iPhone X เปิดตัวออกมาพร้อมกับกระแสหลายด้าน หนึ่งในนั้นหนีไม่พ้นเรื่องราคาที่พุ่งทะลุเพดานถึง 1,000 ดอลลาร์ ซึ่งสำหรับคนกลุ่มหนึ่งเรื่องราคาคงไม่เป็นปัญหา อย่างที่ RBC Capital Market บริษัทด้านการเงินได้เผยผลสำรวจออกมา
RBC ระบุว่าในกลุ่มผู้ตอบแบบสำรวจที่ตั้งใจจะซื้อ iPhone รุ่นใหม่ที่เพิ่งเปิดตัว มีถึง 43% ที่ตั้งใจจะซื้อ iPhone X ขณะที่ iPhone 8 Plus และ iPhone 8 อยู่ที่ 32% และ 25% ตามลำดับ โดยในส่วนของผู้ที่จะซื้อ iPhone X กว่า 57% ระบุว่าไม่หวั่นเรื่องราคาแพงละตั้งใจจะซื้อรุ่นความจุ 256GB ซึ่งนักวิเคราะห์ของ RBC ชี้ว่าเพราะการที่แอปเปิลนำความจุระดับกลางออกไป ทำให้ผู้ที่ต้องการความจุมากกว่า 64GB ไม่มีตัวเลือก
ขณะที่เมื่อถามความเห็นว่าเทคโนโลยีใดใน iPhone X ที่ว้าวที่สุด (most attractive) กว่า 46% จาก 4,196 คน (คนละกลุ่มกับผู้ตอบแบบสอบถามเรื่องความสนใจที่จะซื้อ iPhone ข้างบน) ระบุว่าชาร์จไร้สายว้าวที่สุด ตามมาด้วย Facial Recognition ที่ 24% และดีไซน์ที่ 14%
ที่มา - MacRumors
Comments
ว้าวตรงราคาที่สุด
จะแพงยังไงก็ยังมีกลุ่มลูกค้าการตลาดเค้าทำ segmentation มาดีแฮะ
ซื้อเหมือนกัน แต่เป็น 64GB เพราะ iPhone 8 กับ X จะเข้าไทยพร้อมกันเลยเป็นข่าวจริงนะ รู้แล้วเหยียบไว้ในนี้
ทึ่งตรงผลสำรวจนี่แหละ เป็นเทคโนโลยีที่ว้าวมากกกก
แต่มาคิดดูดี ๆ สายชาร์ตไอโฟนก็แย่จริง ๆ นั่นแหละมันจึงเป็นฟีเจอร์ที่คนทั้งโลกรอคอย!!
ตอนสาธิตนี่ผู้คนคงกู่ร้องปรบมือกันลั่นฮอลเลยทีเดียว
หรือนั่นเป็นสัญญาณที่สายชาร์ตไอโฟนพังง่าย....
หัวข้อข่าว จาก "เกิด" -> "เกิน" ครับ
การตลาดของฝั่ง Android ที่ทำเกี่ยวกับการชาร์จไร้สายคงคอตกเมื่อเห็นข่าวนี้อยากรู้ prospective buyers เลยว่าเป็นกลุ่มไหน
ผมว่าคงมีเยอะหลากหลายกลุ่ม ซึ่งแน่ๆ ก็เป็น ลค. ไม่มีปัญหาเรื่องเงิน apple คงไม่กังวลเรื่องนี้หรอกครับ เพราะเค้าก็ยังทำ ip8/8+ มารองรับอยู่แล้ว ถ้า ipX วางขายจริง ผู้ถือหุ้น apple คงเตรียมรับทรัพย์กันเละ เพราะหุ้นคงขึ้นแน่นอน
ละ ?
