ไมโครซอฟท์ส่ง Lumia 950XL มือถือเรือธงของระบบปฏิบัติการ Windows 10 Mobile มาให้ Blognone รีวิว แต่ก่อนจะเข้าสู่เนื้อหาของตัวโทรศัพท์ ผมคิดว่าตัวระบบปฏิบัติการ Windows 10 Mobile ก็มีความน่าสนใจไม่น้อย จึงแยกเป็นรีวิวเฉพาะตัวระบบปฏิบัติการมาเป็นอีกตอน
มาถึงวันนี้ เราต้องยอมรับกันว่าไมโครซอฟท์เพลี่ยงพล้ำกับสงครามสมาร์ทโฟนไปเรียบร้อยแล้ว ฝั่งของไมโครซอฟท์เองก็รับทราบเรื่องนี้ และ ปรับยุทธศาสตร์ครั้งใหญ่ หันมาโฟกัสแค่ลูกค้าเฉพาะกลุ่ม แต่ในระยะยาวแล้ว ยังไม่ยอมถอยในตลาดสมาร์ทโฟนแน่นอน
Windows 10 Mobile ในปี 2016 จึงเป็นระบบปฏิบัติการที่ช่วย "ประคอง" ให้ธุรกิจสมาร์ทโฟนของไมโครซอฟท์ยังอยู่รอดต่อไปได้ เพื่อหวังว่าจะกลับมาเติบโตได้อีกครั้งในอนาคตที่ยังมาไม่ถึง
Rewrite Every-year
ถ้าสโลแกนของ Java คือ Write Once, Run Anywhere
สโลแกนของ Windows Mobile/Phone คงหนีไม่พ้น "Rewrite Every-year" เพราะเขียนระบบปฏิบัติการใหม่กันแทบทุกปี
ลองย้อนไปดูประวัติของระบบปฏิบัติการ Windows Phone ของไมโครซอฟท์ นับตั้งแต่การกดปุ่มรีเซ็ตครั้งใหญ่ ยกเลิก Windows Mobile 6.x แล้วเปลี่ยนเป็น Windows Phone 7 แทน รอบการออกรุ่นเป็นดังนี้
- 2010 - Windows Phone 7
- 2011 - Windows Phone 7.5
- 2012 - Windows Phone 8
- 2014 - Windows Phone 8.1
- 2015 - Windows 10 Mobile (announced)
ถึงแม้ระบบปฏิบัติการดังกล่าวจะหน้าตาคล้ายๆ กัน แต่สถาปัตยกรรมข้างใต้ของมันต่างกันอย่างสิ้นเชิง ตั้งแต่ Windows Phone 7 ที่ใช้แกน Windows CE + เขียนแอพด้วย Silverlight ตามมาด้วย Windows Phone 8 ที่ใช้แกน Windows NT แต่ยังใช้เฟรมเวิร์คการสร้างแอพแบบเดิม
พอมาถึง Windows Phone 8.1 เปลี่ยนเฟรมเวิร์คมาเป็น Windows Runtime แบบเดียวกับ Windows 8.1 บนเดสก์ท็อป และพอมาถึง Windows 10 Mobile ถึงแม้แนวทางจะคงเดิม แต่ในรายละเอียดก็เปลี่ยนแปลงอีกรอบ ตัวแกนเปลี่ยนมาใช้ Windows OneCore และเฟรมเวิร์คใช้ Universal Windows Platform
เราจะเห็นว่าไมโครซอฟท์เสียเวลาเปล่าไปหลายปี กับการเขียนระบบปฏิบัติการมือถือขึ้นมาใหม่ซ้ำแล้วซ้ำอีก (ในขณะที่คู่แข่งทั้ง iOS และ Android ไม่ต้องเสียเวลาแบบนี้ เดินหน้าได้เต็มที่กว่ากันมาก) มาถึงปี 2015 ความฝันของไมโครซอฟท์ก็เริ่มเป็นจริง เมื่อ Windows 10 Mobile สามารถตอบโจทย์เรื่องการใช้แกนของระบบปฏิบัติการ และแพลตฟอร์มแอพชุดเดียวกับ Windows 10 บนเดสก์ท็อปได้สำเร็จ
เราก็ขอฝากไปถึงไมโครซอฟท์ว่า มาถึงจุดนี้แล้วก็ไม่ควรจะเหลียวหลังอีก การเขียนระบบปฏิบัติการใหม่ไม่ควรจะเกิดขึ้นอีกแล้ว และได้เวลามุ่งไปข้างหน้าเพียงอย่างเดียวสักที
