Tags:
Node Thumbnail

รถยนต์ไฟฟ้า Tesla ได้รับอัพเดตเพิ่มฟีเจอร์ขับอัตโนมัติ หรือ Autopilot มาตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้ว มีคนใช้มากมาย ล่าสุดเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงจากการใช้ฟีเจอร์นี้เป็นครั้งแรก ส่งผลให้คนขับเสียชีวิตทันที

อุบัติเหตุนี้เกิดขึ้นบริเวณทางแยกบนทางหลวงในเมือง Williston รัฐฟลอริดา ผู้ขับรถ Tesla Model S คือนาย Joshua D. Brown อายุ 40 ปี ก่อนเขามาถึงทางแยก มีรถบรรทุกขนาดใหญ่กำลังเลี้ยวขวางถนนอยู่ รถยนต์ Tesla ของ Brown แยกแยะระหว่างด้านข้างของรถบรรทุกซึ่งเป็นสีขาว กับท้องฟ้าที่ค่อนข้างสว่างไม่ออก ทำให้ไม่ได้เบรก พุ่งชนและลอดใต้รถบรรทุกไป ชายล่างของตัวเทรลเลอร์ฉีกหลังคารถ Tesla ออกทั้งแผ่น รถของ Brown ไปจอดนิ่งห่างจากจุดเกิดอุบัติเหตุไปหลายร้อยฟุต เขาเสียชีวิตทันที

คนขับรถบรรทุก Frank Baressi อายุ 62 ปี กล่าวว่าหลังจากชน เขาไปดูรถ Tesla พบว่าบนหน้าจอกำลังเล่นภาพยนตร์ Harry Potter อยู่ แต่ไม่เป็นที่แน่ชัดว่ารถ Tesla อนุญาตให้ชมภาพยนต์ขณะรถกำลังวิ่งอยู่ได้หรือไม่ และในรายงานของตำรวจก็ไม่มีการกล่าวถึงภาพยนตร์นี้ด้วย

No Description

ภายหลังจากอุบัติเหตุ Tesla Motors ออกแถลงการณ์ บนบล็อกของบริษัท แสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งชี้แจงว่าระบบ Autopilot ยังต้องการความสนใจจากคนขับตลอดเวลา และต้องเตรียมพร้อมที่จะเข้าควบคุมรถได้ทุกเมื่อ โดยรถจะตรวจสอบเรื่อยๆ ว่ามือของผู้ขับยังจับพวงมาลัยอยู่หรือไม่ หากไม่จับจะส่งสัญญาณเสียงเตือน พร้อมกับขึ้นข้อความบนหน้าจอ และหากยังไม่จับ รถจะชะลอความเร็วลงเรื่อยๆ จนกว่าจะมีปฏิกิริยาจากผู้ขับขี่

นาย Brown เป็นผู้ที่ชื่นชอบรถ Tesla มาก เขาอัพโหลดวิดีโอการใช้งานรถขึ้น ช่อง YouTube ส่วนตัว อยู่บ่อยครั้ง และชมว่าเป็นรถที่ดีที่สุดเท่าที่เขาเคยเป็นเจ้าของมา โดยวิดีโอล่าสุดของเขามีผู้ชมเกือบ 2 ล้านวิว เป็นเหตุการณ์ที่มีรถเครนขนาดเล็กปาดเข้ามาในเลน ซึ่งรถของเขาได้หักหลบและชะลอความเร็วลงเพื่อป้องกันอุบัติเหตุได้อย่างน่าประทับใจ วิดีโอนี้ดังมากจน Elon Musk ซีอีโอของบริษัทเคยเอาไปทวีตบนบัญชีทวิตเตอร์ส่วนตัวด้วย

นาย Brown เคยเป็นสมาชิกของหน่วย SEAL นานถึง 11 ปีก่อนจะออกมาในปี 2008 และไปก่อตั้งบริษัท Nexu Innovations ทำกิจการเกี่ยวกับเครือข่ายและกล้องไร้สาย

Tesla Motors บอกว่านี่เป็นอุบัติเหตุถึงชีวิตจากการใช้งานระบบ Autopilot ครั้งแรกหลังมีการใช้งานรวมแล้วกว่า 130 ล้านไมล์ โดยอุบัติเหตุร้ายแรงถึงชีวิตบนถนนในสหรัฐอเมริกาเกิดขึ้น 1 ครั้งทุกๆ 94 ล้านไมล์ และทุกๆ 60 ล้านไมล์สำหรับสถิติทั่วโลก

ทางฝั่งหน่วยงานกำกับดูแลความปลอดภัยบนทางหลวงของสหรัฐฯ (National Highway Traffic Safety Administration - NHTSA) ก็เริ่มกระบวนการสอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว

ที่มา - Fox News , Forbes

Get latest news from Blognone

Comments

By: MrThursday
Contributor Red Hat Ubuntu Windows
on 1 July 2016 - 09:23 #923158

Rest in peace

'หลังอ่านจบนั่งเงียบอยู่ 10 นาที

By: jane
Android Ubuntu
on 1 July 2016 - 09:25 #923159
jane's picture

ถ้ามี lidar จะช่วงแก้ปัญหานี้ไหมนะว่าแต่ sonar/sensor มีจุดบอดหรือไม่ทำงานจึงไม่หยุดรถ?

https://forums.teslamotors.com/forum/forums/self-driving-car-camera-and-lidar

By: Zatang
Contributor iPhone Android
on 1 July 2016 - 09:35 #923163 Reply to:923159

ผมสงสัยเหมือนกัน เพราะใช้ sensor พวกวัดระยะ ไม่น่าแยกสีขาวรถบรรทุกกับท้องฟ้าไม่ได้นี่นา


อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว

By: iamfalan
iPhone Android Windows
on 1 July 2016 - 09:36 #923164 Reply to:923159

ในข่าวบอกว่า แยกแยะด้านข้างของรถบรรทุกซึ่งเป็นสีขาว กับท้องฟ้าไม่ออก แสดงว่าน่าจะใช้ image processing ครับ

แต่ถ้า Tesla ป้องกันแบบที่ว่า คือมือต้องแตะพวงมาลัยตลอดเวลา แต่ถ้าคนขับแตะ แต่ตาไม่มองถนนล่ะ?

By: doanga2007
Android Symbian Ubuntu
on 1 July 2016 - 09:42 #923172 Reply to:923164
doanga2007's picture

ควรเพิ่มระบบ radar แบบเดียวกับ Toyota ด้วย เพราะไม่มีผลต่อการแยกแยะครับ

By: BlackMiracle
Writer Android Ubuntu Windows
on 1 July 2016 - 09:49 #923175 Reply to:923159

Elon Musk บอกว่าเรดาร์ "ไม่สนใจ" สิ่งที่ดูเหมือนกับป้ายบอกทางที่อยู่สูงครับ ผมเข้าใจว่าเรดาร์เห็น แต่เทรลเลอร์มันสูงกว่ารถมาก เลยนึกว่าเป็นวัตถุอะไรสักอย่างที่อยู่สูง แถมใต้ท้องก็มองทะลุได้ รถเลยไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วมันคือสิ่งกีดขวางขนาดมหึมา

ใครคิดแบบอื่นก็คอมเมนต์ไว้ได้ครับ ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลอะไรมากกว่านี้


Pitawat's Blog :: บล็อกผมเองครับ

By: TeamKiller
Contributor iPhone
on 1 July 2016 - 10:30 #923197 Reply to:923175
TeamKiller's picture

ผมว่ารถบรรทุกไม่ได้สูงกว่ารถมากนะครับ ไม่งั้นรถ Tesla ก็รอดใต้ท้องผ่านไปอย่างปกติสุข ไม่โดนอะไร

เดาๆ ว่าระบบอาจจะคำนวณแค่แนวช่วงล่างของล้อเปล่า ไม่คิดถึงหลังคารถที่สูงออกไปอีก

By: Architec
Contributor Windows Phone Android Windows
on 1 July 2016 - 09:59 #923181 Reply to:923159

ผมพูดแต่แรกเลยว่า lidar ดีกว่าเพราะเห็นความลึกของสิ่งที่อยู่ข้างหน้า เรื่องนี้เคยถกกันมาแล้วแต่มีพวกบอกว่า "รับค่ามาแต่ก็ประมวลผลแบบ Image processor อยู่ดี" แสดงว่าไม่ได้เข้าใจ condition ที่อาจจะเกิดขึ้นได้

By: Bntrnc
iPhone Blackberry
on 1 July 2016 - 13:05 #923257 Reply to:923181

Lidar คืออะไรหรอครับ

By: panurat2000
Contributor Symbian Ubuntu In Love
on 1 July 2016 - 14:43 #923293 Reply to:923257
panurat2000's picture

LIDAR คืออะไร

LIDAR เป็นคำย่อ มาจากคำเต็มๆว่า “Light Detection and Range” เป็นเทคโนโลยีการสำรวจงานภูมิประเทศแบบใหม่ ซึ่งมีเทคโนโลยีที่เหมือนกันกับการทำงานของ Radar กล่าวคือ เป็นการวัดระยะจากระยะเวลาในการเดินทางของลำแสงเลเซอร์ ที่เดินทางจาก Sensor ไปยังวัตถุเป้าหมาย และเดินทางกลับมายัง Sensor

By: aeksael
Contributor iPhone Windows Phone Android
on 2 July 2016 - 00:23 #923414 Reply to:923181
aeksael's picture

LIDAR มันน่าจะมีราคาสูงนะครับเพราะตอนผมไปอบรม hare map เมื่อสองปีก่อนรถเค้าใช้ระบบนี้ในการทำแผนที่แถมบอกว่าของgoogleยังไม่มีด้วยซ้ำ

อ่อเสริมให้ แต่มันเจ๋งตรงความคราดเคลื่อนไม่เกิน2มิลนี่แหละ ยิงไปเห็นเป็นภาพโฮโลแกรมสามมิติมาเลยประมาณนั้น


The Last Wizard Of Century.