ราคาแบบนี้ ความจุควรเริ่มที่ 128 ด้วยซ้ำส่วนชาร์ตไร้สาย iPhone 8 ก็มี
Face recognition ก็ด้วยนะครับ ซึ่งถ้าสามารถ transfer ไปทำงานต่อที่ application อื่นๆ ได้ จะถือว่าเป็นอุปกรณ์ที่ราคาถูกและดีมากสำหรับการทำ facial tracking ของคนทำงานสาย cgi/vfx เพราะแต่ก่อนกว่าจะทำแบบนี้ได้ใช้เวลาและเงินสูงมาก
แปลกใจนะ คนใช้ Android นี่ปัญหาด้านสายชาร์จน่าจะเยอะเพราะหัว micro มันเสียบได้ด้านเดียว ไม่นับรุ่นหลังๆที่เป็น type c แต่พอมีชาร์จไร้สายคนใช้แอนดรอยก็ดูจะเฉยๆมีไม่มีก็ได้ แต่คนใช้ iphone สายชาร์จก็เสียบง่ายอยู่แล้วทำไมถึงมาว้าวอะไรแบบนี้ แต่ถ้านับแค่ฟีเจอร์ที่มีมาให้ มันก็คงว้าวสุดจริงๆแหละ
เสียบง่ายเป็นข้อดีครับ แต่ Apple เค้ามี feature สายเปื่อยง่ายให้ด้วย พอมีชาร์จไร้สาย คนเลยว้าวไง
จากประสบการณ์ตรง ที่มี Android ทั้ง 2 สายกับคนที่บ้านมี iPhone
สายชาจน์ iPhone เปื่อยและกรอบเร็วมากส่วนของ Android แค่สายเปลี่ยนเป็นสีเหลือง
ส่วน microUSB ที่เสียบได้ด้านเดียว มันก็จะงงๆแค่ช่วงแรกเองครับ พอใช้ไปสักพักก็ไม่เสียบผิดหล่ะ
คนที่ใช้ไอโฟนส่วนใหญ่ คนทั่วไปไม่สนใจข่าวไอทีนะ เขาจะไม่สนใจเรื่องมือถือรุ่นอื่นเลย พอไอโฟนมีอะไรใหม่มันเลยน่าสนใจ ทั้งที่บางอย่างแอนดรอยด์ทำมาก่อนแล้ว
แต่ก็อย่างที่บอก เขาใช้แต่ไอโฟนไง จนไม่จำเป็นต้องไปสนยี่ห้ออื่นเลย เครื่องพังหรืออยากเปลี่ยนก็ซื้อเปลี่ยนได้เลย เงินไม่ใช่ปัญหา ยิ่งเดี๋ยวนี้มีผ่อน สบายเลย
ผมว้าวแค่จอเอง ทำให้รู้สึกเหมือนจอมันเต็มจริงๆ ไม่เหมือน Android หลายๆ รุ่นที่พยายามจอไร้ขอบแต่ยังเหลือที่เยอะ
การชาร์จไร้สายนี่จะช่วยเรื่องมือถือพังเพราะสายชาร์จของปลอมได้รึเปล่าเนี่ย?
เจอพังเพราะแท่นชาร์จปลอมแทนไงครับ แต่เอาจริงๆพังเพราะสายไม่น่ามีนะครับเพราะมันอยู่บนสเปค usb2 ไฟมันจำกัดอยู่แล้ว มีแต่ชาร์จไม่เข้ากับชาร์จช้าแค่นั้นแหละครับ พังจริงๆมันเป็นที่ชาร์จเจอร์มากกว่า
ว้าว ไวเลสชาร์จ เหมือนกัน
เพราะเมื่อไอโฟนรองรับ ตามร้านกาแฟน่าจะหาชาร์จได้ง่ายขึ้น
ก็ยังไม่รู้ว่าจอแหว่งจะมีผลต่อ. UX ขนาดไหน แต่รู้สึกได้ว่ามันจะไร้ขอบจริงๆ
มือใหม่!! ใหม่จริงๆนะ
//ซ้ำครับ
มือใหม่!! ใหม่จริงๆนะ
ผมว้าวตรงผลสำรวจนี่แหละ คนมีเงินเหลือเยอะจริง ๆ แต่เดี๋ยวก็ต้องรอดูยอดขายจริง ๆ อีกทีเพราะผมยังเชื่อว่ารอบนี้ราคามันดีดเกินไปพอสมควร
That is the way things are.