ระบบปฏิบัติการรุ่นที่รีวิวคือ Windows 10 Mobile เวอร์ชัน 1511 Build 10.0.10586.164 ที่เพิ่งออกเมื่อไม่กี่วันก่อน นับถึงวันนี้ Windows 10 Mobile ยังไม่ออกตัวจริง (general availability) แต่ตอนนี้ไมโครซอฟท์ เปิดสายการพัฒนาใหม่ Redstone (Build 14xxx) เรียบร้อยแล้ว ฟีเจอร์ใหม่คงย้ายไปอยู่ใน Redstone ทั้งหมด ส่วนสาย 1511 หรือโค้ดเนม Threshold คงเหลือแค่การแก้บั๊กให้สมบูรณ์ขึ้นเท่านั้น
Windows 10 Mobile
การเปลี่ยนแปลงสำคัญของ Windows 10 Mobile เป็นอย่างที่เขียนถึงไปแล้ว นั่นคือเปลี่ยนแกนของระบบปฏิบัติการ และเปลี่ยนเฟรมเวิร์คของแอพมาเป็นชุดเดียวกับ Windows 10 บนเดสก์ท็อป
ในแง่ส่วนติดต่อผู้ใช้และการใช้งาน Windows 10 Mobile ถือว่าไม่มีอะไรแตกต่างไปจาก Windows Phone 8.1 มากนัก ภาพรวมยังเหมือนเดิมทุกประการ ตัว UI หลักของระบบมีเพียงแค่ 2 หน้าจอคือ Live Tiles และหน้ารายการแอพทั้งหมด All Apps
แต่ในรายละเอียดย่อยๆ ก็มีหลายประเด็นที่ Windows 10 Mobile พัฒนาให้การใช้งานสะดวกมากขึ้น จากภาพข้างต้น แอพที่เพิ่งติดตั้งใหม่จะแสดงในรายการ Recently Added ด้านบนของรายการแอพทั้งหมด ต่างไปจากของเดิมที่แสดงตามตัวอักษร และขึ้นข้อความ "New" ต่อท้ายชื่อแอพเท่านั้น (ระหว่างที่ผมลองใช้ Windows 10 Mobile ก็พบรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้อยู่พอสมควร)
หน้า Live Tiles ก็สามารถรวมกลุ่มโฟลเดอร์ได้แล้ว, รองรับการใส่ภาพพื้นหลังเข้ามาแบบเต็มๆ (เวอร์ชันก่อนใส่ได้แค่พื้นหลังของ Tiles) และถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นคำว่า All apps โผล่มาด้านใต้สุดของหน้า Live Tiles ด้วย ช่วยแก้ปัญหาผู้ใช้หน้าใหม่หารายการแอพไม่เจอ
หลังจากพัฒนากันมาหลายรุ่น UI ของ Windows 10 Mobile ถือว่าลงตัวแล้วในระดับหนึ่ง มีฟีเจอร์เท่าที่ระบบปฏิบัติการพกพาสมัยใหม่ควรมี เช่น แถบแจ้งเตือน พร้อม Quick Settings (ที่สุดท้ายแล้ว Android, iOS, Windows มีหน้าตาคล้ายๆ กันหมด) ส่วนจุดอ่อนสำคัญของ Windows ที่หน้า Settings ใช้งานยากมาก ก็ถูกจัดหมวดหมู่ใหม่ มีไอคอนประกอบให้เด่นชัดขึ้น และสอดคล้องกับทิศทางของ Windows 10 บนเดสก์ท็อปด้วย
การกดปุ่ม Back ค้างไว้จะแสดงหน้ารายการแอพทั้งหมด ส่วนการกดปุ่ม Start ค้าง จะเป็นโหมด one-handed ดันหน้าจอด้านบนลงมาให้กดง่ายๆ (เพราะหน้าจอของ Lumia 950 XL มีขนาดใหญ่มาก)
ภาพรวมเรื่อง UI ของ Windows 10 Mobile ถือว่าลงตัว สมบูรณ์ขึ้นกว่าเดิมมาก ข้อติหรือจุดอ่อนในอดีตอย่างการไม่มีถาดข้อความแจ้งเตือน หรือหน้าจอ Settings ใช้งานยาก ถูกลบออกไปหมดแล้ว
Universal Windows Platform