By: olan16
Android WindowsIn Love
on 1 July 2016 - 09:38 #923170
olan16's picture

หัวข้อข่าวเขียนว่า 'เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงเป็นครั้งแรก' แสดงว่าก่อนหน้านี้ก็เคยเกิดอุบัติเหตุหลายครั้งแล้ว แต่ไม่ได้ถึงแก่ชีวิตเหมือนเคสนี้ ใช่มั้ยครับ ??

By: gotobanana
iPhone Android Blackberry Symbian
on 1 July 2016 - 11:15 #923214 Reply to:923170
gotobanana's picture

ใช้ครับแต่เล็กๆน้อยๆ

By: JPorsh
iPhone WindowsIn Love
on 1 July 2016 - 09:40 #923171
JPorsh's picture

แย่จัง อ่านแล้วแบบ เฮ้อ...

By: indyend
Android Ubuntu
on 1 July 2016 - 09:45 #923173
indyend's picture

"machine learning ให้ผลลัพธ์ที่ถูกต้อง 99% เป็นเรื่องง่าย แต่การทำให้มันถูกต้องถึง 99.9999% เป็นเรื่องยากมาก"

จบข่าว...

By: X CroSs
iPhone Windows Phone Android Windows
on 1 July 2016 - 09:47 #923174

RIP ครับ

By: iDan
Contributor Android SUSE Ubuntu
on 1 July 2016 - 10:00 #923180

มือของผู้ขับยังจับงพวงมาลัย

??

By: BlackMiracle
Writer Android Ubuntu Windows
on 1 July 2016 - 10:07 #923188 Reply to:923180

แก้แล้วครับ ขอบคุณครับ


Pitawat's Blog :: บล็อกผมเองครับ

By: hydrojen
iPhone Red HatWindows
on 1 July 2016 - 10:13 #923192
hydrojen's picture

ถ้าต้องคอยจับตา เพื่อควบคุมเองตลอดจะกลายเป็นว่า คนขับรับภาระมากกว่าการขับเองด้วยซ้ำ

By: HeavenDrive
Windows Phone Android WindowsIn Love
on 1 July 2016 - 10:21 #923195

เคยบอกไปแล้วยังไงระบบขับขี่อัตโนมัติก็ยังไม่มีทางใช้ได้จริงเพราะสาเหตุหลักมาจากการสร้างการรับรู้ของคอมพิวเตอร์มันยังไม่สามารถทำได้แบบสิ่งมีชีวิต

Image processing เนี่ยตัวดีเลย ข้อจำกัดเยอะ ผมเคยทำโปรเจคท์เกี่ยวกับตัวนี้มาบ้างตอนปี 4

ถ้าอยากให้ระบบขับขี่อัตโนมัติมันใช้ได้จริงแบบปลอดภัย ต้องเขียนระบบให้คอมพิวเตอร์มันสามารถแยกแยะวัตถุให้ได้ทุกประเภทจากภาพๆเดียวให้ได้เสียก่อน ถ้าทำไม่ได้ยังไงระบบขับขี่อัตโนมัติแบบปลอดภัยก็เป็นเพียงแค่ฝันอยู่

By: 100dej
Android Windows
on 1 July 2016 - 11:42 #923224 Reply to:923195

จากสถิติการเกิดอุบัติเหตุที่เขายกอ้างมา ระบบอัตโนมัติก็ยังดีกว่าคนขับเองนะครับ

By: put4558350
Contributor Android Ubuntu Windows
on 1 July 2016 - 13:46 #923274 Reply to:923195
put4558350's picture

ส่วนที่ต่างกันระหว่าง ai และ คน คือเมื่อเกิดปัญหาแล้ว ai จะเรียนรู้ ไม่ลืม และ ส่งต่อไปยังเครื่องอื่นๆใด้

การตายก็ยังคงมีอยู่ แต่จะน้อยลงเรื่อยๆทุกครั้งที่พบข้อจำกัด


samsung ใหญ่แค่ใหน ?https://youtu.be/6Afpey7Eldo

By: Yone on 1 July 2016 - 14:34 #923290 Reply to:923274

ผมว่าคุณ praise AI มากเกินไปครับ ถ้าเกิดปัญหาแล้วเรียนรู้ไม่ลืม ป่านนี้ทุกๆ benchmark ก็ 100% หมดแล้วสิต้องยอมรับว่ามัน imperfect ครับ เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าเกิดเหตุการณ์แปลกๆ ที่ไม่ได้เรียนรู้ไว้ในระบบขึ้นมาแล้วจะเป็นยังไง

By: hisoft
Contributor Windows Phone Windows
on 1 July 2016 - 15:17 #923305 Reply to:923290
hisoft's picture

