เหตุการณ์คนเกาหลีหนีออกจาก KakaoTalk เพราะส่งข้อมูลให้รัฐบาลยังไม่หยุดแม้ทางบริษัทจะออกมา ประกาศมาตรการเพิ่มเติมอีกหลายอย่าง เมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมา Lee Sirgoo ประธานบริษัทร่วมของ Daum Kakao ก็พูดในการประชุมกับคณะกรรมการสภาผู้แทนและตุลาการ ระบุว่าจะไม่ร่วมมือกับหมายศาลที่ส่งมาขอข้อมูลผู้ใช้อีกต่อไป
Lee ระบุว่าที่ผ่านมา ทาง Daum Kakao ส่งข้อมูลให้กับรัฐบาลย้อนหลังได้ถึงสิบวันเป็นการตีความกฎหมายอย่างกว้าง และทำให้ผู้ใช้กังวลต่อจุดยืนบริษัท ทำให้ต่อจากนี้ต้องตีความกฎหมายให้แคบ โดยระบุว่ากฎหมายการดักฟังของเกาหลีจะต้องตั้งอุปกรณ์ดักฟังตามเวลาจริงเท่านั้น (ไม่ใช่การให้บริษัทไปค้นข้อมูลส่งไปให้รัฐบาลแบบทุกวันนี้ - ผู้เขียน) แต่เนื่องจากทางบริษัทไม่มีอุปกรณ์เช่นนั้นทำให้ไม่สามารถร่วมมืออะไรกับรัฐบาลได้อีก โดย Lee ยืนยันว่าไม่ใช่การฝ่าฝืนกฎหมายแต่อย่างใด แต่เป็นการร่วมมือเท่าที่กฎหมายระบุอย่างเคร่งครัด
หมายศาลที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่สามารถกำหนดให้ทางบริษัทตั้งเวลาเก็บข้อมูลแชตของเป้าหมาย แม้แต่ช่วงเวลาในอนาคต
ตามกฎหมายการดักฟังของเกาหลี ที่ในทางเทคนิคแล้วยังอยู่ในภาวะสงครามกับเกาหลีเหนือ เจ้าหน้าที่มีสิทธิตั้งเครื่องดักฟังได้ ในกรณีนี้ทางออกของเจ้าหน้าที่คือต้องเอาผิดกับบริษัทหรือบุกเข้าศูนย์ข้อมูลเพื่อตั้งเครื่องดักฟังด้วยตัวเอง
Telegram ยังคงได้รับความนิยมในเกาหลีใต้อย่างต่อเนื่อง ข้อมูลใน App Annie ระบุว่า Telegram แซงหน้า KakaoTalk ทั้งใน App Store และ Google Play
ที่มา - Korea Times , Korea Joongang Daily
Comments
บอกแล้วว่ามันไม่จบ เป็นอย่างที่เคยพูดไว้จริงๆ ต้องประกาศจุดยืน หรือไม่ก็ต้องมีใครสังเวยลาออก
ปัญหาจริงๆคือ app chat ส่วนใหญ่เดี่ยวนี้ไม่เน็นการทำ p2p และ encliption ที่ทำให้ตามข้อมูลใด้ยาก แต่ไปเน็นการส่งข้อมูลไปผ่าน server ที่ทำให้สามารถเอาข้อมูลไปใด้ง่ายแทน
samsung ใหญ่แค่ใหน ?https://youtu.be/6Afpey7Eldo
ไปได้ง่าย:P
จะมีอะไรต่ออีกมั้ยน้อ
ในไทย มีข่าวกันกี่รอบ Telegram ก็เงียบกริบ - -" แต่เอาเถอะ ยังไงแม่ข่าย LINE ก็อยู่ต่างประเทศที่น่าจะพอไว้ใจได้ (ล่ะมั้ง)
แต่คำชี้แจงก็ดูจะหยุดความไม่พอใจของชาวเกาหลี
ดูจะหยุดความไม่พอใจ ?