ถ้าจะพูดถึงการฟังเพลงที่สามารถดึงเราเข้าไปในโลกของจัวหวะได้อย่างสมบูรณ์แบบนั้นก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า หูฟัง คืออุปกรณ์ที่สำคัญมาก ๆ เลยทีเดียว ยิ่งในปัจจุบันนี้มีเทคโนโลยีการใช้งานแบบไม่ง้อสายเข้ามา ใครที่เคยดดหงุดหงิดเพราะสายพันกันนั้นก็เรียกได้ว่าหมดปัญหานี้ไปเลยทีเดียว และสำหรับเรื่องของเสียงนั้นก็ต้องบอกว่าตอบสนองการฟังได้อย่างเต็มที่ มอบความหูเคลือบทองได้เป็นอย่างดี ช่วยสร้างโลกส่วนตัวที่ไม่อาจมีใครลุกล้ำไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็ตาม ใครที่ยังไม่มีหรืออยากได้หูฟังไร้สายนั้นก็ลองมาดู 10 หูฟังบลูทูธ หูฟังไร้สาย ยี่ห้อไหนดี 2024 ไว้สำหรับเป็นตัวเลือกในการตัดสินใจ มาดูกันว่าจะมีแบรนด์อะไรบ้าง
ตารางเปรียบเทียบ 10 หูฟังบลูทูธ หูฟังไร้สาย ยี่ห้อไหนดี 2024
ขนาดไดรเวอร์ | เวอร์ชัน Bluetooth | ระยะเวลาการใช้งาน | ประเภทหูฟัง | แอปที่รองรับ | |
---|---|---|---|---|---|
Sony WH-1000XM5
|
30 มม. | 5.3 | 30 ชั่วโมง | Over-ear | Sony | Headphones Connect |
AirPods Max
|
40 มม. | 5.0 | 20 ชั่วโมง | Over-ear | |
Bose QuietComfort Ultra
|
40 มม. | 5.3 | 24 ชั่วโมง | Over-ear | Bose Music |
Beats Studio Pro
|
40 มม. | 5.3 | 40 ชั่วโมง | Over-ear | Beats |
Audio Technica ATH-M50XBT2
|
45 มม. | 5.0 | 50 ชั่วโมง | Over-ear | A-T Connect |
SoundPEATS Air3 Pro
|
12 มม. | 5.2 | 6 ชั่วโมง | In Ear | SoundPeats |
Marshall Motif II A.N.C.
|
6 มม. | 5.3 LE | 10 ชั่วโมง | In-Ear | Marshall Bluetooth |
Jabra Elite 7 Active
|
6 มม. | 5.2 | 8 ชั่วโมง | In-Ear | Jabra Sound+ |
Huawei FreeBuds 5
|
11 มม. | 5.2 | 5 ชั่วโมง | Earbud | HUAWEI AI Life |
Devialet Mania
|
18 x 11 มม. | 5.2 | 7 ชั่วโมง | Bone Conduction | Shokz |
หูฟังแบบครอบหู
Sony
ราคาเริ่มต้นที่ 14,990 บาท
ที่มา : sony.co.th
แน่นอนว่าหากจะมองหาหูฟังบลูทูธหรือหูฟังไร้สาย ยี่ห้อไหนดี นั้นก็ต้องมาเริ่มกันที่แบรนด์หูฟังชั้นนำระดับโลกอย่าง Sony ที่ไม่ว่าจะออกรุ่นไหนมาก็ได้รับความนิยมได้อย่างมากมาย ซึ่งสำหรับหูฟังครอบหูนั้นก็ต้องยกให้กับตัวเรือธงของแบรนด์อย่าง WH-1000XM5 ที่จะส่งต่อเสียงให้ออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ และยังมีการตัดเสียงรบกวนที่ทำให้เงียบสนิทไม่มีเสียงใดเข้ามารบกวนเพลงโปรดตลอดระยะเวลาที่ได้ฟัง
สเปก Sony WH-1000XM5
- ไดรเวอร์ยูนิตขนาด 30 มม.
