Face2Faceคือชื่อของงานวิจัยด้านคอมพิวเตอร์วิทัศน์ที่จับเอาท่าทางการแสดงสีหน้าของคนคนหนึ่งไปใส่ในคลิปวิดีโอเพื่อเปลี่ยนการขยับริมฝีปากและการแสดงสีหน้าของคนในวิดีโอนั้นได้
งานวิจัยนี้เป็นผลงานร่วมกันระหว่าง University of Erlangen-Nuremberg, Max Planck Institute for Informatics และ Stanford University โดยทีมวิจัยได้พัฒนาระบบตรวจจับใบหน้าของนักแสดงต้นแบบเพื่อจับการแสดงสีหน้า การขยับริมฝีปากขณะพูด การยักคิ้วหลิ่วตา แล้วแก้ไขภาพบุคคลเป้าหมายในคลิปวิดีโอให้แสดงสีหน้าและขยับปากตามต้นแบบได้แบบสดๆ
คลิปวิดีโอนำเสนองานวิจัย Face2Face แสดงให้เห็นกันจะๆ ว่าการจะเปลี่ยนให้ George W. Bush, Vladimir Putin หรือ Donald Trump ที่ปรากฏอยู่ในคลิปวิดีโอเปลี่ยนการแสดงสีหน้าและการขยับปากพูดนั้นไม่ใช่เรื่องยุ่งยากเลยหากใช้งานวิจัยนี้เข้าช่วย นักแสดงต้นแบบเพียงนั่งอยู่หน้ากล้องเว็บแคมแล้วแสดงออกทางสีหน้าหรือพูดสิ่งต่างๆ ให้กล้องจับภาพได้ชัดเจนก็เป็นการเพียงพอแล้วที่จะให้ภาพของคนในคลิปวิดีโอเปลี่ยนการแสดงสีหน้าและขยับริมฝีปากไปพร้อมๆ กัน (มันทำถึงขนาดพยายามสร้างภาพช่องปากในขณะที่พูดแล้วปากเปิดกว้างให้เหมือนกันด้วย)
แน่นอนว่าหากสังเกตดีๆ เราจะเห็นความไม่เนียนของการแก้ไขภาพในคลิปวิดีโอได้ และที่สำคัญ Face2Face ก็ยังเป็นงานวิจัยที่ใช่ว่าใครจะเอามาใช้งานเพื่อสร้างวิดีโอให้เท็จหรือบิดเบือนสร้างสถานการณ์ใส่ความใครโดยง่าย แต่ข่าวงานวิจัยนี้ก็พึงเป็นสัญญาณเตือนที่ดีว่าการเสพข่าวรับชมข่าวสารในอินเทอร์เน็ตทุกวันนี้ยิ่งต้องใช้วิจารณญาณให้มาก
ใครที่อยากลงลึกศึกษารายละเอียดงานวิจัย Face2Face สามารถเข้าไปอ่านเพิ่มเติมได้ ที่นี่
ที่มา - TechCrunch
Comments
ทุกวันนี้หลักฐานยังตรวจสอบไม่ยากพอสินะ =="
โหดมาก
เชดด ถ้าโดนผู้ไม่หวังดี hack รายการสดขึ้นมาปลูกปั่นคนอีกฝั่งนี่ได้เลยนะเนี่ย
โอ้โห..ทำได้ขนาดนี้เลยหรอ พวก CIA คงชอบ
อันตรายมาก ถ้าเอาไปใช้ในทางที่ผิด
ถึงมันจะไม่เนียน แต่ถ้าพัฒนาต่อไป สักวันคงแยกยากต่อไปการพิจารณาคดีความจะยุ่งยากขนาดไหนเนี่ย
น่ากลัว ถ้าโจรเอามาหลอกเป็นคนดัง คนดังซวยแน่ หลักฐาน(ปลอม)ก็มี จะตรวจสอบกันเหนื่อยกว่าจะได้ข้อเท็จจริง
นี่มัน อนาคตของแอป FaceRig
ส่วนตัวมองเป็นงาน วิจัยที่ไร้สาระ ไม่ก่อประโยชน์ ยังนึก ประโยชน์ด้านดีสักข้อไม่ออกเลย
Ton-Or
ใช้ในการถ่ายทำภาพยนต์ได้ครับ
เทคโนโลยีมีทั้งด้านดีและด้านเลว มันขึ้นอยู่กับคนใช้มากกว่า
พวกเวลาดูภาพยนต์-ซีรีส์ เอามาพากย์เสียงได้แล้วปากตรงได้ด้วยนี่จะเป็นอะไรที่ดีมากเลยครับ :p
สำคัญคือหลายกรณีต้องพยายามให้จำนวนพยางค์ของต้นฉบับกับคำแปลใกล้เคียงกันเพื่อให้ดูไม่ขัดกันมากกับมีเสียงแต่ปากไม่ขยับด้วย
นึกถึงตอนที่ทำหนังพากย์ภาษาอื่นๆ แล้วเราสามารถทำให้ตัวละครในหนังสามารถขยับปากได้ตรงกับสิ่งที่พูด แค่นี้ผมว่าก็สามารถทำให้ดูหนังได้อย่างมีอรรธรสนะครับ
ไหนจะสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับ AI ที่ทำให้สิ่งที่อยู่บนจอ ขยับปากเหมือนกันสิ่งที่คอมฯจะสื่อสารอีก...
COBOL !!