ที่คุณ put4558350 ว่ามามันคือในอุดมคติครับ

ข้อดีหลักๆ ของ AI คือมันส่งต่อความรู้ได้แม่นยำกว่าสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์มากครับ น่าจะเกือบ 100% ขณะที่คนเราเวลามาสอนต่อกันมักจะไม่ใช่ 100% แต่ก็มีทั้งขาดและเกิน (เกินก็เวลาสอนใครไปแล้วคนเรียนเข้าใจไปมากกว่าคนสอนนั่นแหละครับ เอาแบบนั้นแล้วกัน :p)

ตอนนี้คนเราได้เปรียบเพราะสั่งสมความรู้กันมานานกว่าด้วยอย่างนึง วิวัฒนาการมายาวนานมากกว่าหลายเท่าอีกอย่างนึง และคิดจำลองเหตุการณ์ต่างๆ ไว้มากกว่า (ส่วนมากนะ) แต่ AI เองก็ไม่ได้หยุดอยู่กับที่ครับ มันก็ก้าวหน้าเรื่อยๆ แต่การก้าวหน้าของมันสามารถ copy ออกมาได้ ในแง่ของความน่ากลัวมันก็ระดับนึง

ถ้าให้เทียบก็จะคล้ายๆ กรณีนึงที่ผมไปอ่านคนเถียงกันในบอร์ดนึงมา อารมณ์ว่าเป็นการรบของฝั่งนักเวทย์ที่เก่งและพลังมากกว่าแต่มีไม่กี่คน กับฝั่งคนที่ต่อให้ฝึกแค่ไม่มากแต่ copy อาวุธที่เรียกว่าปืนมาได้จำนวนมหาศาลล่ะครับ

By: Yone on 1 July 2016 - 18:05 #923350 Reply to:923305

ผมไม่เข้าใจว่า "ส่งต่อความรู้" ในความหมายของคุณคืออะไร ถ้าแค่ Copy โมเดลที่ถูกเรียนรู้มาแล้ว ยังไงมันก็ 100% อยู่แล้ว

By: hisoft
Contributor Windows Phone Windows
on 1 July 2016 - 20:56 #923380 Reply to:923350
hisoft's picture

แต่คนทำไม่ได้ไงครับ

By: put4558350
Contributor Android Ubuntu Windows
on 1 July 2016 - 23:28 #923405 Reply to:923380
put4558350's picture

ไม่เชิงอุดมคตินะ

ป่านนี้แล้วภาพและข้อมูลจากเช็นเชอร์ต่างๆน่าจะส่งไปที่ Tesla แล้ว นั้นก็คือเรียนรู้แล้ว
data ใน hdd ไม่หายไม่ลบเลือนเหมือนสมอง ไม่ลืมก็เป็นเรื่องจริง
หลังข้อมูลโดนประมวลผลแล้วก็คงจะกอปส่งไปยังรถคันอื่นๆ ส่งต่อ / update กันแล้ว

ส่วนเรื่องที่ ai ไม่สมบูรณ์ก็เป็นเรื่องจริง แต่คนก็ไม่สมบูรณ์เหมือนกัน ...


samsung ใหญ่แค่ใหน ?https://youtu.be/6Afpey7Eldo

By: JC_jack on 1 July 2016 - 15:40 #923323 Reply to:923274
JC_jack's picture

แต่คนก็ต่างกับ ai ที่สามารถป้องกันก่อนเกิดเหตุได้

By: hisoft
Contributor Windows Phone Windows
on 1 July 2016 - 15:54 #923325 Reply to:923323
hisoft's picture

ทุกวันนี้อุบัติเหตุหลายอย่างถูกควบคุมเพราะระบบ simulation นะครับ หลายอย่างเป็นเหตุที่คนไม่เคยนึกถึงว่าเกิดได้เช่นกัน เพียงแต่ปัจจุบันยังไม่แพร่หลาย ใช้เวลาและทรัพยากรเยอะ

By: HeavenDrive
Windows Phone Android WindowsIn Love
on 1 July 2016 - 15:56 #923327 Reply to:923195

หลงกันหมดแล้วมั้ง ที่ผมพูดถึงหมายถึงส่วนประมวลผลที่แปลงเป็น input เข้าไปยัง ai ต่างหาก ตัว ai เองมีปัญหามั้ยยังไม่รู้ แต่สำคัญคือไอตัวที่รับข้อมูลจากภายนอกแล้วส่งเข้าประมวลผลต่อต่างหาก

อย่างตามข่าวก็เห็นๆว่าเกิดจากโมดูล image processing ที่ผิดพลาด

คนเรามันมองเห็นแล้วสามารถแบ่งแยกวัตถุได้ แต่คอมพิวเตอร์มันมองเห็นแค่พิกเซลสีแค่นั้น ถ้ามีคนทำระบบประมวลผลสามมิติที่สามารถแบ่งแยกหรือจดจำวัตถุทั้งหมดได้แล้วเอามาใช้นั่นแหละระบบขับอัตโนมัติมันถึงจะใช้ได้จริง