- การตอบสนองความถี่ 4 Hz - 40,000 Hz
- ควบคุมด้วยระบบสัมผัส
- ตัวตัดเสียงรบกวนแบบ HD QN1, Integrated Processor V1
- รองรับ Bluetooth 5.2
- ใช้งานได้นาน 30 ชั่วโมง
- ไมโครโฟน Beamforming จำนวน 4 ตัว
- รองรับ Adaptive Sound Control
- Speak-to-Chat หยุดเพลงอัตโนมัติ
- เซนเซอร์คาปาซิทีฟสำหรับการหยุดเพลงเมื่อถอด
- รองรับแอป Sony | Headphones Connect
- เชื่อมต่อพร้อมกันได้ 2 เครื่อง
- เลือกใช้งานได้ 3 สี
- น้ำหนัก 250 กรัม
ข้อดี
- น้ำหนักเบาสวมใส่ได้สบายไม่หนักศีรษะตลอดทั้งวัน
ข้อควรรู้
- ไม่มีมาตรฐานการกันน้ำกันฝุ่น
AirPods Max
ราคาเริ่มต้นที่ 19,900 บาท
ที่มา : apple.com
แน่นอนว่าสำหรับหูฟังแบบครอบหูนั้นทางแบรนด์นระดับโลกอย่าง Apple มีหรือจะพลาด กับตัวหูฟังครอบหูครั้งแรกอย่าง AirPods Max ที่มาพร้อมกับรูปลักษณ์ที่มีลักษณะที่ดูเรียบ ๆ แต่ออร่าความพรีเมียมนั้นสะท้อนออกมาได้อย่างดี ด้วยตัวคาดศรีษะที่ทำมาจากตาข่ายถัก ระบายอากาศได้เป็นอย่างดี และด้วยความนุ่มที่ให้มานั้นทำให้สามารถสวมใส่ได้อย่างสบายตลอดทั้งวัน เรื่องเสียงเองก็เรียกว่าไม่น้อยหน้าใคร ให้ชัดในทุกย่านรวมไปถึงการตัดเสียงที่ทำได้อย่างหมดจด
สเปก
- รองรับ Bluetooth 5.0
- ใช้งานได้นาน 20 ชั่วโมง
- ไดรเวอร์ไดนามิคขนาด 40 มม.
- ชิปเสียง Apple H1 ทั้งสองข้าง
- สามารถควบคุมได้ด้วยเสียง
- ตัวคาดศรีษะที่ทำมาจากตาข่ายถัก
- ตัวโครงทำมาจากสแตนเลสสตีล
- ตัวคาดศรีษะที่ทำมาจากตาข่ายถัก
- ควบคุมด้วย Digital Crown
- โหมดฟังเสียงภายนอก EQ แบบปรับได้เอง
- เทคโนโลยีตัดเสียงรบกวนแบบแอ็คทีฟ
- เชื่อมต่อกับ iPhone หรือ iPad ได้ทันที
- มีไจโรสโคปอยู่ที่ครอบหูข้างซ้าย
- น้ำหนัก 384 กรัม
ข้อดี
- ประหยัดแบตเตอรี่ทันทีเมื่อเก็บใน Smart Case
ข้อควรรู้
- ใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ของ Apple ที่ใช้ระบบปฏิบัติการเวอร์ชันล่าสุดเท่านั้น
Bose
ราคาเริ่มต้นที่ 15,900 บาท
ที่มา : bose.com
สำหรับ Bose นั้นเป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่าตัวหูฟังของแบรนด์นั้นโดดเด่นในเรื่องของไมโครโฟนที่คมชัด สามารถสื่อสารได้ไม่ตกหล่น แม้ว่าในขณะนั้นจะออกกำลังกายอยู่ก็ตาม และเรื่องเสียงก็มอบความคมชัดในทุกย่านมาให้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเอาไปฟังเพลงแนวไหนก็เหมาะสม ส่วนรุ่นที่ขอแนะนำนั้นก็ได้แก่ Bose QuietComfort Ultra ที่่สามารถสวมใส่ได้ตลอดทั้งวัน การันตีความยอดเยี่ยมด้วยคะแนนที่สูงลิ่วในแต่ละเว็บไซต์ชื่อดังของวงการเสียง