ถัดมาจากระดับของตัวระบบปฏิบัติการหลัก ก็มาดูที่แอพของระบบกันครับ ยุทธศาสตร์ของไมโครซอฟท์คือสร้างแอพด้วย Universal Windows Platform (UWP) เพื่อประหยัดแรงงานการพัฒนา ไม่ต้องสร้างแอพซ้ำซ้อนบนเดสก์ท็อปและมือถือ (แบบที่พลาดมาแล้วกับ Windows Phone 7-8 ซึ่งแอพเหล่านี้ต้องปาทิ้งไปเกือบหมด)
Windows 10 Mobile จึงมาพร้อมกับแอพชุดเดียวกันกับ Windows 10 บนเดสก์ท็อป ถึงแม้ว่าเวอร์ชันย่อยอาจไม่เหมือนกันซะทีเดียว แต่ความสามารถหลักๆ ทัดเทียมกัน
วิธีการสังเกตง่ายๆ คือแอพที่เป็น Universal ถ้าไม่ใช่แอพพื้นฐานสุดๆ แบบแอพโทรศัพท์หรือเครื่องคิดเลข จะออกแบบ UI โดยใช้ปุ่ม hamburger menu ที่มุมซ้ายบนของหน้าจอ กดแล้วจะเป็นการเปิดเมนูของแอพขึ้นมา ลักษณะเดียวกับ iOS/Android ซึ่งตอบโจทย์ในแง่การออกแบบ UI ให้เหมาะทั้งหน้าจอโทรศัพท์ขนาดเล็ก และหน้าจอเดสก์ท็อปขนาดใหญ่
เบราว์เซอร์ของ Windows 10 Mobile เปลี่ยนมาเป็น Microsoft Edge แทน IE Mobile เรียบร้อยแล้ว ฟีเจอร์ทุกอย่างเทียบเท่ากับเวอร์ชันเดสก์ท็อป ส่วน Cortana ก็หน้าตาเหมือนกับ Windows 10 ทุกประการ
แอพกลุ่มคอนเทนต์ที่ต้องอัพเดตเสมอๆ อย่าง News, Sports, Money, Weather ก็อยู่บนแนวคิดเดียวกัน ถ้าใครใช้แอพเหล่านี้บน Windows 10 อยู่แล้วก็สามารถตามมาใช้งานต่อได้ทันที
แอพกลุ่มสื่อสาร ก็ทิ้ง Mail และ Calendar ตัวเก่า เปลี่ยนมาเป็น Outlook Mail และ Outlook Calendar แบบเดียวกับ Windows 10 เช่นกัน คนที่ผูกบัญชีกับ Microsoft Account อยู่แล้วก็ไม่ต้องทำอะไรมาก เปิดแอพมาก็ใช้ได้เลย เพราะเราล็อกอินบัญชี Microsoft Account ตั้งแต่ตอนเปิดใช้เครื่องครั้งแรกอยู่แล้ว
แอพกลุ่มบันเทิง เปลี่ยนชื่อมาเป็น Groove Music และ Movies & TV แทน ตัว Groove จำไลบรารีเพลงของเราได้หมด และซิงก์รายชื่อเพลงให้ทันที ส่วน Movies & TV เน้นไปที่คอนเทนต์จาก Windows Store เป็นหลัก
ผมลองดาวน์โหลดไฟล์ภาพยนตร์ฟรีจาก Windows Store พบว่าติดปัญหาเครือข่ายพอสมควร (กดเล่น 3-4 ทีกว่าจะมา) ซึ่งปัญหาเดียวกันนี้พบกับการดาวน์โหลดแอพจาก Windows Store รวมถึงการดึงเอกสารจาก OneDrive ด้วย
แอพพื้นฐานของ Windows 10 Mobile ที่เขียนด้วย Universal Windows Platform ใช้งานได้ดีพอสมควร ตอบสนองรวดเร็ว ฟีเจอร์ค่อนข้างครบ แต่แอพกลุ่มที่เป็นปัญหามากคือ Office ซึ่งไมโครซอฟท์ให้มา 4 ตัวคือ Word, Excel, PowerPoint, OneNote
แอพกลุ่ม Office ยังมีความสามารถไม่เยอะเท่าไรนัก การเชื่อมต่อกับบัญชียังล้าหลังมาก ต้องมาไล่ล็อกอินบัญชี Microsoft Account ทีละแอพเป็นรายตัว และที่แย่ที่สุดคือการดึงเอกสารจากบัญชี OneDrive ช้ามากถึงมากที่สุด ถึงขนาดบางครั้งโหลดไม่ขึ้นเลย ผมต้องปิดแอพทิ้งเพื่อบังคับให้แอพเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง
ในภาพรวมเรื่องแอพของระบบ ผมคิดว่ายุทธศาสตร์ของไมโครซอฟท์มาถูกทาง การใช้แอพร่วมกันระหว่าง Windows 10 กับ Windows 10 Mobile แก้ปัญหาเรื่องฟีเจอร์ไม่ทัดเทียมได้สำเร็จ (ถ้าใครทันยุค Windows Phone 7-8 จะพบปัญหาแอพชื่อเดียวกันบนสองแพลตฟอร์ม แต่ฟีเจอร์และวิธีการใช้งานไปคนละทาง) รวมถึงต่อยอดไปยังเรื่อง Continuum ได้ด้วย
อย่างไรก็ตาม ในทางปฏิบัติ ไมโครซอฟท์ยังพัฒนาแอพตามแนวทาง Universal ได้ไม่สมบูรณ์เท่าไรนัก โดยเฉพาะกลุ่ม Office อย่างที่กล่าวไปแล้ว (แถมดันชอบเอาไปโฆษณาเป็นจุดขายซะด้วย แต่ดันทำห่วยซะเอง)
มีแล้วทุกอย่าง ยกเว้น...
Windows 10 Mobile มีรากฐานสำคัญพร้อมหมดแล้ว ทั้งตัวแกนของระบบปฏิบัติการ ส่วนติดต่อและฟีเจอร์ของระบบปฏิบัติการ แพลตฟอร์มแอพที่ทันสมัย แอพพื้นฐานที่ดีในระดับหนึ่ง เรียกได้ว่าอะไรที่เคยเป็นจุดอ่อนของตัวระบบ ก็แก้ไขไปเยอะแล้ว ส่วนที่ยังทำไม่เสร็จก็พอเห็นอนาคตเบื้องหน้าว่ามันจะดีขึ้นเรื่อยๆ
แต่ปัจจัยชี้ขาดก็กลับมาที่คำถามเดิมๆ ว่าแอพจากบริษัทอื่นๆ ล่ะเป็นอย่างไร
คำตอบก็ต้องยอมรับกันครับว่า ยังไม่มีเหมือนเดิม ปัญหา app gap ยังคงอยู่
ทุกวันนี้ Windows 10 Mobile มีแอพดังๆ อย่าง Facebook, Twitter, Dropbox, WhatsApp, LINE ให้ใช้งาน แอพหลายตัวเขียนแบบ Universal แล้ว ประสบการณ์การใช้งานก็ถือว่าดีขึ้นมาก แม้ว่าฟีเจอร์จะยังด้อยกว่าแอพเดียวกันบนระบบปฏิบัติการอื่น
แต่ Windows 10 Mobile ก็ยังขาดแอพยอดนิยมอีกมาก ถ้าไม่นับแอพสายกูเกิลทั้งหมดที่ไม่มีให้ใช้งานเลย (ไม่รู้เกลียดกันมาตั้งแต่ชาติปางไหน) ก็ยังขาดแอพอย่าง Instagram (ที่ กำลังพอร์ต ), Snapchat, Tumblr, Airbnb หรือถ้าเอาบริการในบ้านเราอย่างพวกธนาคาร โอเปอเรเตอร์ หรือแอพเรียกรถอย่าง Grab ก็ไม่ต้องนึกฝัน
ตรงนี้เป็นโจทย์ที่ไมโครซอฟท์ต้องพยายามแก้ไขต่อไป และน่าจะเป็นโฟกัสของไมโครซอฟท์ในปีนี้ เราก็ได้แต่หวังว่าโครงการช่วยพอร์ตแอพอย่าง Project Islandwood (พอร์ตจากโค้ด iOS) น่าจะช่วยปิดช่องโหว่ตรงนี้ได้บ้าง แม้ว่า Project Astoria ที่เป็นความหวังอีกข้างจะแท้งไปแล้วก็ตาม
โดยสรุปแล้ว Windows 10 Mobile ถือเป็นความหวังของไมโครซอฟท์ในอนาคต แม้ว่ามันจะเป็นอนาคตที่ยังมาไม่ถึงก็ตามที
Comments
เขียนได้ดีอ่านเพลินมาก อันไหนดีก็ชมอันไหนแย่ก็ติตามนั้น
อ่านรีวิวแล้ว
ผมก็ยังเอาใจช่วยให้ MS จีบนักพัฒนาทั้งหลายได้สำเร็จนะ
ช่างไฟสมัครเล่น (- -")
อันนี้มีมาตั้งแต่ WP8.1 Update 2 แล้วนี่ครับ
ภาพปลากรอบ
ถ้าซื้อตัว W10M คงไม่น่าจะโดนทิ้งใช่ไหม ??