By: readonly
iPhone
on 1 July 2016 - 10:32 #923199
readonly's picture

จากอุบัติเหตุนี้ วงการรถขับเคลื่อนอัตโนมัติคงชะงักไปหลายปี

RIP

By: tgtong44
Windows Phone Android Windows
on 1 July 2016 - 13:55 #923276 Reply to:923199
tgtong44's picture

เห็นต่างครับ จากเหตุการณ์นี้วงการรถอัตโนมัติ มันยิ่งจะพัฒนาขึ้นอีกแน่นอน

By: hisoft
Contributor Windows Phone Windows
on 1 July 2016 - 15:18 #923307 Reply to:923276
hisoft's picture

พัฒนาขึ้นก็ใช่ครับ แต่ต้องมีคนจำนวนมากชะงักและลังเลที่จะเลือกใช้แน่นอน

ขนาด Space X ทำจรวดระเบิดแค่ครั้งเดียวโดยไม่มีผู้เสียชีวิต ยังทำให้แผนการส่งคนขึ้นอวกาศต้องชะงักและเลื่อนออกไปเลยครับ

By: Patchan
iPhone
on 1 July 2016 - 10:35 #923202

RIP ครับ แต่เห็นด้วยกับเม้นบนๆ ถ้าauto แล้วต้องนั่งคุมสู้ขับเองดีกว่า

By: errin on 1 July 2016 - 10:40 #923205

Irony มากๆ คนที่ชอบ Tesla มากขนาดอัพคลิป auto-pilot กลับตายด้วย auto-pilot เอง

By: maoIndie
Ubuntu
on 1 July 2016 - 10:46 #923208
maoIndie's picture

ของใหม่มันก็งี้แหละ ไม่มีทางที่จะสมบูรณ์แบบง่ายๆหรอก ทุกโปรแกรมมีบั๊กที่คาดไม่ถึงอยู่ละ แต่มันจะพัฒนาให้น้อยลงได้เมื่อมีคนพบบั๊กนั้นและทำการแก้ไข เช่นกรณีนี้เป็นต้น

แต่ผมว่าเรากลัวกันเกินไปหรือเปล่า เพราะมนุษย์ขับเองก็ไม่ได้ปลอดภัยกว่าระบบออโต้เท่าไรหรอก ขับเองก็มีอุบัติเหตุอยู่ทุกวันอยู่แล้วแต่ไม่ได้ตกใจกันมากมายเพราะชิน

By: eak1111 on 1 July 2016 - 10:54 #923209 Reply to:923208
eak1111's picture

อืมๆ ก็จิง

By: HeavenDrive
Windows Phone Android WindowsIn Love
on 1 July 2016 - 11:17 #923216 Reply to:923208

ถ้าอยากให้ระบบออโต้ไพลอตมันเวิร์กจริง

อัตราส่วนการเกิดอุบัติเหตุ/จำนวนเที่ยวการเดินทางของระบบ

น้อยกว่าหรือเท่ากับ

อัตราส่วนการเกิดอุบัติเหตุ/จำนวนเที่ยวการเดินที่คนขับเอง

ซึ่งมันน่าจะอยุ่ที่ระดับ 0.0000x% ด้วย

By: Zatang
Contributor iPhone Android
on 1 July 2016 - 13:23 #923267 Reply to:923216

ถ้าตามข่าวก็น้อยกว่าไงครับ "Tesla Motors บอกว่านี่เป็นอุบัติเหตุถึงชีวิตจากการใช้งานระบบ Autopilot ครั้งแรกหลังมีการใช้งานรวมแล้วกว่า 130 ล้านไมล์ โดยอุบัติเหตุร้ายแรงถึงชีวิตบนถนนในสหรัฐอเมริกาเกิดขึ้น 1 ครั้งทุกๆ 94 ล้านไมล์ และทุกๆ 60 ล้านไมล์สำหรับสถิติทั่วโลก"

เคสทั่วๆ ไปผมว่าระบบอัตโนมัติทำได้ดีกว่าคน เพราะมองได้ทุกด้านพร้อมกัน แต่เวลาเกิดเหตุเช่นลักษณะนี้มันดูร้ายแรงเพราะว่าเคสที่เกิดเป็นเคสที่ปกติถ้าเป็นคนขับจะไม่เกิด


อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว

By: HeavenDrive
Windows Phone Android WindowsIn Love
on 1 July 2016 - 16:20 #923331 Reply to:923267

การโยนหัวก้อยเพียงครั้งเดียว การที่ออกหัวหรืออกก้อยก็ไม่ได้หมายความว่าครั้งอื่นๆต้องออกแบบนั้นตลอดไป ต้องดูสถิติเกิดอุบัติเหตุอีกเยอะแล้วถึงมาคำนวณได้ จริงๆเอาเคสอุบัติเหตุที่ไม่ถึงชีวิตมาเทียบดูก็น่าจะเห็นแล้ว