สเปก Bose QuietComfort Ultra
- เทคโนโลยี Bose Immersive Audio เสียงสมจริง
- แบตเตอรี่ใช้งานได้นาน 24 ชั่วโมง
- รองรับ Bluetooth 5.3
- ใช้งานร่วมกับแอป Bose Music App
- ตัดเสียงรบกวนได้อย่างหมดจด
- ถอดหูฟังเพื่อหยุดเล่นเพลงได้
- ลองรับการทำงาน 3 โหมด
- เทคโนโลยี CustomTune
- น้ำหนัก 252 กรัม
- วัสดุหุ้มหูทำจากหนังสังเคราะห์ถ่ายเทอากาศได้ดี
ข้อดี
- เทคโนโลยีตัดเสียงที่ตัดได้อย่างหมดจด
ข้อควรรู้
- ไม่มีมาตรฐานกันฝุ่นและกันน้ำ
Beats
ราคาเริ่มต้นที่ 11,400 บาท
ที่มา : beatsbydre.com
อีกหนึ่งแบรนด์เสียงดีที่ยอดขายไม่แพ้ใครกับ Beats ที่เรียกได้ว่าใครหลายคนต่างก็ต้องอยากได้มาใช้กันสักตัว ด้วยโลโก้ที่มองดูเรียบแต่มีความหรูหราพรีเมียม มอบประสบการณ์ฟังเพลงได้อย่างเหนือชั้น ซึ่งตัวหูฟังครอบหูที่อยากแนะนำก็คือ Studio Pro ที่สามารถคว้ารางวัล BEST OF CNET 2023 มาครอบครัว เรียกได้ว่าเป็นการันตีคุณภาพได้อย่างชัดเจน มั่นใจถึงความดื่มด่ำของเสียงซึ่งใครที่กำลังคิดอยากหาหูฟังบลูทูธ ยี่ห้อไหนดี แบรนด์นี้ก็เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่น่าสนใจไม่น้อยเลย
สเปก Beats Studio Pro
- ไดรเวอร์ขนาด 40 มม.
- ใช้งานได้นานสูงสุด 40 ชั่วโมง
- รองรับระบบเสียง 360 องศา
- ควบคุมได้ง่ายเพียงนิ้วเดียว
- รองรับการสั่งการด้วยเสียง
- รองรับ Bluetooth 5.3
- รองรับระบบเสียงตามตำแหน่ง
- ฟองน้ำนุ่มใส่สบายตลอดทั้งวัน
- ไมโครโฟนระบบกรองเสียงรบกวนรอบข้าง
- เลือกโปรไฟล์เสียงได้ 3 ประเภทเมื่อใช้งานแบบสาย USB-C
- โหมดการฟังแบบไดนามิกจำนวน 2 โหมด
- ใช้งานร่วมกับแอป Beats
- น้ำหนัก 260 กรัม
ข้อดี
- รองรับการชาร์จเร็วเพียงแค่ 10 นาทีใช้เพิ่มได้ 4 ชั่วโมง
ข้อควรรู้
- การใช้งานแอปค้นหาของหูฟังต้องใช้กับระบบ iOS 16.5 และ Android 8.0 หรือเวอร์ชันที่ใหม่กว่า
Audio Technica
ราคาเริ่มต้นที่ 7,690 บาท
ที่มา : audiotechnica.bentoweb.com
Audio Technica อีกหนึ่งแบรนด์หูฟังที่มักจะถูกเลือกใช้งานสำหรับการทำเพลงในสตูดิโอ ด้วยเทคโนโลยีสำหรับการฟังที่ให้เสียงเที่ยงตรงโดยเฉพาะ จึงมอบความคมชัดและเคลียร์ได้เป็นอย่างดี ซึ่งใครที่กำลังมองหารุ่นที่เหมาะกับการสร้างสรรค์ผลงานเพลงอยู่นั้น ATH-M50XBT2 ตัวนี้เรียกว่า ครบ จบและตอบโจทย์อย่างแน่นอน ตัวหูฟังพัฒนามาจาก M50X รุ่นก่อนหน้าอย่างเห็นได้ชัด ฟังเพลงก็เพลิน ทำงานก็สุดแสนจะโปร รู้แบบนี้จะพลาดได้ยังไง
สเปก Audio Technica ATH-M50XBT2
- ตอบสนองความถี่ 15 - 28,000 Hz
- รองรับ Bluetooth 5.0
- ไดรเวอร์ขนาด 45 มม.
