ชีวิตของ Jack Dorsey ซีอีโอควบสองบริษัท Twitter และ Square ไม่ใช่เรื่องง่ายนัก หลังจากเขารับตำแหน่งซีอีโอ Twitter ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เขาต้องทำงานหนักถึงวันละ 18 ชั่วโมงเพื่อรับบทผู้นำของทั้งสองบริษัท
ซีอีโอบางรายมักตั้ง "มือรอง" หนึ่งคนขึ้นมาทำงานเกือบทั้งหมดของบริษัท (ส่วนใหญ่มักเป็นตำแหน่งซีโอโอ) แต่ Dorsey ไม่ได้ทำแบบนั้น เขามีลูกน้องที่ขึ้นตรงกับเขา 8 คนที่ Twitter และอีก 10 คนที่ Square ดังนั้นแค่เวลาประชุมอย่างเดียวก็ไม่พอแล้ว ถึงแม้ Dorsey ยังไม่มีครอบครัวและมีเวลาว่างเยอะกว่าคนทั่วไป แต่เวลาของเขาก็ยังไม่พอ ถึงขั้นว่า Omid Kordestani ประธานบอร์ดของ Twitter หาเวลานัดประชุมร่วมกับ Dorsey ไม่ได้ จน Kordestani ต้องอาสาไปขับรถให้ Dorsey เพื่อจะได้มีเวลาคุยกันระหว่างนั่งรถด้วยซ้ำ
โชคดีว่าสำนักงานของ Twitter และ Square อยู่ห่างกันเพียงข้ามถนน และ Dorsey ก็บริหารเวลาอย่างเคร่งครัดให้ทั้งสองบริษัท ในกรณีที่ประชุมยาวเกินกำหนด เขาจะขอตัวออกไปก่อนเสมอ โดยบอกว่าเขาต้องออกจากการประชุมแล้ว นอกจากนี้ ถ้าช่วงไหนที่เขามีภาระต้องเดินทาง เขาก็จะใช้วิธีประชุมทางโทรศัพท์หรือนัดประชุมช่วงดึกแทน
ที่มา - Wall Street Journal
Comments
นี่สิ CEO ตัวอย่าง //มองCEOในห้องข้างๆ
ข้าขอทรยศต่อคนทั้งโลก ดีกว่าให้ใครมาทรยศข้า
เม้นโหดดด 555
Center of Everything in Office...
555555 จริงๆมันมีที่มาแบบที่แต่แรกอยู่แล้วปะครับ
...
iauuu.com
การประชุมเยอะมันดีต่อองค์กรจริงๆ เหรอ
การประชุมมีหลายแบบ
เช่นถ้าประชุมเพื่อตัดสินใจอะไรบางอย่าง
ถ้ามี Agenda ชัดเจน ให้ทุกคนไปคิดก่อน ไปทำการบ้านมาก่อน คุยกันนอกรอบก่อน
แล้วประชุมเพื่อระดมความคิด และตัดสินใจ
เถียงกันเนื้อๆไม่มีน้ำปน
มันจะเร็วและมีประสิทธิภาพครับ ประชุมเสร็จก็กลับไปทำงานของตัวเองต่อ
จากข่าวก็เห็นว่ามีที่ต้องออกไประหว่างการประชุมด้วย ตรงนี้ผมเลยไม่แน่ในว่าที่ประชุมเนี่ยมันเป็นการประชุมที่มีประสิทธิภาพมั้ย
เขาเป็น CEO นะครับ แล้วก็ มีลูกน้องตรงๆ ก็ตั้งหลายคน มันก็ต้องมีประชุมบ่อยอยู่แล้ว การออกจากที่ประชุมกลางครั้นเพราะความจำเป็นต้องไปทำธุระกับทีมอื่น หรือตามแพลนที่วางไว้ของเขา มันไม่เหมือนกับเราๆ ที่เอะอะก็ประชมเช้า บ่ายทำงาน แล้วก็โดนตามงานเย็นๆ ว่าเมื่อไรงานจะได้ ไปถึงไหนแล้ว แบบนี้อะไม่ใช่ 555
The Dream hacker..