ให้ดาราเกาหลีมาเล่นละครไทยได้เลยครับ ให้นักแสดงยืนทำหน้านิ่งๆ หันไปมองคนที่จะสนทนา แล้วใช้โปรแกรมนี้ทำให้ปากขยับ
เราก็จะได้นักแสดงต่างชาติมาแสดงในละครไทย โดยไม่จำเป็นต้องให้เขาพูดแม้แต่คำเดียว
และสามารถใช้ในพิพิธภัณฑ์ กับเหล่านักวิทยาศาสตร์คนดังก็ได้ครับ
และอีกมากมายครับ ต้องใช้สมองเค้นออกมานิดนึง อย่าเพิ่งรีบสรุปว่ามันไร้ประโยชน์
แค่เปิดเผยว่าเทคโนโลยีที่มีในตอนนี้มันทำได้ แค่นี้ก็มีประโยชน์แล้วครับ การตรวจสอบคลิปต่างๆจะได้ระวังเรื่องนี้ไว้ด้วย แล้วคนทั่วไปที่รู้ถึงงานวิจัยนี้จะได้เพิ่มวิจารณญาณและความยับยั้งชั่งใจของตัวเองไว้ด้วย
"With the first link, the chain is forged. The first speech censured, the first thought forbidden, the first freedom denied, chains us all irrevocably."
เม้นท์พลีชีพสินะ
+1
คุณมองไม่เห็นไม่ใช่ว่าคนอื่นเค้าจะมองไม่เห็นนะ
เคยดูหนัง สมัยใหม่ไหม พวก อวตาร เคยดูปะ เค้าก็ใช้เทคนิคแบบนี้ ทั้งนั้น ยิ่งการตูน เอนิเมชั่น ทั้งนั้นเลย
เจ๋งๆ ถ้าเนียนๆต่อไปแก้ไขโฆษณา หรือหนัง และอื่นๆได้เพียบเลยนะ เอามาเล่นเกมพูดสดเห็นสีหน้าขยับปากจริง ใช้แค่เวปแคมเอง
หลังจากนี้ต้องดู micro expressions เพื่อยืนยันครับ เว้นแต่ว่าบุคลิกของคนนั้นหน้าตายจริงๆ
นึกถึงงานวิจัยอีกอันของ Disney เลย
เป็นงานวิจัยที่เจ๋งมาก สามารถต่อยอดสร้างประโยชน์ได้อีกมากมายเลย ส่วนคนที่กังวลก็ขอให้นึกถึงโลกเราทุกวันนี้ที่อยู่กับ special effect ได้อย่างไม่มีปัญหาอะไร ถ้าคนมันหูเบาเชื่ออะไรง่ายๆ แค่ที่แชร์กันโง่ๆ ในเฟสหรือไลน์มันก็เชื่อครับ
ไม่ต้องห่วงหรอก มันจะต้องมีเครื่องตรวจออกตามมาอยู่แล้ว และถ้าคนมีความรู้มากขึ้น ก็จะไม่เชื่ออะไรง่ายๆ ในทันที
น่าห่วงนะครับ เรื่องเครื่องมือตรวจสอบไม่ห่วง แต่กว่าจะตรวจกว่าจะรู้ผลมันก็น่าจะนานอยู่
ผมห่วงเรื่องเห็นแล้วเชื่อเลยครับ ทุกวันนี้ก็เป็นกันอยู่ ซึ่งผมเชื่อว่าทุกคนก็มีความรู้กันอยู่แล้วระดับนึง
ต่อไปต้นทางต้อง sign digital signature ลงทุกๆ frame เลยมั้งนี้
ผมว่าเราลืมคิดเรื่องหนึ่งไปหรือเปล่าครับ นั่นคือเรื่อง "เสียง" ที่ตอนนี้ยังไม่สามารถเลียนแบบได้เนียนพอ
เพราะฉะนั้นผมยังคิดวิธีปลุกปั่นฝ่ายตรงข้ามด้วยการแฮคหน้าไม่ออก ถ้าเค้าไม่พูด
ตอนนี้ขนาดแค่เอารูปธรรมดาๆ มาแปะ แล้วเขียนบรรยายมั่วๆ ไปแค่นี้คนก็ยังเชื่อเป็นตุเป็นตะแล้วครับ
ถ้าแบบนั้น ผมก็มองว่าเทคโนโลยีไม่มีประโยชน์เท่าไหร่นะครับ เพราะเอารูปอะไรมาแปะก็ได้ คนเชื่อก็พร้อมที่จะเชื่ออยู่แล้ว
ลองดูหนังเรื่อง Straight Outta Compton ดูครับ
จะมีตัวละครนึงชื่อ 2PAC ซึ่งจริงๆตายไปแล้วเขาใช้คนธรรมดานี่แหละครับเป็นคนพากย์ แต่แปลงเสียงได้เหมือนตัวจริงมากๆ
แบบว่า เป๊ะเลย
คือมันคงผ่านขั้นตอนมาพอสมควรล่ะครับ แต่หมายถึงว่าอีกไม่นานมันคงพัฒนาไปใกล จนพากย์สดๆได้เลย
ทึ่งจนเงิบเลยครับ
จริง ๆ มันทำได้กันมานานมากแล้วนี่ครับ แต่เมื่อก่อนมันไม่ใช่แบบ real-timeดูเนียนกว่านี้ด้วย
ลุงตู่
หรือมีมานานแล้ว และอาจเคยถูกใช้ไปแล้วโดยเราไม่รู้ตัว -..-'
my blog
สวรรค์ของการพากย์นรก
มันเจ๋งมาก แต่ดาบสองคมคือ ถ้ามีคนเอาไปดัดแปลงภาพต้นทางแล้วเอาไปปลุกปั่นส่งไปยังคนที่ไม่ค่อยได้ติดตามข่าวสารอาจจะเป็นเรื่องได้เลยทีเดียว
Texion Business Solutions
เหมือนหนังเรื่อง The Running Man ของปู่อาร์โนลด์ ชวาร์เซเน็กเกอร์ เลย