- ใช้งานได้นาน 50 ชั่วโมง
- ปรับที่คาดศีรษะได้ถึง 10 ระดับ
- ฟองน้ำหนานุ่มใส่ได้ยาวนาน
- มอบเสียงในระดับ Studio
- สัญญาณไร้สายความหน่วงต่ำด้วย Low Latency
- เชื่อมต่อได้พร้อมกัน 2 อุปกรณ์
- รองรับ Codec ไร้สายคุณภาพสูง LDAC
- ไมโครโฟนแบบ Beam Forming
- ใช้งานร่วมกับแอป A-T Connect
ข้อดี
- การใช้งานคำสั่งเสียงสามารถรองรับผู้ช่วยเสียงครบทุกระบบ
ข้อควรรู้
- ไม่มีระบบกันฝุ่นกันน้ำ
หูฟัง True Wireless
SoundPEATS
ราคาเริ่มต้นที่ 1,990 บาท
ที่มา : soundpeats.com
สำหรับ หูฟังบลูทูธ ยี่ห้อไหนดี ในแบบ True Wireless ที่เรียกได้ว่าให้ทั้งเสียงที่ดี มีไมค์ที่คมชัดสื่อสารได้ชัดเจนไม่ว่าจะทำกิจกรรมอะไรอยู่นั้นก็ต้องยกให้กับแบรนด์ SoundPEATS รุ่น Air3 Pro ที่มาพร้อมกับราคาน่ารักแบบจับจิต พร้อมให้ประสิทธิภาพไม่แพ้แบรนด์ชั้นนำอื่น ๆ เลยแม้แต่น้อย เป็นหูฟังที่เรียกได้ว่าสื่อสารชัดมาก ๆ แม้ว่าจะอยู่ในพื้นที่ที่มีเสียงรบกวนมาก ก็ยังคงคุยกันได้อย่างรู้เรื่องจะคุยงานหรือเรื่องเกมก็เอาอยู่ อีกทั้งยังสามารถใส่ได้สบาย ไม่ต้องกลัวว่าจะปวดหูตลอดทั้งวัน
**สเปก SoundPEATS Air3 Pro **
- เป็น In Ear รุ่นแรกจาก SoundPEATS Air
- ชิป Qualcomm®️ QCC3046
- ไดรเวอร์ข้างละ 12 มม.
- รองรับ Bluetooth 5.2
- ตัดเสียงรบกวน (ANC) ได้เงียบกริบ
- มาตรฐานกันน้ำที่ IPX4
- ใช้งานได้ 6 ชั่วโมง
- สามารถชาร์จแบตเพิ่มจากเคสใช้งานได้ 24 ชั่วโมง
- รองรับ Game Mode
- ไมโครโฟนภายใน 4 ตัว
- รองรับ Codec เสียงคุณภาพสูง aptX HD และ aptX LL
- น้ำหนัก 41.30 กรัม
ข้อดี
- สามารถใช้งานแบบแยกข้างซ้ายและขวาได้ตามต้องการ
ข้อควรรู้
- ตัวหูฟังไม่สามารถกันฝุ่นได้
Marshall
ราคาเริ่มต้นที่ 7,490 บาท
ที่มา : marshall.com
แน่นอนว่าบทความของเรานั้นจะขาด Marshall ไปไม่ได้อย่างแน่นอน เพราะด้วยดีไซน์ที่ดูก็รู้แล้วว่าคือแบรนด์อะไร ประกอบกับการที่อยู่ในวงการเครื่องเสียงมานานกว่า 60 ปี ก็สามารถการันตีประสิทธิภาพของหูฟังจากแบรนด์นี้ได้อย่างยอดเยี่ยม และสำหรับ True Wireless ก็ขอแนะนำเป็นรุ่น Motif II A.N.C. โดดเด่นในเรื่องของการตัดเสียงให้สามารถรับฟังและสื่อสารได้อย่างราบรื่น พกพาติดตัวได้สะดวก ออกกำลังกายได้อย่างเต็มที่เพราะมากับระบบกันฝุ่นและน้ำได้อย่างยอดเยี่ยม
สเปก Marshall Motif II A.N.C.
