ซาวด์บาร์ เป็นอีกหนึ่งเครื่องเสียงสำหรับการยกระดับของการรับชมให้มีอรรถรสมากยิ่งขึ้น สามารถเปลี่ยนห้องนั่งเล่นให้กลายเป็นโรงหนังได้เพียงแค่เปิดเครื่อง เพราะว่าการดูหนังให้ได้ความสุขมากที่สุดไม่เพียงแค่เรื่องของภาพที่จะต้องคมชัดเท่านั้น แต่เรื่องของเสียงจะต้องดีอีกด้วย นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ใครหลายคนต่างก็มีซาวด์บาร์เอาไว้ใช้ควบคู่กับโทรทัศน์ ซึ่งใครที่ยังเลือกไม่ถูกว่าจะต้องใช้รุ่นไหนดี ก็ลองมาดู 10 Soundbar ยี่ห้อไหนดี 2024 ที่จะเข้ามายกระดับให้ห้องนั่งเล่นของคุณนั้นกลายเป็นโรงหนังทันทีที่เปิด
ตารางเปรียบเทียบ Soundbar ยี่ห้อไหนดี 2024
ระบบเสียง | ตอบสนองความถี่ | กำลังขับ | จำนวนไดรเวอร์ | แอปที่รองรับ | |
---|---|---|---|---|---|
Samsung HW-Q800C
|
5.1.2 CH | 360W | 11 | SmartThings | |
Sony HT-A7000
|
7.1.2 CH | 500W | 11 | 360 Reality Audio Live | |
Klipsch CINEMA 800
|
3.1.2 CH | 28-20000 Hz | 800W | 8 | Klipsch Connect |
Bose Smart Ultra
|
5.1.2 CH | 2 | Bose Music | ||
LG S75Q.DTHALLK
|
3.1.2 CH | 24bit/96kHz | 380W | 8 | |
Creative Sound Blaster Katana SE
|
5.1 CH | 55–20,000 Hz | 180W | 4 | Creative app และ SXFI app |
JBL Bar 9.1
|
9.1 CH | 34 - 20,000 Hz | 820W | 12 | |
Philips TAB8947/67
|
3.1.2 CH | 150 - 20000 Hz | 660W | 4 | |
Sonos Arc
|
2.01 นิ้ว | 11 | Sonos app | ||
Devialet Dione
|
5.1.2 CH แท้ | 24 – 21,000Hz | 950W RMS | 17 | Devialet app |
Samsung HW-Q800C
ราคาเริ่มต้นที่ 20,990 บาท
ที่มา : samsung.com
เริ่มต้นบทความ ซาวด์บาร์ ยี่ห้อไหนดี ก็ต้องเปิดกันด้วยแบรนด์ Samsung ที่มีรางวัลการันตีติดต่อกันถึง 9 ปี บ่งบอกถึงความสำเร็จของสินค้าประเภทนี้ได้เป็นอย่างดี โดยรุ่น Premium Q-series Soundbar HW-Q800C นั้นก็มาพร้อมกับระบบเสียง 5.1.2 CH ให้กำลังเสียง 360W ที่ออกมาจากช่องข้างของตัวลำโพง กระจายออกไปได้ทั่วพื้นที่ของห้องก็จะสร้างเสียงที่มีความกระหึ่มสะใจคอหนังอย่างแน่นอน
สเปก
- ขนาด 1182 x 576 x 272 มม.