By: JC_jack on 1 July 2016 - 15:14 #923303 Reply to:923208
JC_jack's picture

แต่ในเคสนี้เหมือนจะรุนแรงกว่าคนขับนะ แล้วยังไม่ใช่เหตุการณ์ที่เกิดกระทันหัน ไม่ใช่เหตุบังเอิญ แต่เพราะซอฟแวร์คำนวนภาพเหตุการณ์ข้างหน้าผิดพลาด

By: tuttap
Android
on 1 July 2016 - 11:01 #923211
tuttap's picture

ผมเพิ่งจะรู้นะ ว่ามี auto pilot บนรถ
แต่ผมอยากได้ มันเพราะเป้นแค่รถไฟฟ้า ไม่ได้อยากได้เพราะมีฟังชั่น ขับให้
ต่อให้ มีจริงๆ แล้วดีก็เถอะ ตราบใดที่ไม่ได้วิ่งบนราง ผมไม่ยอมให้ใครขับแทน อะ

By: itpcc
Contributor iPhone Red Hat Ubuntu
on 1 July 2016 - 11:08 #923213
itpcc's picture

สงสัยครับว่าเวลาประมวลผล Auto pilot ในลักษณะนี้ไม่ได้ปนะมวลผลด้านลึกเป็น 3D เหรอครับ?

//อย่างไรก็ตามผมขอแสดงความเสียใจด้วยครับ


บล็อกส่วนตัวที่อัพเดตตามอารมณ์และความขยัน :P

By: diewland
Android Windows
on 1 July 2016 - 11:49 #923227
diewland's picture

RIP คับ

By: Polwath
Contributor iPhone Windows Phone Android
on 1 July 2016 - 11:55 #923230
Polwath's picture

ขอแสดงความเสียใจด้วยครับ แบบนี้กระทบกับอุตสาหกรรมยานยนต์ขับเคลื่อนตัวเองเต็มๆ เลยแบบนี้ขอให้ผ่านพ้นไปให้ได้นะครับ


Get ready to work from now on.

By: zyzzyva
Blackberry
on 1 July 2016 - 11:57 #923231

อยากรู้ว่าตอนรถยนต์รุ่นแรกๆประสบอุบัติเหตุ น่าจะมีคนที่คิดว่า 'ชั้นไม่ไว้ใจเครื่องจักรหรอก ชั้นจะนั่งรถม้าต่อไป' อยู่เยอะ แต่อุตสาหกรรมรถยนต์ผ่านตรงนั้นมาได้อย่างไร หรือแค่รอเวลาให้คนพวกนั้นตายให้หมดทั้งรุ่นก่อน

By: somphong.s
Android Windows
on 2 July 2016 - 09:11 #923439 Reply to:923231

เครื่องจักรยุคเปลี่ยน จาก ม้าเป็นเครื่องยนต์
มันเปลี่ยนทาง กลเราเห็นภาพชัดเจน เป็นชิ้นอัน เครื่อง คลัทช เกียร์ เบรค เร่ง
ไม่มีส่วนของ AI ที่ เป็นก้อนวุ้น มั้งครับ 555

By: thanyadol
iPhone
on 1 July 2016 - 11:59 #923232

ช่วงระหว่างล้อหน้ากับล้อหลังของบรรทุก แนวกว้างของกล้องจับภาพไม่ได้เหรอเนี่ย เลยประมวลผลแค่ แนวตั้งอย่างเดียว

By: lancaster
Contributor
on 1 July 2016 - 12:14 #923239

ผมว่ามันคล้ายกับ บั๊กที่ใช้ summon ออกจากโรงรถแล้วไปชนรถบรรทุก เลยนะ

ดูแล้วเหมือนตัวรถมันตรวจสอบสิ่งกีดขวางที่สูงกว่าตัวรถไม่ค่อยได้ หรืออาจจะเข้าใจว่าเป็นป้ายทั้งที่จริงๆ มันอยู่ในระดับที่รถลอดไม่พ้น

By: Bluetus
iPhone
on 1 July 2016 - 12:27 #923245
Bluetus's picture

โคตรตลกร้ายเลย... เคยปลอดภัยจาก Auto-pilot แต่กลับเสียชีวิตด้วยสาเหตุเดียวกัน

RIP ครับ เหมือนเค้าสละชีวิตให้ Tesla รู้บัคเลย

By: Bntrnc
iPhone Blackberry
on 1 July 2016 - 13:06 #923258

แอบเซ็งเบาๆ

By: Hoo
Android Windows
on 1 July 2016 - 13:22 #923266

ถ้าระบบเค้าเป็นแค่กล้อง 1 ตัว แล้ว Image Processingมันจะเหมือนคนที่มีตาเดียวขับรถเลย ไม่รู้ความลึก

งงๆว่า ยังไม่มีเทคโนโลยีแบบ กล้อง 2 ตัว แบบที่คนมี 2 ตาแล้วเอาไปประมวลจนรู้ถึงความลึกได้??