- หูฟังไร้สายรูปแบบ In-Ear
- การตอบสนองความถี่ 20 - 20,000 Hz
- อิมพีแดนซ์ 16 Ohms
- ไดรเวอร์ขนาด 6 มม.
- ใช้งานได้นานถึง 10 ชั่วโมง
- ระบบตัดเสียงรบกวนภายนอก
- เล่นหรือหยุดเพลงทันทีเมื่อใส่หรือถอดหูฟัง
- รองรับ Bluetooth 5.3 LE
- ใช้งานร่วมกับแอป Marshall Bluetooth App
- น้ำหนัก 4.31 กรัม
- ใช้งานได้นาน 9 ชั่วโมง
- ระดับการกันน้ำ IPX5
ข้อดี
- สามารถฟังเพลงแบบปิด ANC ได้ยาวนานถึง 43 ชั่วโมง
ข้อควรรู้
- ไม่มีมาตรฐานสำหรับกันฝุ่น
Jabra
ราคาเริ่มต้นที่ 6,790 บาท
ที่มา : jabra.com
Jabra คืออีกแบรนด์หูฟังที่พร้อมจะทำให้การใช้งานได้รับประสบการณ์การฟังเสียงได้อย่างยอดเยี่ยมจากการตัดเสียงที่ยอดเยี่ยมเป็นอันดับต้น ๆ ของวงการหูฟัง พร้อมทั้งไมโครโฟนที่มีมาให้ในตัวก็มีความชัดเจน สื่อสารได้ชัดเจนไม่ว่าจะเป็นการพูดคุยทั่วไปหรือว่าภายในเกม และรุ่น Jabra Elite 7 Active นั้นก็มาพร้อมกับการสวมใส่ที่สบาย ขยับร่างกายในกิจกรรมออกกำลังกายได้อย่างคล่องแคล่วไม่ต้องกลัวว่าจะหยุด อีกทั้งเทคโนโลยีกันฝุ่นกันน้ำจึงทำให้ไม่ต้องกังวลว่าจะเสียหายได้ง่ายอีกด้วย
สเปก Jabra Elite 7 Active
- หูฟังไร้สายรูปแบบ In-Ear
- รองรับ Bluetooth 5.2
- ตัดเสียงรบกวนได้เงียบสนิท
- ใช้งานแยกซ้ายขวาได้อย่างอิสระ
- การตอบสนองความถี่ 20 - 20000 Hz
- ใช้งานได้นาน 8 ชั่วโมง
- ShakeGrip สำหรับยึดเกาะได้อย่างดี
- ไมโครโฟนจำนวน 4 ตัว
- ชาร์จแบตเพิ่มจากตัวเคสได้อีก 22 ชั่วโมง
- ระดับหันฝุ่นกันน้ำ IP57
- ใช้งานร่วมกับแอป Jabra Sound+
- น้ำหนัก 5.50 กรัม
ข้อดี
- ไมโครโฟนคลุมด้วยตาข่าย SAATI Acoustex® ชั้นดีเพื่อป้องกันลมในขณะพูด
ข้อควรรู้
- สามารถเปิดผู้ช่วยเสียงอัจฉริยะได้ที่แอป Jabra Sound+
Huawei
ราคาเริ่มต้นที่ 5,299 บาท
ที่มา : huawei.com
ใครที่กำลังตามหา หูฟังบลูทูธ หูฟังไร้สาย ยี่ห้อไหนดี ก็อย่าพึ่งมองข้ามแบรนด์ Huawei แบรนด์ดังจากจีนเจ้านี้เป็นอันขาด เพราะว่าตัวหูฟัง FreeBuds 5 นั้นมาพร้อมกับประสิทธิภาพอันยอดเยี่ยม สามารถเปิดประสบการณ์ฟังเสียงได้อย่างเหนือชั้น จะไว้ฟังเพลงในขณะเดินทาง ออกกำลังกาย หรือการเล่นเกมก็พร้อมใช้งานได้อย่างยอดเยี่ยม
สเปก Huawei FreeBuds 5
- หูฟัง True Wireless แบบ Earbud
- สามารถระบายอากาศได้เป็นอย่างดี
- ระดับการกันฝุ่นและน้ำ IP54
- รองรับเสียง Hi-Res
- ไมโครโฟนรับเสียงคมชัด
- เชื่อมต่อได้ 2 อุปกรณ์พร้อมกัน
- รองรับเทคโนโลยี Bass Turbo
- Dynamic EQ ปรับแนวเสียงโดยอัตโนมัติ
- รองรับ Codec LDAC และ HWA Audio Wireless
- ไดรเวอร์ขับแบบไดนามิกคู่ LCP 11 มม.