- น้ำหนัก 18 กิโลกรัม
- ระบบเสียง 5.1.2 CH
- มีรีโมทควบคุม
- สามารถสั่งการด้วยเสียง
- รองรับการเชื่อมต่อแบบไร้สาย
- Wireless Dolby Atmos เมื่อใช้งานร่วมกับทีวีของแบรนด์ Samsung
- Q-Symphony ผสานเสียงได้อย่างลงตัว
- SpaceFit Sound Pro ปรับระดับเสียงให้เข้ากับสถานที่
- Sound Modes ใช้งานได้ถึง 4 โหมด
- รองรับ Active Voice Amplifier
- รองรับเสียง Hi-Res
- Subwoofer Type Wireless
- ลำโพงรอบด้าน
ข้อดี
- คุณภาพเสียงระดับที่กระจายไปทั่วทุกมุมได้ยินชัดไม่ว่าจะอยู่ตรงไหนของห้องก็ตาม
ข้อควรรู้
- ระบบ Wireless Dolby Atmos Wi-Fi ใช้ได้กับทีวี Samsung ปี 2022 ขึ้นไป
Sony HT-A7000
ราคาเริ่มต้นที่ 49,990 บาท
ที่มา : sony.co.th
มาต่อกันที่แบรนด์เครื่องเสียงระดับโลกอย่าง Sony กับซาวด์บาร์รุ่น HT-A7000 ที่พร้อมจะมอบความกระหึ่มสะใจให้แก่การดูหนัง ฟังเพลง รวมไปถึงเล่นเกม โดยเสียงเซอร์ราวด์ของรุ่นนี้ก็เป็นแบบรอบทิศทาง 7.1.2 แชนเนลที่แท้จริงที่จะสะท้อนให้ทั่วทั้งห้องนั้นได้ยินและดื่มด่ำ ทำให้ความกระหึ่มนั้นสร้างอรรถรสในการรับชมได้อย่างเต็มที่ และด้วยการดีไซน์ที่ทำให้มีขอบโค้งมน การจัดวางจึงทำได้ง่ายไม่ว่าจะมุมไหนก็เข้ากันเป็นอย่างดี
สเปก
- ขนาด 1300 x 80 x 142 มม.
- น้ำหนัก 8.7 กิโลกรัม
- ซับวูฟเฟอร์ภายในตัว
- ระบบเสียง 7.1.2 CH
- แอมพลิฟายเออร์ดิจิตอล, S-Master HX
- แชนแนลแอมพลิฟายเออร์ 11ch
- เอาต์พุตกำลังรวม 500W
- รองรับ Bluetooth 5.0
- เทคโนโลยีเซอร์ราวด์รอบทิศทางเสมือน
- SOUND MODE เลือกได้ 4 โหมด
- มีซาวด์เอฟเฟกต์
- รองรับการสั่งการด้วยเสียง
- ลำโพง Up-Firing 2 ตัว
- ลำโพงทวีตเตอร์ Beam 2 ตัว
- ลำโพงด้านหน้า 5 ตัว
- รองรับ 360 Reality Audio
- รองรับการเล่นเสียงแบบ Hi-Res
- รองรับการสั่งงานด้วยเสียง
ข้อดี
- มีอัตราการรีเฟรชผันแปร (VRR) และโหมดความหน่วงต่ำอัตโนมัติ (ALLM) ผ่าน HDMI 2.1 เพื่อเสียงกระหึ่มสะใจ
ข้อควรรู้
- สามารถใช้ Acoustic Center Sync เมื่อเชื่อมต่อทีวี BRAVIA ของ Sony เพื่อยกระดับเสียงให้ดียิ่งขึ้น
Klipsch CINEMA 800
ราคาเริ่มต้นที่ 36,900 บาท
ที่มา : klipsch.com
อีกหนึ่งแบรนด์ที่เรียกได้ว่าโดดเด่นในเรื่องของเสียงจนใคร ๆ ต่างก็ยกนิ้วให้อย่าง Klipsch นั้นก็มีเครื่องเสียงซาวด์บาร์และอุปกรณ์เสริมอีกมากมาย ที่จะเปลี่ยนห้องนั่งเล่นให้กลายเป็นโรงหนังได้อย่างสมบูรณ์แบบกับ CINEMA 800 จัดเต็มด้วยระบบเสียง 3.1.2 CH ที่มาพร้อมกับการสาดเสียงออกไปตามห้องได้อย่างทั่วถึง ไม่ว่าจะเป็นเสียงหนังหรือเสียงเพลงก็ทำให้ดื่มด่ำได้อย่างมีความสุขทุกครั้งที่ได้เปิด
สเปก
- Sound Bar ขนาด 48 นิ้ว
- ระบบเสียง 3.1.2 CH
- การตอบสนองความถี่ 28-20000 Hz
- กำลังขับเฉลี่ย 800W
- น้ำหนัก 9.98 กิโลกรัม
- ขนาด Soundbar 121.9 x 7.3 x 8.6 ซม.
