้ประมาณค่ามือถือพอดีครับ
ทำไม Apple Pay ถึงได้ชื่อเป็นคุกกระจกล่ะครับ?
I am Cortana.Nice to meet you.
ถอยหลังไปอ่านข่าวก่อนหน้าจ้า
lewcpe.com , @wasonliw
DAT PIC!!
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
ชาบูๆ
เงิบ เล่นเอานั่งงงไปพักนึงเลย 5555
เอาไลค์ผมไป อ้าว! ไม่มีปุ่ม
กราบบบบบบบ
Coder | Designer | Thinker | Blogger
สาชานี้คงจะร้อนหัวน่าดูนะครับ :D
ทำไมผมถึงคิดมุกนี้ไม่ได้นะ OTL
อู๊ยยยยย ลึกซึ้ง.... - -*
I am Cortana.Nice to meet you.
ทำไมผมนึกถึงอันนี้
ไอซ์แลนด์>มีแต่ป่า
กรีนแลนด์>มีแต่น้ำแข็ง
ม.ศรีปทุม>อยู่กทม.
ม.กรุงเทพ>อยู่ปทุมฯ
ครูลิลลี่>สอนไทย
ครูสมศรี>สอนอังกฤษ
ไวท์ช็อคโกแลต>ไม่มีช็อคโกแลตเป็นส่วนผสม
ลอดช่องสิงคโปร์>แต่ไทยทำ
ข้าวผัดอเมริกัน>แต่ไทยทำ
ขนมโตเกียว>แต่ไทยทำ
บริษัทแอปเปิ้ล>แต่ไม่ได้ขายผลไม้
ไวท์ช็อคโกแลต ใช้โกโก้บัตเตอร์เป็นส่วนผสมนิครับ?
อย่าลืม
ขนมจีน>แต่ไทยทำขนมไทย(บางอย่าง)>แต่มาจากโปรตุเกส
ขนมจีนมันเพี้ยนมาจากภาษามอญครับ คนอม=ทำ, จิน=สุก
blackberry ก็ไม่ได้ขายผลไม้
pebble ไม่ขายหิน
fossil ไม่ขายฟอสซิล
กระทิงแดง ไม่ขายสัตว์
ฯลฯ
แล้วพี่จีวอลเล็ทจะทำยังไง
มันน่าน้อยใจจริงๆ ผมทำเรื่อง NFC มาตั้งแต่ยังไม่มีมาตราฐานชัดเจน (7-8 ปีที่แล้ว) ทำจนเสร็จเรียบร้อย หักเงินจากบัตร VISA ได้แล้วด้วย โครงการโดนยกเลิกเพราะว่าไม่มีใครอยากบริหารกองเงิน มาคราวนี้ Apple ใส่ NFC มาในเครื่อง ดันมาแย่งกันขอให้พื้นที่ซะงั้น
พอกันครับ ผมคลุกคลีอยู่ในแวดวง electronic payment ได้จับโครงการบัตร contactless ที่ VISA และ MasterCard พยายามผลักดันมาหลายปี หรือแม้แต่ Smart Purse ก็ตามที
สมัยนุ้นคนจะกังวลกับความปลอดภัยในการใช้ เช่น
จะมีใครประดิษฐ์เครื่องอ่านบัตรระยะไกล เพื่อมาดูดเงินในบัตรไหม บลาๆๆๆ
แต่อย่างว่าครับตอนนี้เทคโนโลยีไปไกลกว่าเมื่อ 8-9 ปีที่แล้ว
คนน่าจะพร้อมรับกับสิ่งเหล่านี้ได้อย่างเต็มใจ
ว่าแต่ผมอยากรู้จริงๆ ว่า Apple จะบริหารจัดการเรื่อง master key ยังไง
แต่เท่าที่อ่านดู เหมือนว่าจะไม่ยอมให้ใครมาใช้งานเลย ต้อง Apple Pay เท่านั้น ซึ่งผมว่าเป็นแนวทางที่ดีนะ เพียงแต่การบริหารจัดการต้องรัดกุมมาก และจะกลายเป็นเป้าหมายหลักที่จะโดนเจาะกันเลยทีเดียว
ปล. งานนี้ผมคิดว่า Apple กำลังเล่นเกมส์เสี่ยงสูง (เรื่องความปลอดภัย) เดี๋ยวรอดูหน้าตาระบบมากกว่านี้ค่อยแสดงความเห็นเพิ่มเติม
Apple นี่มัน Apple จริงๆรู้สึกเหมือนเขาใช้สูตรโกงไงไม่รู้
ใช้กับคนอื่นไม่ได้ คนอื่นมาใช้ด้วยก็ไม่ได้แต่ก็มีคนยอมมาทำให้เต็มไปหมด
เดี๋ยวในไทยก็ตามมาสาวก MS น้อยใจ :'(
กว่าเค้าจะดีลได้คงไม่ใช่ง่ายๆ หรอกครับ และรายได้ตรงนี้ก็คงไม่ได้เยอะมาก แต่เทียบกับการเสริม eco system ของ Apple แล้ว Apple คงคุ้มที่จะลงแรง
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
ใครว่าละครับ ตรงนี้ละรายได้มหาศาลครับ หากเกิดจริงนะครับ แค่ส่วนแบ่ง per transaction ก็นับเงินกันไม่ทันแล้วครับ ยิ่งถ้าเป็นรูปแบบ pre-paid topup ด้วย ยิ่งดีเข้าไปใหญ่ครับ มีเงินสดมาให้บริหารจัดการเล่นๆ เท่ากับเงินคงค้างในบัตรทั้งหมดรวมกันครับ
เทียบกับกำไรจากขาย hardware ผมว่าต่างกันเยอะ แต่เดี๋ยวคงต้องรอดูผลจริงๆ แหละครับ
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
ผมว่าก็ไม่น้อยนะครับ คนเราปีๆ นึงจ่ายเงินผ่านบัตรกันไม่ใช่น้อยๆ อยู่เหมือนกัน
เงินไหลมาแบบนี้ทำไม google ที่ทำมานานแล้วถึงไม่รุ่งสักที ภาพลักษณ์security? หรือไม่ได้หวังฟันส่วนนี้?
บอกเลยว่าของ google wallet ยังห่วยครับ (นี่ผมแฟน google นะ)
ผมเคยเติมเงินใส่บัตร wallet card ไปเติมน้ำมัน พอเติมเสร็จ จ่ายเงินเสร็จ ยอดค้างอยู่เป็นอาทิตย์เลย ทำให้วงเงินไม่พอไปใช้อย่างอื่น บัตรอื่นเติมปั๊มเดียวกันวันสองวันยอดก็หายไปแล้ว
เยอะมากคอนเฟิร์ม