920 ผมไม่อยากซื้ออีกต่อไปเลย wp
จอเหลืองมันไม่รับผิดชอบเลย
แต่ดีที่มันทนทาน ไม่พังสักที ขนาดผมใช้โหด
กลายร่างเป็น ระบบปฏิบัติการน้ำใต้ศอกซะได้
รอพึ้งใบบุญ 2 Os ใหญ่ให้พอร์ต App มาให้
แถมยังไม่รู้ตัวว่าหน้าตามันลก จนไม่มีใครอยากใช้งาน
แปลกใจทีมงานจริงๆ ว่าเคยทำวิจัยหรือเก็บข้อมูลถึงความพึงพอใจของลูกค้าหรือไม่
นี่ก็ตั้งกี่ปีล่ะ ทำแต่แกนใหม่แต่หน้าตาคงเดิมตลอด เพลีย...-..-!!!
เฮ้อ... คิดถึงสมัย windows mobile ใช้จนเครื่องพังไปข้าง
ฟิวเจอร์โฟนก็ยังเป็นฟิวเจอร์โฟน
เรื่องหน้าตาผมกลับชอบนะครับดูทันสมัยแล้วก็ล้ำหน้าทั้ง iOS กับ Android ไปไกล แต่ตรงนี้ก็ไม่แน่ใจว่าประสบการณ์ใช้งานจริงๆ มันจะดีหรือแย่ขนาดไหนเพราะไม่เคยใช้ ปัญหาหลักๆ ก็คงจะเป็นในเรื่องแอปซะมากกว่านะครับ
เริ่องหน้าตานี่คงเป็นรสนิยมเฉพาะตัวเพราะสำหรับผม มันดูโบราณมาก ๆ
ms น่าจะจัดงานรางวัล ใครเขียนแอพดีเอาไป
นี่ไม่ทำอะไรเลย รู้สึกเหมือนโชว์จุดเด่นด้านบริการใน os อื่นมากกว่า
อีกอย่าง wp10 เลื่อนแล้วเลื่อนอีก เขาคุมพนักงานไม่ได้เหรอครับ
ทำไม่ทันนี่น่าหักเงินเดือนกันมั่ง วันก่อนยังมีหน้าพาครอบครัวไปเที่ยว แล้วไม่ทำ
ceo ทึบมาก เปลี่ยนคนปุ้บชื่อเสียงย่อยยับเลย สัตว์ตะยา
เรื่องชื่อ ไม่น่าเรียกแบบนั้นนะครับ ส่วนเรื่องผลงานผมว่าเค้าทำได้ดีนะโดยนับเรื่องอื่นๆด้วย
เคยเห็นทาง admin ออกมาเตือนแล้วนิครับ
ถ้าพิมพ์ผิดผมให้เวลา reply ชี้แจง 24 ชั่วโมงนะครับ
ສະບາຍດີ :)
อ๋าวยังใส่ a href ไม่ได้แฮะ https://www.blognone.com/node/78681
ສະບາຍດີ :)
เห็นท่านหนึ่งออกมาบ่นบ่อยๆ ปัญหาหลักสำหรับ dev น่าจะเป็นเรื่อง API ส่วนการโน้มน้าวหรือจูงใจให้มาทำแอปลงก็เหมือนเคยมีมาแล้ว แต่ก็ไม่สามารถดึงมาได้ ส่วนเรื่องการคุมลูกน้องแล้วเอะอะๆ ก็หักหรือทำโทษนี่ไม่น่าจะใช่แนวทางการบริหารที่ถูกต้อง ดูเหมือนจะยิ่งซ้ำเติมให้สถานการณ์มันแย่ลงกว่าเดิมนะครับ ส่วนเรื่องตัว CEO ถ้ามองภาพรวมในยุคนี้ผมว่าดูมีความหวือหวามากครับ แต่ก็ยังติดในเรื่อง Mobile ที่ยังเป็นปัญหาที่แก้ไม่ตก