- ขนาด Subwoofer 36.8 x 47.1 x 36.8 ซม.
- มีรีโมทควบคุม
- รองรับ Bluetooth 5.0
- รองรับ 8K HDR Passthrough
- ไดรเวอร์ Tractrix® horns เอกลักษณ์ของแบรนด์
- ไดรเวอร์เสียงสูง Tweeters แบบ Soft Dome 1 นิ้ว 3 ตัว
- ไดรเวอร์เสียงกลาง Oval Fiber Composite Cone Woofers 3 นิ้ว 4 ตัว
- ไดรเวอร์ Woofer ขนาด 10 นิ้ว
- ใช้งานร่วมกับแอป Klipsch Connect
ข้อดี
- ระบบเสียงแบบ Dolby Atmos 3.1 ยิงเสียงออกซ้ายขวาและด้านบน
ข้อควรรู้
- เหมาะสำหรับนำไปใช้งานกับห้องขนาด 5 - 6 ตารางเมตรขึ้นไป
Bose Smart Ultra Soundbar
ราคาเริ่มต้นที่ 37,900 บาท
ที่มา : bose.com
สำหรับ Bose นั้นเป็นแบรนด์เครื่องเสียงที่เรียกว่าพร้อมจัดชุดใหญ่ในการรับฟังให้กับผู้ใช้งาน เพียงแค่นำ Bose Smart Ultra Soundbar ไปติดตั้งใช้งานเพียงเท่านี้ไม่ว่าจะเป็นการดูหนัง ฟังเพลง หรือเล่นเกมก็จะได้รับเสียงที่กระหึ่มสะใจ ยิ่งใช้งานควบคู่กับอุปกรณ์ต่าง ๆ ของแบรนด์แล้วยิ่งเข้ากันได้เป็นอย่างดี มาพร้อมกับเทคโนโลยีอย่าง A.I. Dialogue และแนวเสียงรอบทิศทางที่จะปรับให้ความดังนั้นเหมาะสมกับขนาดของห้องเพื่ออรรถรสที่ดื่มด่ำ เปิดประสบการณ์ใหม่ในเรื่องของเสียงได้เป็นอย่างดี
สเปก
- ขนาด 104.5 x 10.7 x 5.8 ซม.
- น้ำหนัก 5.75 กิโลกรัม
- ระบบเสียง 5.1.2 CH
- ไดรเวอร์ที่หันขึ้นด้านบน 2 ตัว
- รองรับ Bluetooth 5.0
- รองรับคำสั่งเสียง
- รองรับเสียง Dolby Atmos
- AI Dialogue Mode ปรับปรุงเสียงสนทนา
- มีไมโครโฟนภายในตัว
- Bose SimpleSync เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ Bose ตัวอื่น ๆ
- รองรับ PhaseGuide
- รองรับ TrueSpace
- เทคโนโลยี ADAPTiQ ปรับเสียงให้เหมาะกับห้อง
- ใช้งานร่วมกับแอป Bose Music
ข้อดี
- A.I. Dialogue และแนวเสียงรอบทิศทางจะดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกมก็สมจริงสะใจ
ข้อควรรู้
- การใช้งาน Bose SimpleSync นั้นไม่สามารถเชื่อมอุปกรณ์ Bose ได้ทุกตัว
LG S75Q.DTHALLK
ราคาเริ่มต้นที่ 11,990 บาท
ที่มา : lg.com
LG ก็ยังคงเป็นแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ยังได้รับความไว้วางในการเลือกใช้งานอยู่เสมอ เพราะฉะนั้นบ้านใครที่ใช้โทรทัศน์ของ LG ก็ต้องจัดซาวด์บาร์ของแบรนด์นี้อย่างรุ่น S75Q.DTHALLK มาใช้งาน เพื่อรับฟังเสียงที่สมบูรณ์แบบในทุกด้าน โดดเด่นด้วยระบบเสียง 3.1.2 ที่รองรับ รองรับคอนเทนต์ 4K รวมถึง HDR และ Dolby Vision เพื่อความสมจริงในทุกมิติ
สเปก
- ระบบเสียง 3.1.2 CH
- กำลังขับ 380W
- ขนาดซาวด์บาร์ 890 x 65 x 119 มม.