ต่างประเทศเขาซื้อมือถือแบบติดสัญญาด้วยมั้งครับ (และราคา iPhone ในอเมริกาถูกกว่าในบ้านเรา)
บางโปรพอครบกำหนดก็จะเปลี่ยนเครื่องใหม่ให้ด้วยซ้ำ เลยไม่ได้แพงแบบบ้านเราครับ
ส่วนบ้านเรากฎหมายไม่เอื้อให้ทำโปรแบบนั้นเท่าไร
+1 คิดว่าราคาเครื่องแบบติดสัญญาน่าจะเกี่ยวกับผลสำรวจ แต่ไทยน่าจะลดลง
สินค้าไอทีถูกด้วยครับ เมื่อเทียบค่าครองชีพ
ชาร์จไร้สายนี่สงสัยมากว่ามันน่าว้าวตรงไหน ถือใช้งานขณะชาร์จก็ไม่ได้ ภาพในหัวตอนได้ยินว่าชาร์จไร้สายครั้งแรกคือถือเครื่องในมือไปไหนก็ได้แล้วแบตก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ มากกว่าการที่ตั้งบนแท่นแต่แค่ไม่ต้องเสียบสายอ่ะ เทคฯ นี้ผมเลยเฉย ๆ กับมันมากเลยเวลาเอามาโปรโมท
ผมว่ามันก็ลดความ pain ที่ว่า
1. เอื้อมไปหยิบสาย (นึกสภาพหัวเตียงรกๆ สายอยู่ไหนไม่รู้ หรือมีสายหลายแบบทั้ง usb-c, lightning)
2. พยายามเสียบอยู่ครั้ง 2 ครั้งโดยไม่มอง
3. ถ้าเสียเข้า จบ
4. ถ้าเสียบไม่เข้า ก็เล็งแล้วเสียบใหม่
เทียบกับวางแปะไปเลย ถ้าอยากชาร์จไปใช้ไป ก็ค่อยไปหยิบสายมาเสียบคือมันมีทางเลือกอ่ะครับ ยังไงก็ดีกว่า ไม่ใช่ว่าตัดสายชาร์จทิ้งแบบช่องหูฟังซะที่ไหน
ข้อเสียอย่างนึง คือ Qi ก็ยังต้องเล็งวางให้ตรงตำแหน่งอยู่ แต่ก็ดีกว่าเอาหัว lightning หรือ usb-c เสียบรูปก็ตาม
แอบเห็นด้วยครับ
ผมเป็นประเภทชาร์จไปด้วยเล่นไปด้วยบ่อยมาก แล้วก็ไม่ค่อยมีปัญหาในการเสียบสายเท่าไหร่ เลยรู้สึกเฉยๆ เหมือนกัน
ลองใช้ แล้วจะรู้ครับ วางไว้โต๊ะคอมจะดีสุด เพราะตรงที่นอน เราชอบยกมาเล่น ใช้แบบสายจะดีกว่า
ผมชอบนะครับ แบบวางบนโต๊ะทำงาน ก็ชาร์ทได้เลย กลับบ้าน เปิดคอมก็วางที่เดิมชาร์ทต่อ ไม่ต้องกลัวแบตหมด
คงแล้วแต่พฤติกรรมคนใช้ครับ
ช่วงที่ผมใช้มือถือบ่อยๆ คือระหว่างเดินทาง (นั่งรถสาธารณะ) ไป-กลับที่ทำงาน กับช่วงกินข้าว ส่วนระหว่างนั่งทำงานที่โต๊ะผมก็วางแปะไว้บนแท่นชาร์จ (มีทั้งที่บ้าน/ที่ทำงาน) นานๆ หยิบขึ้นมาเช็คที แบตก็จะเต็มอยู่ตลอด กลับถึงบ้านวางไว้เดี๋ยวก็เต็ม เสียบสายแค่ตอนก่อนนอนเพราะมีแท่นแค่สองอัน
แท่นชาร์จก็ซื้อจาก Aliexpress อันนึงแบบธรรมดาอันละ 5 USD อีกอันแบบ Quickcharge อันละ 13 USD ใช้มาเกินปีก็ไม่เห็นมีปัญหาอะไร
เมื่อไหร่จะมี kinetic charge
เมื่อบันไดราคาของ iPhone มาถึงจุดที่จะใส่ของ ว๊าว ๆ ของ Android เมื่อหลายปีก่อนโดยที่ยังมีกำไรเยอะอยู่เหมือนเดิม ก็น่ายินดีด้วยกับชาว Apple จะได้ ว๊าว ตามชาว Android แต่อย่างไรก็ดีถ้า Apple ไม่ตาม ความสะดวกคงเกิดยาก เพราะฐานผู้ใช้ iPhone เยอะมาก ที่นี้พวกเหล่า Starbucks สนามบิน โรงแรม คงมีบริการชาร์จไร้สายเพิ่มเข้ามา น่ายินดีกับการเลิกเป็นจระเข้กลับมาเป็นผลไม้เหมือนเดิม
คนที่ซื้อ iphone เพราะมันคือ iphone ครับ ถึงไม่มีชาาร์จไร้สาย คนก็ยังซื้อ (ผมพูดถึงคนทั่วไปนะ ไม่ไช่สังคมกีก)
+1