- ตอบสนองความถี่ 16 Hz ถึง 40 kHz
- รองรับ Bluetooth 5.2
- ใช้งานได้นาน 5 ชั่วโมง
- การชาร์จจากเคสสูงสุด 30 ชั่วโมง
- น้ำหนัก 5.4 กรัม
- ใช้งานร่วมกับแอป HUAWEI AI Life
ข้อดี
- ควบคุมได้ง่ายเพียงแค่ใช้นิ้วเลื่อนขึ้นลงที่ตัวหูฟัง
ข้อควรรู้
- หากอยากใช้งานนาน 30 ชั่วโมง ต้องปิดการใช้งาน ANC
Shokz
ราคาเริ่มต้นที่ 6,690 บาท
ที่มา : shokz.com
และสำหรับสายสปอตส์ที่ชื่นชอบการออกกำลังกายเป็นชีวิตจิตใจ Shokz คือแบรนด์หูฟังไร้สายที่ตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี โดยขอส่งรุ่น OpenFit มาแนะนำ ซึ่งเป็นหูฟังที่ใช้ลักษณะเกี่ยวใบหูแทนยัดเข้าไป จึงใช้ได้อย่างสบายตลอดทั้งวัน ไม่ต้องกลัวว่าจะเกิดการเมื่อยล้าของกล้ามเนื้อหู พร้อมด้วยความสามารถในการกันฝุ่นกันน้ำทำให้มั่นใจได้เลยว่าสภาพอากาศแบบไหนก็เอาอยู่ และไม่ใช้แค่สำหรับการออกกำลังกายเท่านั้น ยังนำไปใช้ฟังเพลงในการเดินทางหรือนั่งทำงานอยู่ในออฟฟิศได้อีกด้วย
สเปก Shokz OpenFit
- ดีไซน์ Dolphin ARC โค้งรับใบหู
- เทคโนโลยี Shokz Open Bass บูสเสียงเบสให้ดีขึ้น
- ไดรเวอร์ Dynamic ขนาด 18 x 11 มม.
- การตอบสนองความถี่ 50 - 16000Hz
- ควบคุมด้วยระบบสัมผัส
- เทคโนโลยี AI Call Noise Cancellation ตัดเสียงรบกวนขณะโทร
- รองรับ Bluetooth 5.2
- ใช่งานได้นาน 7 ชั่วโมง
- โหมดแสตนบายด์ใช้งานได้นาน 10 วัน
- ระดับกันฝุ่นกันน้ำ IP54
- น้ำหนัก 73.85 กรัม
- ใช้งานร่วมกับแอป Shokz
ข้อดี
- ใส่ได้สบายตลอดทั้งวันไม่เจ็บในหู
ข้อควรรู้
- การใส่แบบเกี่ยวใบหูต้องใช้เวลาสักหน่อยก่อนจะคุ้นชิน
และนี่ก็คือ 10 หูฟังบลูทูธ หูฟังไร้สาย ยี่ห้อไหนดี 2024 ที่อยากนำมาแนะนำให้กับทุกคนได้รู้จัก สามารถเลือกได้ทั้งแบบครอบหูหรือแบบ True Wireless เพื่อตอบสนองความต้องการในการใช้งานได้อย่างเต็มที่ อยากใช้แบบไหนก็จัดมาได้เลย รับรองว่าไม่มีผิดหวังอย่างแน่นอน
Hiring! บริษัทที่น่าสนใจ