- ขนาดซับวูฟเฟอร์ 180 x 394 x 290 มม.
- น้ำหนัก 13.7 กิโลกรัม
- การตอบสนองความถี่ 24bit/96kHz
- รองรับ Dolby Atmos
- รองรับ DTS Digital Surround
- SOUND EFFECT เลือกได้ 8 โหมด
- ลำโพง 8 ตัว
- มีรีโมทควบคุม
- เทคโนโลยี WOW Orchestra
- หน่วยประมวลผล AI Processor
- เทคโนโลยี Triple Level Spatial Sound
- เทคโนโลยี Meridian Audio
- รองรับ 4K Passthrough
ข้อดี
- สามารถสร้างโดมเสียงที่จะทำให้การได้ยินนั้นมีความสมจริงมากที่สุด
ข้อควรรู้
- ต้องใช้งานกับโทรทัศน์ของแบรนด์ LG จึงจะดึงประสิทธิภาพออกมาได้เต็มที่
Creative Sound Blaster Katana SE
ราคาเริ่มต้นที่ 11,065 บาท
ที่มา : creative.com
Sound Blaster Katana SE จากแบรนด์ Creative ที่ต้องเข้ามาติดซาวด์บาร์ ยี่ห้อไหนดี นี้ก็เพราะว่านอกจากจะเอาไว้สำหรับเพิ่มเสียงในเวลาดูหนังแล้ว ยังเป็นซาวด์บาร์สำหรับการเล่นเกมที่จะทำให้เหล่าเกมเมอร์ได้รับเสียงที่สะใจ ใช้งานร่วมได้ทั้งโทรทัศน์และคอมพิวเตอร์ ยกระดับเสียงเกมด้วยไดรเวอร์ 4 ตัวที่กำลังขับสูงสุด 180W อีกทั้งยังมีขนาดกะทัดรัด เคลื่อยย้ายสะดวก มาพร้อมกับไฟ RGB ที่ตกแต่งได้เพื่อโชว์ความเป็นเกมเมอร์ออกมาได้อย่างเต็มที่
สเปก
- ขนาด 650 x 109 x 78 มม.
- กำลังขับสูงสุด 180W
- ระบบเสียง 5.1 CH
- หน้าจอ LED บอกสถานะการเชื่อมต่อ
- มีไฟ RGB ตกแต่งได้
- การตอบสนองความถี่ 55–20,000 Hz
- รองรับ Bluetooth 5.0
- ไดรเวอร์ mid-range 4.3 นิ้ว จำนวน 2 ตัว
- ไดรเวอร์ tweeters 2.1 นิ้ว จำนวน 2 ตัว
- ใช้งานร่วมกับแอป Creative app และ SXFI app
- ตัวลำโพงมีไมโครโฟน
- ควบคุมด้วยรีโมทได้
- รองรับ SXFI BATTLE Mode
- รองรับ Super X-Fi
ข้อดี
- ขนาดกะทัดรัดเคลื่อนย้ายไปใช้งานที่อื่นได้ตามต้องการ
ข้อควรรู้
- รองรับการใช้งาน 2 แอป จากทั้งคอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟน
JBL Bar 9.1
ราคาเริ่มต้นที่ 51,000 บาท
ที่มา : jbl.com
สำหรับแฟน ๆ ของแบรนด์ JBL นั้นต้องไม่พลาดกับ JBL Bar 9.1 ที่มาพร้อมกับระบบเสียง 9.1 ที่จะสร้างประสบการณ์ในการฟังให้ได้ยินได้อย่างรอบห้อง และไม่ว่าจะอยู่มุมไหนก็ไม่ต้องห่วง ตัวซาวด์บาร์นี้สามารถถอดชิ้นส่วนลำโพงทั้งสองด้านออกไปวางตามมุมต่าง ๆ ได้อย่างอิสระเป็นการรองรับ 3D Dolby Atmos®, DTS:X เพื่อความคมชัดในทุกมิติของงานเสียง
สเปก
- การตอบสนองความถี่ 34 - 20,000 Hz
- ระบบเสียง 9.1 CH
- กำลังขับเฉลี่ย 820W
- ขนาด Soundbar 88.4 x 6.2 x 12 ซม.