ด้วยระดับพนักงานแบบผม ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับว่าการที่แบกเอางานมารวมไว้ที่ตัวเองมากขนาดนี้มันคือการเป็น CEO ที่ดีหรือเปล่า เพียงแต่รู้สึกว่าในเรื่องของการบริหารจัดการ การมีงานอยู่ในมือจนล้นนี่มันก็เหมือนกับเป็นขั้นแรกของการล้มเหลวในการบริหารแล้ว
ผมนึกว่า CEO เขามีเอาไว้ตัดสินใจเรื่องสำคัญสุดๆ ระดับความเป็นความตายของกิจการ หรือเป็นคนกำหนดยุทธศาสตร์ของบริษัทซะอีก
ดูจากการที่แกมีงานเยอะขนาดนี้ คงจะบริหารงานทั่วๆ ไปด้วย ประมาณเป็น ผู้จัดการของผู้จัดการอีกทีนึง
ผมคิดว่าถ้าเป็นพนักงานการให้ Load มากเกินไป อย่างนี้เรียกว่า Load 200% ละ คงจะไม่ดี
แต่ถ้าเป็น CEO คงต้องตัดสินใจเรื่องสำคัญๆ แกคงต้องบริหารเก่ง เด็ดขาดจริงๆ ถึงเป็น CEO ได้ คงต้องเชี่ยวพอตัว ผู้ถือหุ้นถึงวางใจให้บริหาร 2 บริษัท
oxygen2.me , panithi's blo g
Device: HP Zbook, iPad Pro, iPhone 15PM, iPhone 16+, Nothing Phone 1
คือผมมองในเรื่องของการเป็นคนปกติครับ (ไม่นับพวกที่ผิดปกติสามารถนอนน้อยได้) การทำงานวันละ 18 ชั่วโมงและมีเวลานอนน้อยกว่า 6 ชั่งโมงต่อวันนี่มันเกินสิ่งที่คนธรรมดาจะรับได้แล้ว ซึ่งแน่นอนว่ามันอาจจะกระทบต่อการต้องตัดสินเรื่องสำคัญๆ ได้เช่นกัน
การประชุมเป็นหน้าที่ของซีอีโอเลยล่ะครับ
ถ้าเป็นเจ้าหน้าที่โอเปอเรชันแล้วมีการประชุมเยอะเนี่ยไม่ดี
ขอฟังก์ชั่น mute ใน official app ได้ไหม ฮ่าๆดูท่าจะยาก
เกินคนจริงๆ
ใช้คนไม่เป็นเองหรือเปล่า ถึงต้องตัดสินใจเองทุกอย่างแบบนี้คนอื่นอาจคิดว่าทำงานหนักเก่ง แต่ผมคิดว่าบริหารคนไม่เป็น
มีนะครับที่เป็นพวกบ้าหอบฟางแล้วบริษัทเจ๊งเพราะไม่เคยไว้ใจใคร ประชุมเอง ตบปากรับคำคุยไปวันๆ แล้วก็ไม่ได้อะไรนอกจากน้ำท่วมทุ่งกับสัญญาลมๆแล้งๆ
พวกประชุมสัพเพเหระกินเบี้ยประชุมก็เหมือนกัน เคยมีเพื่อนรับไม่ไหวที่ต้องทำแบบนี้ทุกวันจนเกินเวลาทำงาน(ผิดกฎหมายแรงงาน) สุดท้ายโรงงานโดนปิดไปเลย
งานบริหารทางการเมืองผมว่า ซับซ้อนและต้องยุ่งกับคนมากกว่าบริษัทเยอะลองนึกภาพถ้านายกฯต้องไป ร่างสัญญาจัดจ้าง หรือเป็นกรรมการในการร่าง
แล้วต้องเป็นหัวหน้าพรรคการเมือง ประชุมพรรค เป็นหัวหน้าวิปเองเวลาโหวตกฏหมายจะทำให้ยุ่งมันก็ยุ่งได้ทั้งนั้นแหละ มีวันละ 100 ชม.ก็ไม่พอ
บ้าหอบฟางเองรึเปล่า ไม่ไว้ใจคนทำงานเองรึเปล่า