หลังจากก่อนหน้านี้ ซัมซุงสหรัฐปล่อยอัพเดตให้ Galaxy Note 7 ชาร์จไฟได้เพียง 60% เพื่อกดดันให้ผู้ที่ใช้อยู่นำเครื่องมาเปลี่ยน ซึ่งดูเหมือนจะไม่ได้ผลมากนัก (?) ล่าสุด The Verge รายงานว่าซัมซุงได้แจ้งเตือนไปยังผู้ใช้ว่า วันที่ 15 ธันวาคมนี้ จะส่งคำสั่งให้ซอฟต์แวร์ภายในเครื่อง ไม่สามารถชาร์จแบตเตอรีได้
อย่างไรก็ตาม The Verge สอบถามไปทั้งซัมซุงและโอเปอเรเตอร์ในสหรัฐแต่ก็ไม่มีการตอบกลับมา ซึ่งก็คาดว่าซัมซุงน่าจะร่วมมือกับโอเปอเรเตอร์ในการปล่อยอัพเดตให้ครอบคลุมผู้ใช้ทั้งหมด จากที่ซัมซุงเคยทำมาแล้วก่อนหน้า
ทั้งนี้ซัมซุงแต่ละประเทศต่างใช้มาตรการกดดันผู้ที่ยังฝืนใช้ Galaxy Note 7 แตกต่างกันออกไป อย่างในแคนาดา เป็นการระงับการเชื่อมต่อบลูทูธ, Wi-FI และสัญญาณโทรศัพท์ เช่นเดียวกับใน ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ที่ตัดสัญญาณโทรศัพท์
ที่มา - The Verge
Comments
ฟีเจอร์ใหม่จริงๆนะเนี่ย สามารถอัพเดทอุปกรณ์อย่างโทรศัพท์มือถือให้กลายเป็นที่ทับกระดาษได้ แต่ตอนแรกมันเปลี่ยนเป็นระเบิดมือไปแล้วนิน่า XD
มองในแง่นึงแสดงว่า ผู้ผลิตหรือผู้ให้บริการวางbackdoor จะบังคับupdate อะไรก้ได้หรือเปล่า? เพราะปกติมี update อะไรใหม่ ก็ต้องให้ผู้ใช้กดยินยอมอีกทีนะ ถ้าไม่ถามเลย นี่น่ากลัว ถึงแม้จะเป็นการแก้ปัญหานึง แต่กลายเป็นวางแสดงให้เห็นปัญหาใหญ่อันอื่นที่ซ่อนเร้นอยู่หรือเปล่า?
จริงๆมันถือเป็นการละเมิดผู้ซื้อด้วยซ้ำ ถ้าจะบอกว่าอันตรายต่อคนทั่วไปก็ควรออกเป็นกฎหมาย เป็นสิ่งของต้องห้ามมีในครอบครอง(แบบที่ FAA ห้ามเอาขึ้นเครื่อง) ไม่ใช่จู่ๆไปละเมิดผู้ที่มีอยู่ โดยไม่มีกฎหมายอะไรไปบังคับเลย
ในกรณีที่มันสุ่มเสี่ยงที่จะสร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของคนอื่นที่ไม่ใช่เจ้าของเครื่องก็สมควรล่ะครับ
อย่างนี้เราจะถือว่าเจ้าของเครื่องซึ่งรับรู้อันตรายดังกล่าวแล้ว แต่จงใจละเลยที่จะนำเครื่องไปส่งคืน เท่ากับเขากำลังกระทำการละเมิดต่อสิทธิ์ของบุคคลอื่นได้หรือไม่ครับ ถ้าอ้างว่าไม่รับรู้ข่าวสารเลยนี่ก็...
ต้องมีหน่วยงานหรือกฎหมายบังคับสิครับ อย่างที่ยกตัวอย่าง FAA ห้ามนำขึ้นเครื่อง อันนี้ใครฝ่าฝืนผิดแน่ แต่อันนี้ คือเรียกคืนโดยบอกว่ามีความเสี่ยง แต่มันก็ไม่ใช่ว่า100%ว่าจะเกิดอันตรายสักหน่อย อันที่จริงยังปลอดภัยกว่าวัตถุไวไฟอื่นๆ เช่นไฟแช็คด้วยซ้ำ(เคสเกิดเพลิงไหม้จากวัตถุไวไฟเกิดถี่กว่าเยอะ)
สมมติผมซื้อมาเพื่อที่จะมาเก็บเป็นที่ระลึกหรืออาจใช้เป็น case study ใช้งานในสถานที่เฉพาะไม่ได้ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อผู้อื่น แต่กลับโดนบังคับupdate จน brick แบบนี้ผมถือว่าโดนละเมิดได้ไหม?
ประเด็นสำคัญคือผู้ให้บริการ ผู้ขาย แอบวางbackdoorไว้ ตอนนี้เราคิดว่าดีเพราะแก้ไขปัญหาความเสี่ยง แต่วันหน้าใครแอบทำอะไรเราจะรู้หรือต่อต้านได้ไหม?
ถ้ามองตามหลักคิดอย่างตรงไปตรงมา ผมเห็นด้วยก้บคุณ Fourpoint นะครับ
ลองดูฝั่ง Windows 10 แน่ะครับ - -"
ข่าวออกมาแบบนี้ก็ไม่มีใครกดอัพเดทละมั้ง คงให้เมียใช้ระเบิดเวลาต่อไป XD
ปกติมันให้อัพเดทให้ทำแบนี้กันได้ด้วยเรอะ
ผมว่ามันก็ทำได้นะครับ ถ้าใช้ function update ตามปรกติ เพราะมัน update ได้ระดับ rom อยู่แล้ว
แต่ถ้าแอบทำแบบผู้ใช้ไม่ได้กดยินยอมนี่ ผมว่ามันก็คือการใช้ช่องทาง Backdoor ดีๆนี่เอง
ชาร์ต => ชาร์จ
Wi-FI => Wi-Fi
ถ้าอัพเดตแบบนี้ได้ แล้วเปลี่ยนเป็น ยกเลิกลิมิต
Ka Boommmmm..
... Cyber war ชัดๆ
+1
ปล่อยอัพเดต พอเข้าใจ แต่ว่า "จะส่งคำสั่งให้ซอฟต์แวร์ภายในเครื่อง ไม่สามารถชาร์จแบตเตอรีได้" หมายถึงปกติซัมซุงคอยควบคุมเครื่องผู้ใช้ได้ตลอดเวลาเลย?
ถ้าให้อัพเดทกันตรง ๆ เจ้าไหนทำไม่ได้ผมว่าแปลกครับ แต่ถ้า backdoor เข้ามาบังคับเครื่องได้เลยโดยไม่ต้องได้รับการอนุญาตจากเจ้าของเครื่องอันนี้แย่มาก ๆ ครับ
Jellbreak note 7 incoming
How to Remove/Fix 60% Battery Limit on Galaxy Note 7!
ผมว่ามันละเมิดสิทธิ์เค้าเกินไปหรือเปล่า
หนักกว่าปลดล๊อคเครื่องได้
+1
55555 อันนั้นดูเป็นเรื่องเล็กไปเลย
อ้าว ทำแบบนี้มันบังคับเกินไปป่าวว่ะ บางคนชอบปากกา s-pen เสี่ยงแค่ไหนก็ยอมใช้
กลัวคนส่งเป็นของขวัญไปให้เพื่อน(ที่ไม่ชอบ)ใช้ช่วงปีใหม่สินะ