- ขนาด Surround : 17.3 x 6 x 12 ซม.
- ขนาด Subwoofer : 30.5 x 44 x 30.5 ซม.
- ระบบ Surround แบบ True Surround
- ไดรเวอร์ Racetrack Drivers 4 ตัว
- ไดรเวอร์ Tweeter ขนาด 0.75 นิ้ว 3 ตัว
- ไดรเวอร์ Up-Firing Full-Range 2 ตัว
- ไดรเวอร์ Tweeter ขนาด 0.75 นิ้ว และ Up-Firing Full-Range ข้างละ 1 ตัว
- ไดรเวอร์ Woofer ขนาด 10 นิ้ว
- มีรีโมทควบคุมจากระยะไกล
- รองรับ Bluetooth 4.2
- น้ำหนัก 15.46 กิโลกรัม
ข้อดี
- สามารถถอดลำโพงด้านข้างทั้ง 2 ตัวออกไปวางที่มุมอื่น เพื่มความชัดของเสียงได้ดี
ข้อควรรู้
- ลำโพงที่ถูกถอดออกทั้ง 2 ข้างสามารถใช้งานได้ 10 ชั่วโมง
Philips TAB8947/67
ราคาเริ่มต้นที่ 17,990 บาท
ที่มา : philips.co.th
สำหรับใครที่คุ้นเคยกับการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าจาก Philips แล้วละก็ ต้องลองใช้งาน TAB8947/67 ซาวด์บาร์ที่มาพร้อมกับระบบเสียง 3.1.2 มอบความมีชีวิตชีวาให้กับการดูหนัง ฟังเพลง รวมไปถึงเล่นเกมได้อย่างเต็มที่ เพิ่มความสมจริงด้วยซับวูฟเฟอร์อันทรงพลังที่จะมอบประสบการณ์เสียงที่ดีเกินต้านไม่แพ้แบรนด์อื่น ๆ เลยทีเดียว มาพร้อมกับการรองรับคำสั่งเสียง เพิ่มความสะดวกในการใช้งานให้ใช้เวลาในการดูหนังได้อย่างเต็มที่อีกด้วย
สเปก
- กำลังขับสูงสุด 660W
- ระบบเสียง 3.1.2 CH
- การตอบสนองความถี่ 150 - 20000 Hz
- ตั้งค่าอีควอไลเซอร์ได้ 5 โหมด
- ขนาดซาวด์บาร์ 1120 x 64 x 113 มม.
- ขนาดซับวูฟเฟอร์ 230 x 407 x 400 มม.
- น้ำหนักรวมซาวด์บาร์และซับวูฟเฟอร์ 12.26 กิโลกรัม
- ไดรเวอร์ลำโพงกลาง-ต่ำ 2 ตัว
- ไดรเวอร์ทวีตเตอร์ 2 ตัวตำแหน่งซ้ายและขวา
- รองรับ 4K Pass-through
- รองรับ Bluetooth 5.1
- รองรับ Dolby Atmos
- สามารถสั่งการด้วยเสียงได้
- ควบคุมผ่านรีโมทได้
- สามารถติดตั้งกับผนังได้
ข้อดี
- ระบบเสียง 3.1.2 CH ส่งตรงเสียงที่สมจริง ฟังได้อย่างกระหึ่มแน่นอน
ข้อควรรู้
- ซับวูฟเฟอร์มีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่อยู่พอสมควร
Sonos Arc
ราคาเริ่มต้นที่ 43,900 บาท
ที่มา : sonosthailand.com
สำหรับใครที่มองหา Soundbar ยี่ห้อไหนดี ที่จัดเต็มในเรื่องของเสียงแบบสุด ๆ ก็ต้องมองมาที่ Sonos Arc ที่จะมอบเสียงดีแบบเต็มขั้น ไม่ต้องออกไปโรงหนังให้เสียเวลา เพียงแค่เปิดซาวด์บาร์เครื่องนี้ทุกอย่างคือครบ จบในตัวเดียว อัดแน่นมาด้วยฟังก์ชันสำหรับเสียงที่ครบครันที่ได้รับการปรับแต่งโดยวิศวกรเสียงรางวัลออสการ์ ดีไซน์ที่เรียบแต่หรูหรายิ่งเติมฟิวในการใช้งานได้เป็นอย่างดี ตัวเสียงมีความสมจริง กลมกล่อม ราวกับว่าคุณกำลังเข้าไปอยู่ในหนังนั้นเลยจริง ๆ
สเปก
- ขนาด 114.2 x 8.7 x 11.6 ซม.