By: mrmamon
Contributor Android Windows
on 1 July 2016 - 14:18 #923283 Reply to:923266

มีครับ เรียกว่า stereo camera แต่ผมว่าเค้าน่าจะใช้แบบอื่นที่ดีกว่านี้นะ

By: Architec
Contributor Windows Phone Android Windows
on 1 July 2016 - 18:48 #923354 Reply to:923283

มีประโยชน์สองอย่างที่นอกเหนือจาก self driving

  • active suspension กำเนิดโดย Bose ใช้ในรุ่น S-Class, 7 Series
  • adaptive headlight
By: ginhub
Contributor iPhone Windows
on 1 July 2016 - 13:47 #923275

ถ้าขับบนทางด่วน แล้วเจอป้ายบิลบอร์ดรูปรถอยู่ข้างหน้ามันก็คงนึกว่ามีรถจริงอยู่ข้างหน้าสินะ

By: Greatpot
Windows Phone Windows
on 1 July 2016 - 14:07 #923280
Greatpot's picture

Irony จริง ๆ ครับ อ่านข่าวแล้วเศร้าแทนครับ

RIP

By: toooooooon
iPhone Windows Phone Android Blackberry
on 1 July 2016 - 14:49 #923295

ผมว่าถ้า สถิตินี้ ขับรถล้านไมค์ ต่ออุบัติเหต ขนาดนี้ผมว่า ระบบนี้น่าเชื่อถือกว่าขับเองนะเนี่ย

คนขับรถ แสนกิโลเมตร อย่างน้อยก็ต้องเจออุบัติเหตุอยู่บ้าง

By: hisoft
Contributor Windows Phone Windows
on 1 July 2016 - 15:20 #923309 Reply to:923295
hisoft's picture

สถิติดีกว่ามาก แต่ก็นั่นแหละครับ คนเราถ้าพลาดด้วยตัวเองมันจะรู้สึกดีกว่าพลาดเพราะคนอื่นมากโขอยู่นะครับ

By: somphong.s
Android Windows
on 2 July 2016 - 10:04 #923321 Reply to:923295

หากนับรวมสถิติของรถปกติ ในสภาพจราจรแบบเดียวกัน ในช่วงเวลาที่ผ่านมาอาจมี สถิติการเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงน้อยกว่า autopilot ก็เป็นได้ นะครับ

แล้ว เราก็ยังไม่รู้ด้วยนะว่า หาก เอารถ autopilot จำนวนเท่ากัน วิ่งในสภาพจราจรเดียวกัน ในช่วงเวลาเท่านั้นจะยังมี สถิติ ดี อยู่จริงหรือไม่

By: HeavenDrive
Windows Phone Android WindowsIn Love
on 1 July 2016 - 18:25 #923351 Reply to:923295

สถิติมันยังไม่เที่ยงตรงครับ ก็เหมือนกับคุณโยนหัวก้อยสองครั้งแล้วออกก้อยสองรอบ แล้วก็อนุมานเอาเองว่าโยนเหรียญนี้แล้วจะออกก้อยตลอด

มันเคยมีเป็นทฤษฎีพูดถึงอยู่

By: btoy
Contributor Android Windows
on 1 July 2016 - 15:01 #923297
btoy's picture

ขอแสดงความเสียใจด้วยครับ

ระบบ Auto-pilot มันเป็นซอร์ฟแวร์ตัวนึงอ่ะเนอะ ย่อมจะมีข้อผิดพลาดได้ ส่วนตัวเชื่อว่ายังไงซะก็น่าจะมีพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ แต่ทุกระบบยังไงมันก็คงทำงานไม่ได้ 100% หรอก แต่ถ้าถามว่าระบบนี้มีความน่าเชื่อถือมั้ย ผมว่าก็อยู่ในระดับสูงนะครับ เพียงแต่อุบัติเหตุบนท้องถนน ถ้าเกิดขึ้นมันก็รุนแรงเนอะ

ส่วนตัวถ้ามีโอกาสได้ใช้ ผมก็คงใช้กับถนนความเร็วต่ำ(มาก) พวกรถติดๆนี่ไปก่อน เผื่อชนก็น่าจะแค่รถพัง แหม่ว บนทางหลวงเนี่ย คงยังไม่กล้าเสี่ยง


..: เรื่อยไป

By: JC_jack on 1 July 2016 - 15:08 #923299
JC_jack's picture

บอกแล้วอย่าจะได้ไว้ใจสมองกลมากนัก

By: somphong.s
Android Windows
on 1 July 2016 - 15:27 #923312

น่าเศร้า ที่ ระบบมาตายน้ำตื้น ในเรื่องที่ ไม่น่าพลาด
คือ
ระบบเห็นภาพตลอด แต่ ดันไม่ทำอะไร
ทำให้ สงสัย ว่า ระบบเน้นความปลอดภัย หรือ เน้นการขับขี่ต่อเนื่อง เป็นหลัก
แล้ว ที่ขับผ่านมา 130ล้านไมล์ มันพลาดอะไรไปบ้าง โดยที่ ผู้ใช้งานไม่รู้ เพียงเพราะไม่ได้เกิดการเจ็บตาย

