Walt Mossberg คอลัมนิสต์จาก The Verge ได้เขียนบทความวิเคราะห์หลังจบงาน WWDC ของ Apple โดยใช้หัวข้อ "Apple ยังคงมีโลกของตัวเองอยู่" (Apple is still a world of its own) ในบทความมีเรื่องที่น่าสนใจ คือ ปัญญาประดิษฐ์ และยุทธศาสตร์ด้านฮาร์ดแวร์ของ Apple
ปัญญาประดิษฐ์ Apple ของนั้นใช้สิ่งที่เรียกว่า Differential Privacy ซึ่ง Mossberg บอกว่าเรื่องนี้มีการคุยกันในหมู่นักวิทยาการข้อมูลมานับสิบปีแล้ว ( แต่ก่อนหน้านี้ก็มีผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัย John Hopkins ตั้งคำถามเรื่องนี้ไว้ ) โดย Apple จะใช้วิธีสุ่มข้อมูลจากแต่ละอุปกรณ์โดยใส่ข้อมูลรบกวนที่ไม่มีความหมายเข้าไป ฉะนั้นตัวข้อมูลจะไม่ถูกติดตามไปจนถึงอุปกรณ์ของผู้ใช้ได้ และข้อมูลเหล่านี้จะนำไปให้ซอฟต์แวร์ใช้เรียนรู้
เรื่องที่สอง Mossberg เห็นว่า แม้ Apple จะขยายบริการ แต่ Apple ก็ยังคงเป็นบริษัทเกี่ยวกับฮาร์ดแวร์อยู่ดี (Mossberg เคย วิจารณ์ซอฟต์แวร์ของ Apple ว่าขาดคุณสมบัติเด่นและจะส่งผลถึงฮาร์ดแวร์อย่างเลี่ยงไม่ได้ ) แม้ปัจจุบันยอดขายฮาร์ดแวร์นั้นอาจจะน้อยลง และ Apple ก็เริ่มพูดถึงเรื่องการทำเงินจากบริการแล้ว เช่น Apple Music, App Store แต่จากท่าทีในงาน WWDC นั้น Apple ยังคงเน้นยุทธศาสตร์ "ฮาร์ดแวร์มาก่อน" และ Mossberg ก็เห็นว่ามันเป็นจริงแม้ว่า Steve Jobs จะเคยบอกว่า Apple เป็นบริษัทซอฟต์แวร์ โดยมีตัวอย่างที่เห็นชัด เช่น
- iMessage ที่เพิ่มฟีเจอร์มากมายบน iOS รวมถึงทำให้ iMessage เป็นแพลตฟอร์ม นอกจากนี้ ผู้บริหาร Apple บอกว่าจะไม่ทำบน Android เพราะยังไม่มีความจำเป็น โดย iMessage น่าจะเอาไว้เป็นหนึ่งในจุดขายของแพลตฟอร์ม Apple คือการมีแพลตฟอร์มส่งข้อความที่เหนือกว่าจะช่วยดันยอดขายของฮาร์ดแวร์ได้ด้วย
- Siri ที่ทุกแพลตฟอร์มไม่ได้เน้นทำงานเหมือนกันซะทีเดียว เช่น tvOS เน้นค้นหาหนังหรือรายการทีวี, iOS เน้นจัดการงานในชีวิตประจำวัน, macOS เน้นการค้นหาไฟล์ เพื่อจะบ่งบอกว่า Siri นั้นไม่ใช่แพลตฟอร์มแยกของ Apple แต่เป็นเครื่องมือช่วยปรับปรุงการใช้งานอุปกรณ์
- ระบบของ Apple ต่าง ๆ ที่ทำงานเข้ากันได้ดี อย่าง Universal Clipboard, Auto Unlock ก็ทำงานได้เฉพาะบนอุปกรณ์ Apple เท่านั้น
Mossberg เห็นว่า Apple แตกต่างจาก Google, Facebook หรือ Microsoft ที่แอพต่าง ๆ มีให้ใช้บนแพลตฟอร์มคู่แข่งด้วย
สุดท้ายแล้ว Mossberg เห็นว่า แม้ว่า Apple จะยังสนใจเรื่องปัญญาประดิษฐ์หรือรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ แต่แก่นจริง ๆ ของ Apple ก็ยังคงเป็นการมุ่งมั่นพัฒนาซอฟต์แวร์ที่อยู่ในฮาร์ดแวร์ของบริษัท โดยบทความฉบับเต็มของ Mossberg มีเรื่อง Apple TV และ Apple Watch ด้วย สามารถอ่านได้จากที่มาครับ
ที่มา - The Verge
Comments
ทำงานเงิน --> ทำเงิน
ตามนั้นครับ
ดะ วารุโด้
iMessage ก็ใช้กันอยู่แต่ในสหรัฐ เพราะในยุโรปเขาใช้แต่ whatsapp ในเอเซียก็ใช้ Lineในจีนก็ใช้ wechat หรือ qq ที่สำคัญยังให้ใช้กับ iphone ด้วยกันเท่านั้น ก็ไม่รู้จะเป็นจุดขายได้หรือเปล่า
อยากให้iMassageใช้งานได้แบบWalkie Talkie จังเวลาเดินทางไปเที่ยวใช้รถหลายๆคันจะได้ใช้สื่อสารกันระหว่างคันรถ
Facetime Audio ก็ได้นะครับ คุยพร้อมกันไปเลย
Walkie-Talkie มันต้องสลับพูดฟัง ผมว่าสะดวกน้อยกว่านะครับ
อยากได้แบบแค่คุยกันระยะซัก100เมตร ไม่ต้องผ่าน3/4G หรือrouterอ่ะครับน่าจะมีวิธีดัดแปลงเอาเสาcellular/wifi มาแพรกันระหว่างสองเครื่องโดยไม่ต้องผ่านเครือข่าย ประมาณว่าดัดแปลงเอาหลักการของAirdropมาใช้อะครับ เปลี่ยนจากไฟล์เป็นเสียงแทน
จริงๆ ผมว่ามันทำได้ละครับ แต่ ถ้าใช้คลื่นความถี่อื่นที่ไม่ได้ใช้ฟรี อย่าง 2.4 GHz, 5 GHz คงไม่ได้ รบกวนคนอื่นเขา
พอใช้ 5 ก็ส่งไม่ไกล ถ้า 2.4 ก็คงพอได้ แต่เอาไกลๆ ไม่รู้กำลังส่งเท่าไรนะครับ จริงๆ ก็ใช้พวก วิทยุ วอ แดงๆ ก็ได้อยู่นะครับ
ไปยุให้ Firechat ทำให้ส่งข้อความเสียงได้แน่ะครับ นั่นน่ะไกลสุดเท่าที่คุณจะหวังได้ด้วยระบบปัจจุบันแล้วครับถ้าไม่เอาเน็ตน่ะนะ
เค้าโลกส่วนตัวมาตั้งแต่สมัยทำพวกสื่อเก็บข้อมูลจำพวก floppy disk แล้วมั้งถ้าจำไม่ผิด
The Last Wizard Of Century.