- น้ำหนัก 6.25 กิโลกรัม
- Amplifers Class-D จำนวน 11 ตัว
- Tweeters จำนวน 3 ตัว
- Midwoofers ทรงรีจำนวน 8 ตัว
- ไมโครโฟนภายในตัว
- ปรับเสียงตามสภาพห้อง
- ไฟแสดงผล LED
- ควบคุมด้วยระบบสัมผัส
- รองรับระบบเสียง Dolby Atmos
- รองรับ Streaming ทุกรูปแบบ
- ควบคุมด้วยเสียงได้
- ใช้งานร่วมกับแอป Sonos app
ข้อดี
- ได้รับการปรับแต่งโดยวิศวกรเสียงรางวัลออสการ์เพื่อเสียงที่คมชัดที่สุด
ข้อควรรู้
- เหมาะสำหรับการใช้งานร่วมกับโทรทัศน์ขนาด 50 นิ้วขึ้นไป
Devialet Dione
ราคาเริ่มต้นที่ 83,990 บาท
ที่มา : devialet.com
ขอปิดบทความ Soundbar ยี่ห้อไหนดี 2024 นี้ด้วยซาวด์บาร์ระดับ Hi-End ที่มากับดีไซน์สุดล้ำนำหน้าไม่ตามใคร เรียกได้ว่าหรูหราจนทำให้บ้านกลายเป็นโรงหนังระดับหรูแบบขั้นสุดกับ Devialet Dione ที่มอบระบบเสียง 5.1.2 CH แบบแท้จริง ควบคู่มากับกำลังขับสูงถึง 950W RMS ที่เรียกว่าสูงมาก ๆ รองรับ Dolby Atmos เพื่อความสมจริงจนคุณถูกหนังดึงดูดอย่างสมบูรณ์ ทำให้การดูหนังในบ้านทุกครั้ง เป็นการเปิดประสบการณ์ที่จะไม่รู้ลืมตลอดไป
สเปก
- ระบบเสียง 5.1.2 CH แท้
- ขนาด 120 x 16.5 x 8.8 ซม.
- น้ำหนัก 12 กิโลกรัม
- กำลังขับ 950W RMS
- ตอบสนองความถี่กว้าง 24 – 21,000Hz
- ไดรเวอร์ขับเสียงมากถึง 17 ตัว
- Aluminium long-throw subwoofer 8 ตัว
- Full-range aluminium driver 9 ตัว
- ORB ตรงกลางซาวด์บาร์ที่โดดเด่น
- รองรับ Bluetooth 5.0
- ใช้งานร่วมกับแอป Devialet app
- ไมโครโฟน 4 ตัว
- Processor DOS 2
- เทคโนโลยี SPACE ขยายสัญญาณ
- โหมดเสียงมีทั้งหมด 4 รูปแบบ
ข้อดี
- ให้เสียงที่ชัดเจน กระหึ่มสะใจจนไม่ต้องง้อการเสริมของ Subwoofer
ข้อควรรู้
- เป็นซาวด์บาร์ระดับ Hi-End ที่ไม่สามารถสั่งการด้วยเสียงได้
และนี่ก็คือ 10 Soundbar ยี่ห้อไหนดี 2024 ที่จะทำให้การนั่งดูหนังอยู่ที่บ้านของคุณนั้นสามารถทำได้อย่างเต็มที่ เข้าถึงอรรถรสในการรับชมได้อย่างถึงที่สุด ดึงดูดให้คุณเข้าไปอยู่ในโลกแห่งความบันเทิงได้อย่างไม่รู้จบ ตอบโจทย์คนที่ไม่อยากออกไปข้างนอกในช่วงเวลาที่อุณหภูมิร้อนจนเดือดขนาดนี้กันเลยทีเดียว
Hiring! บริษัทที่น่าสนใจ