ผมก็เอาใจช่วยนะ แต่เศร้าที่แอพฯ ดังๆ ทั้งในบ้านเราและต่างประเทศ ยังไม่พัฒนาลงบนตัวนี้เลย แม้แต่ Google ก็ไม่เอา รวมถึงตัวที่แปลงแอพลง Windows 10 Phone ฝั่งแอนดรอยด์ที่เห็นเป็นรูปเป็นร่างอยู่แล้วก็โดนพับไปอีก ตัวพอร์ตแอพ iOS ก็ยังไม่เห็นเป็นรูปเป็นร่างเสียที่ มีแต่ตัวอย่างแอพเกมง่ายๆ ที่พอร์ตออกมาแล้วไม่มีอะไรเลย ต้องรออีกนานแค่ไหนถึงจะพร้อมสู่กับเจ้าอื่นๆ ได้เนี่ย....เห้อ.......
Get ready to work from now on.
แอนดรอยพอร์ตมากินแบตไวมากครับ ไม่ทำผมว่าดีแล้ว ไม่งั้นมือถือจะพังเอา
แต่ละอันเจ๋งทั้งนั้น แต่ทำไม่ได้ กากสุดๆ
Live Tiles ยังไม่มีประโยชน์เท่าที่โม้ไว้เลยนั่งดูแล้วอยากได้ แต่มันไม่ทำ หรือทำไม่ได้
ทุกวันนี้ผู้ใช้อย่างผมยังไม่เข้าใจ ms เลยว่าต้องการอะไร
https://www.youtube.com/watch?v=24xW6srPY50
https://www.youtube.com/watch?v=tRVC4BKWaP8https://www.youtube.com/watch?v=3kflY7iFrAs
https://www.youtube.com/watch?v=lWksHR0Sifc
จุดขาย ---////ขายขี้หน้า
//เชียๆๆๆๆ ทำดีๆออกมาสักที เบื่อแอนดรอยแล้ว
ฮาาาา
อ่านเพลินเลยครับ สนุกมาก
ซื้อกิจการมือถือโนเกียไปก็แล้ว ไม่เห็นอะไรจะดีขึ้นเลย
แต่ก่อนหวัง 8.1 แล้วก็มาหวัง 10 แต่ตอนนี้ไม่รู้จะหวังอะไรแล้ว(รอ 1520 เจ๊งเท่านั้น T^T)
Happiness only real when shared.
และเริ่มที่จะเทียบกับเจ้าตลาดอย่าง iOS กับ Android แต่บางคนก็บอกให้รอก่อน เพราะมันเพิ่งแค่ตัว
เบต้า WP7.5 ที่กำลังจะออกมาต้องดีกว่านี้
Microsoft กำลังปฏิรูปใหม่ทั้งหมดเป็นตัวเต็มตัวจริง (ไม่ช่ตัวหลอกแบบ WP7) แล้วจะต้องดีกว่านี้
จะมาปิดช่องว่างตรงนี้ให้สมบูรณ์มากขึ้น
ตอนนี้แอปพลิเคชันก็ยังน้อยเหมือนเดิม แถมบางตัวที่ Microsoft ทำเอง ใน iOS กับ Android
ยังได้ใช้ก่อน บางส่วนนนนนนก็ยังบอกว่าให้รอ WP10 ที่จะเป็น WP ตัวที่ดีที่สุดและตัวสุดท้ายแล้ว
และมันคือระบบปฏิบัติการสุดท้ายสำหรับอนาคต
เป็นแค่เบต้าที่รอการมาของ “หินแดง” ที่จะทำให้ความบกพร่องนี้สมบูรณ์
Windows Phone ระบบปฏิบัติการแห่งอนาคต ไม่ใช่ระบบปฏิบัติการของปัจจุบัน
Buggy as hell?