ผมเคยคิดนะว่า ถ้า รถทั้งหมดเป็น autopilot น่าจะปลอดภัยกว่านี้กรณีนี้ ผมอาจต้อง คิดใหม่ละ เพราะ มันผิดพลาดที่ตัวเองไม่พร้อม

By: waroonh
Windows
on 1 July 2016 - 15:32 #923322

รถสีขาว ระบบจะทำงานบ๊องๆ เป็นแบบนี้มานานแล้วครับ

https://www.youtube.com/watch?v=PF0AcyMFtMA

By: mrBrightside
iPhone Windows
on 1 July 2016 - 15:57 #923328

ขอถามหน่อยครับ ในเมื่อ autopilot มันก็ไม่ได้ปลอดภัย 100%
แถมผู้ผลิตเองก็บอกให้เราอยู่ในสถานะพร้อมขับตลอดเวลา
แล้วโหมดนี้ มันจะมีประโยชน์ในสถานการณ์แบบไหนครับ ?

By: TeamKiller
Contributor iPhone
on 1 July 2016 - 16:35 #923334 Reply to:923328
TeamKiller's picture

ขอคิดว่า รถติดครับ ผมจะได้ไม่ต้องเบรก กะเร่ง บ่อยๆ ฮ่าๆ

By: somphong.s
Android Windows
on 2 July 2016 - 08:52 #923438 Reply to:923328

สำหรับผม ที่ ค่อนข้างระมัดระวังการขับรถ
autopilot ที่ เป็นแบบนี้ ทำให้ผมเครียดกว่าเดิมautopilot กลายเป็น ความเสี่ยง
และ ผมจะต่อต้าน ระบบautopilot นี้ ด้วยครับ

By: rainhawk
Android Windows
on 1 July 2016 - 19:03 #923361
rainhawk's picture

บังเอิญเจอสิขาวข้างรถบรรทุก

By: Thaitop_BN
Windows Phone Ubuntu Windows
on 1 July 2016 - 19:52 #923368
Thaitop_BN's picture

ถ้าเป็นคนขับคงผ่อนและเบรก ผมสงสัยว่าเห็นมันไม่ผ่อนไม่แบรกทำไมถึงไม่ควบคุมรถเอง หรือเพราะเชื่อใจ AI มากไป?

By: zda98
Windows Phone
on 1 July 2016 - 19:58 #923370

แปลกใจว่ามันไม่มี sensor ตรวจจับแรกกระแทก หรือ วัดระยะหรือยังไงอย่างนี้ 2 ตัวนี้น่าจะทำการตัดสินใจในช่วงเกิดอุบัติเหตุ ลดความรุนแรงลงเยอะ เลย

By: winit_a on 1 July 2016 - 20:49 #923378

ก็ค่อยเรียนรู้กันไป
สนับสนุน AI ทำงานที่น่าเบื่อพวกนี้
แล้วเรามาสุนทรีกับชีวิตด้านอื่นๆ

By: OXYGEN2
Contributor iPhone Android Windows
on 1 July 2016 - 23:55 #923408
OXYGEN2's picture

ถ้าระบบแยกรถกับท้องฟ้าไม่ออกแบบนี้ก็น่ากลัวล่ะครับ แม้เรานั่งมอนิเตอร์การขับโดย auto pilot แต่ถ้าระบบ conllistion warning ไม่เตือนก็ยากที่จะรับรู้ว่าต้องเบรค


oxygen2.me , panithi's blo g

Device: ThinkPad T480s, iPad Pro, iPhone 11 Pro Max, Pixel 6

By: nrml
Contributor In Love
on 2 July 2016 - 08:22 #923436
nrml's picture

Geohot จะว่ายังไงนะกับข่าวนี้นะ

By: redxsword on 9 July 2016 - 05:12 #924915

ผมว่าอาจจะเป็นความประมาทของคนขับเอง คนขับไว้ใจ AI มากเกินไป ทั้งที่ AI ยังเรียนรู้ไม่มากพอ แต่กลับปล่อยให้ขับไปตลอดทาง ถ้าคนขับมองทางตลอดเวลา อาจจะหักเลี้ยวเข้าข้างทางได้ทัน แม้จะบาดเจ็บหนัก แต่ก็ไม่น่าจะถึงตาย มีแววเป็นไปได้ว่าคนขับอาจจะหลับ แล้วปล่อย AI ทำงานอย่างเดียวเลยด้วยซ้ำไปครับ เพราะจากที่คนขับเคยแชร์คลิป แสดงให้เห็นว่าคนขับไว้ใจ AI มากขนาดไหน จนมองข้ามความน่าจะเป็นที่ AI อาจทำงานผิดพลาด