อ้าว edit ไม่ได้WP7, 8 อืดเหรอครับ?? 7 นี่ลื่นมาก แล้วค่อยๆ อืดขึ้นมาเรื่อยๆ นะครับ
7 กับ 8 นี่ช้าตรงไหนครับ
เรื่อง WP ช้านี่ผมเห็นด้วยนะครับ จากประสบการณ์ตรงที่เคยใช้ WP7, WP8 มา
คือเรื่อง UI นี่ WP ลื่นหัวแตกแน่ ทุกคนเห็นตรงกัน แต่ปัญหาคือแอพต่างหากที่ผมว่ามันอืด และเป็นโดยภาพรวมด้วย เช่นอย่าง Line ก็ได้ ทั้ง iPhone Android แม้แต่รุ่นล่างๆ มันเปิดและพร้อมใช้เร็วกว่า WP ครับ และอาการหน่วงก็น้อยกว่าด้วย (โดยเฉพาะตอนข้อความเยอะๆ และไม่ได้ล้างออก เวอร์ชั่น WP หน่วงออกอาการกว่าชัดเจน) และไม่ใช่แค่ Line แต่รวมถึงแอพอื่นๆ ด้วย โดยเฉพาะแอพใหญ่ๆ อย่างเกม ที่ compare แล้วมันค่อนข้างชัดเจน
อันนีัถ้าตัดตัวแปรเรื่องสเป็คเครื่องออก ผมว่ามันเป็นที่ตัว Silverlight, WinRT มากกว่าที่ไม่ optimize มาดีพอ โดยเฉพาะตอนเปิดแอพนี้รู้สึกได้ชัดเลย (WinRT, UWP บน PC แรงๆ ก็รู้สึกได้) ตามความรู้สึกของผมแล้ว กลายเป็นว่าตัว OS น่ะลื่นหัวแตกจริง แต่พวกแอพนี่หน่วงกว่าเจ้าอื่นชัดเจน กลายเป็นว่าใช้ๆ ไป ประสบการณ์โดยภาพรวมด้อยกว่าแบบรู้สึกได้เลย
และไม่รู้ว่าเวลา startup พวกแอพตั้งแต่สมัย Silverlight, WinRT ยัน UWP จะช้าอะไรนักหนา ช้าเป็นหลายวินาทีเลย (ตอนที่โชว์ไอค่อนแอพถ่วงเวลา) เอาอย่างแอพเบสิกสุดๆ อย่าง Calculator ก็ได้ มันเป็นแอพที่ควรเปิดปุ๊ปติดปั๊ป อย่างของ iOS, Android, Win32 มันเป็นแบบนั้นจริงๆ แต่ของ UWP ดันมีหน่วงๆ มาตั้ง 1-2 วิ ไม่รู้โหลดอะไรนักหนากับแอพเครื่องคิดเลข ผมว่า UX มันแย่จริงๆ นะแบบนี้
ไม่ใช่แค่ไลน์หรอกครับที่ช้าแทบจะทุกแอพ กดปุ๊บจุดไข่ปลานี่วิ่งกันเพลินเลย
รัน exe ได้ไหมครับ ?
ไม่ได้นะครับ
oxygen2.me , panithi's blo g
Device: HP Zbook, iPad Pro, iPhone 15PM, iPhone 16+, Nothing Phone 1
ถ้าเล่นหุ้นไม่ได้ ชีวิตก็จบสิ้นกับกลุ่มเป้าหมายคนมีเงินพอประมาณในประเทศไทยแล้วครับ
That is the way things are.
ถ้าทำออกมาสมบูรณ์จริงๆ ผมว่ามันเรียกนักพัฒนาได้แน่นอนครับเพราะถ้ามันออกมาจริงๆ ผมไม่หวังให้MobileมันรันแอพของPCหรอกครับ สเปคเครื่องไม่ถึง แต่หวังให้มันรันMobile App บนPC มากกว่า
ลองนึกดูว่าเราพัฒนาแอพบนWindows Phone แค่ตัวเดียว แต่เราสามารถจับกลุ่มลูกค้าได้ทั้งPC และMobile ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวชัดๆ ไม่ต้องพึ่งEmuทั้งหลายแหล่เลย
และมันก็จะทำให้แนวโน้มการกินทรัพยากรของแอพบน PC นั้นลดลงด้วย เพราะเวลาพัฒนาแอพ น่าจะพัฒนาแบบBase on Mobile Platform ไว้ก่อน ละครับ
ส่วนเรื่องสุดท้ายที่ต้องมาปวดหัวกันก็คงเป็นเรื่องของRatioของหน้าจอแหละครับ เพราะผมว่ามันมีผลต่อUIมาก MSคงต้องออกมาตรฐานRatioหน้าจอสักอัน ให้นักพัฒนาไว้อ้างอิงเวลาเขียนApp (ผมเชียร์16:10)
กลัวว่ามันจะไม่มีอนาคตน่ะสิ
เคยใช้ของพี่ที่ทำงานครั้งนึง หาอะไรก็ไม่เจอ เล่นเอามึน
คนไม่เคยใช้ ไปแตะ Android, iOS ก็มีอาการเดียวกันนั่นแหละครับ แล้วบางคนจะชินกับบาง OS ได้เร็วเป็นพิเศษ
ขอเชียร์แบบห่างๆ แล้วกันครับ เคยเชียร์แบบใกล้ๆ ด้วย lumia 520 แล้วกลับไปหาหุ่นกระป๋องแทบไม่ทัน
เป็นกำลังใจให้ Windows Phone
สงสัยจะมีแค่ผมคนเดียว ที่ตอนนี้ใช้ Lumia 925 มาจะสามปีละ ก็มีความสุขดี และเครื่องต่อไปก็อยากใช้ Lumia ต่อ จริงๆอยากได้ 950 มาก แต่ยังไม่มีเงิน
ผมไม่ติดปัญหาใดๆ เกี่ยวกับ OS นะครับ (แต่ที่ขัดใจข้องใจก็มีนะครับ ว่าเมื่อไหร่พี่ท่านจะยอมให้ 930 ผมเสียบ USB OTG ได้สักที) แต่ปัญหาหลักคือแอปครับ
ผมไม่ค่อยใช้แอปมากมายหรอกครับ แต่หลายกรณีมันเลี่ยงไม่ได้ว่าทำงานเป็นกลุ่มแล้วมันต้องใช้แอปที่จำเป็นด้วย
ดูอย่างตอนนี้สิ มันประชุม Skype ไม่ได้เลยครับ ไม่ว่าจะด้วยวิดีโอหรือแค่เสียงก็ตามยังไม่สามารถเลย ขณะที่เจ้าอื่นประชุม Skype ได้ยันวิดีโอแล้ว
ตอนเป็น 8.1 หน้าล็อคสกรีนแสดงสภาพอากาศได้ พอเป็น 10 ตั้งไม่ได้ละ อันนี้ชอบมากเลย หายไปดื้อๆ
ถ้าจะหาอะไรแทนก็ ผมใช้ Photostream ไว้เปลี่ยน lockscreen แบบบนคอมที่ตั้งเวลาเปลี่ยนได้ ถ้าใช้แบบเสียเงินก็โชว์ weather ได้บน lockscreen เลย
ขอบคุณครับ จะลองโหลดมาใช้ดู
ตอนนี้ใช้ Denim อยู่ ก็รู้สึกว่ามันเพียงพอนะ เพราะส่วนตัวเน้นถ่ายรูป ไม่ได้ใช้มือถือเล่นเกมหรือต้องการแอ็พไรเยอะ แต่ถ้าความต้องการเพิ่มขึ้น ก็คงต้องมองระบบที่ตอบโจทย์กับความต้องการ บางทีคนใช้งานส่วนใหญ่ก็ไม่ใช่พวกสาวกอวยกันจนหลับตาหรอก คนส่วนใหญ่ฉลาดพอที่จะเลือกใช้งาน เพียงแต่ว่าสังคมไทยยังมีค่านิยมในด้านลบเยอะ ประเภทยูไม่ชอบเหมือนไอ แสดงว่ายูชอบฝั่งตรงข้าม อันนี้ค่อนข้างแย่อยู่ ทั้งที่จริงตัวเลือกมันหลากหลายกว่านั้นเยอะ