อัยการสูงสุดรัฐเทนเนสซี สหรัฐอเมริกา ได้ฟ้องร้องและดำเนินคดีเรียกร้องค่าเสียหายกับบริษัทส่งออกยางรถยนต์ของไทยรายหนึ่งซึ่งไม่ได้เปิดเผยชื่อ ฐานใช้ซอฟท์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์ในกระบวนการผลิตยางรถยนต์ก่อนส่งไปขายที่รัฐเทนเนสซี
ซอฟท์แวร์ที่ละเมิดลิขสิทธิ์จะเป็นของบริษัทใหญ่ๆ ระดับโลกอย่าง Microsoft และ Autodesk ส่วนบริษัทในไทยเองก็โดนด้วยคือ Thaisoftware Enterprises ซึ่งเจ้านี้ผลิตโปรแกรมพจนานุกรม, โปรแกรมบัญชีเงินเดือน เป็นต้น โดยล่าสุดได้มีการตกลงไกล่เกลี่ยเรื่องคดีกับบริษัทส่งออกยางรถยนต์ในไทยแล้ว
สถิติปีล่าสุดยังพบว่าประเทศที่เป็นฐานการผลิตอุตสาหกรรมในภูมิภาคเอเชียมีการละเมิดลิขสิทธิ์เป็นจำนวนมากอาทิ จีน 77%, ไทย 72%, อินโดนีเซีย 86% และเวียดนาม 81%
ที่มา - ไทยรัฐออนไลน์
Comments
Audodesk--►Autodesk
โอเค ไกล่เกลี่ยกันเรียบร้อยแล้ว ดีมาก win-win
ไม่วินนะครับ ค่าปรับ 10-20 เท่าของราคาซอฟท์แวร์ มีเครื่องเท่าไรก็คูณเข้าไป และต้องซื้อซอฟท์แวร์ที่ละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย เฉพาะ Autodesk ตัวเดียวหลักแสนเลยครับ ถ้าไม่ซื้อจะต้องเสียค่าปรับสูงสุด ถ้าซื้อลดหย่อนค่าปรับลงได้
บริษัทนอกฟ้องบริษัทไทยได้..แต่บริษัทไทยจะฟ้องบริษัทนอก DSI แวะมาบอกว่าทำไม่ได้นะจ๊ะ แหม่
แหม่ (มันเป็นมาตรการกีดกันทางการค้ารึปล่าว)
ในบางกรณี บริษัทนอกที่สามารถฟ้องเราได้ นั้นมีสาเหตุมาจากการที่เรายอมเขาเองเพื่อแลกเปลี่ยนกับความร่วมมือบางอย่าง ยกตัวอย่างสมมุติเช่น ขอโควต้าส่งออกไปยังประเทศนั้นๆ แล้วแลกกับการไล่จับลิขสิทธิอย่างหนัก อะไรประมาณนี้ ผมมั่วเอา
ขอแบ่งปันนิดหนึ่งนะครับ
Autodesk มีบริษัทมีเป็นตัวแทนลิขสิทธิ์ จัดจำหน่าย และบริการในประเทศไทยอย่างเป็นทางการครับ จึงสามารถฟ้องได้โดยให้บริษัทที่เป็นตัวแทนในไทยเป็นคนฟ้องครับ (ไม่อยากจะบอกว่าบริษัทผมก็เคยโดน ผู้ฟ้องเป็นบริษัทตัวแทนลิขสิทธิ์ จัดจำหน่าย และบริการในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ รู้สึกว่าเป็นบริษัทลูกของ Autodesk สิงคโปร์มั่งถ้าจำไม่ผิดโดยผ่านสำนักงานตัวแทนด้านกฏหมายเอกชนในไทย ไม่ได้เป็น Autodesk ใน USA.) แต่คิดว่าเขาคงประสานงานมากับบริษัทตัวแทนประเทศไทย เมื่อตรวจเจอ
อีกตัวคือ NX Siemens ใช้สำนักงานตัวแทนด้านกฏหมายเอกชนในไทยฟ้องแทนเลย เพราะเท่าที่ทราบเขาไม่มีตัวแทนลิขสิทธิ์ จัดจำหน่าย และบริการในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ มีแต่ตัวแทนจัดจำหน่าย และบริการในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ
เพิ่มเติมนิดนะครับคือ มีข่าวลือว่าไฟล์พวก CAD และ flash อาจจะมีการใส่ serial product ของ software ลงในไฟล์ด้วยครับ มันจะมีตัวโปรแกรมที่จะดึงเอา serial product ออกมาเพื่อดูว่าบริษัทที่สร้างไฟล์นี้คือบริษัทอะไร และตรงกันหรือไม่ (ที่เป็นข่าวลือเพราะผมมาไม่ทันตอนบริษัทตัวแทนมาจับแต่ได้ยินจากคนที่อยู่ในเหตุการณ์เล่าให้ฟังว่ามันมีโปรแกรมเช็คไฟล์ของเราว่าสร้างจาก serial product ตัวไหนด้วย)และรู้สึกว่าวิธีนี้เริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆสำหรับ Software ลิขสิทธิ์ต่างๆ และแถมเขาให้รางวัลผู้ที่แจ้งเบาะแสเมื่อคดีดำเนินสิ้นสุดแล้วด้วย
ถ้าผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยครับ
รู้ได้ไงเนี่ย
DSI บอก "ด้วยเหตุผลที่แอปเปิลเป็นบริษัทที่จดทะเบียนในต่างประเทศ" มาข่าวนี้ อยากรู้จริงๆ ว่า DSI จะว่าไง
ฟันธงเลยว่าข่าวนี้ "DSI จะไม่ออกความเห็น เงียบๆ ไว้ดีที่สุด"
D อาจจะมีการหลังไมค์ไปที่ C แล้วว่าอย่าแหย่ บ. ของพี่ใหญ่ เดี๋ยวจะได้ไม่คุ้มเสีย
ก็คงบอกว่า "ด้วยเหตุผลที่บริษัทนี้เป็นบริษัทที่จดทะเบียนในเมืองไทย...เชิญดำเนินคดีตามสะดวก...มีอะไรให้ช่วยบอกได้"
ดีครับ ฟ้องกันหนักๆ หน่อยจะได้เห็นความสำคัญกันบ้าง
+1
ที่เอาข่าวทำนองนี้มาลงให้อ่าน เพราะอยากให้ทุกคนตระหนักถึงเรื่องซอฟท์แวร์ลิขสิทธิ์ครับ
Writer no.59 เพื่อสังคมแห่งการแบ่งปันความรู้
น่าเสียดายครับ .... บริษัทได้กำไรดีแต่กลับใช้ Software ละเมิดลิขสิทธิ์ .... บริษัทผมเอาตัวแทบไม่รอด ทำงานหาเลี้ยงชีพวันต่อวัน แต่ก็ปรับบริษัทและค่านิยมพนักงานอย่างหนักจนในที่สุดก็ใช้ของถูกลิขสิทธิ์จนหมดแล้ว แถม Font ก็ถูกลิขสิทธิ์ ภาพที่ใช้ในงานทั้งหมดก็ถูกลิขสิทธิ์ มันอาจจะต้องใช้กำลังพอสมควรในการเปลี่ยนค่านิยมคน ... แต่สมัยนี้ Software ทางเลือกที่มีความสามารถเทียบเท่าและใช้งานได้ดี พวก Software ที่ไม่เฉพาะทางสำหรับคนทั่วไปก็มีเต็มตลาดแล้วก็ใช้งานง่าย ไม่ต้อง Support มาก (เช่นการใช้ Libre Office พิมพ์งานเอกสารง่ายๆ แทน MS Word หากบริษัทคุณไม่มีเงินพอ หรือใช้โปรแกรมอย่าง IrfanView ที่เป็น Freeware ย่อรูปแทนที่จะไปใช้ Photoshop CS6 ย่อรูปลง Facebook แทน) ของแบบนี้มันเริ่มได้ด้วยค่านิยมครับ ไม่ใช่ว่าปล่อยปะละเลย
แล้วผมก็เห็นด้วยที่ฝ่ายกฏหมายจะเริ่มจริงจังมากกว่านี้แล้วก็ไม่ประณีประนอมหลังจากการเตือนครั้งที่ 2 หรือ 3 ไปแล้ว ควรจะปรับแล้วก็ปรับแล้วก็ปรับให้บริษัทเหล่านั้นปิดตัวลง ไม่งั้นเมืองไทยก็จะไม่เป็นประเทศนวัตกรรมเสียที ถ้าเราละเมิดกันได้ง่ายๆ เราก็คงจะย่ำอยู่กับความคิดที่ว่า "ไม่ต้องคิด ไม่ต้องฉลาด ไม่ต้องเทรนคนเพราะเราโหลดมาใช้ได้ฟรีอยู่แล้ว" ซึ่งผิดมหันต์เลยทีเดียวครับ
ขอบคุณครับ สวัสดีครับ
เห็นด้วยคร้บ นี่ละคับ คือเหตุผลที่เขียนข่าวทำนองนี้ครับ
Writer no.59 เพื่อสังคมแห่งการแบ่งปันความรู้
+1 ถ้าของแท้ ราคาถูก ผมว่า คนไทยจะใช้ของแท้มากขึ้นครับเพราะไม่ต้องโดนคดีและไม่เสียเวลาครับ
บล็อก: wannaphong.com และ Python 3
ไม่ว่าถูกหรือแพง ถ้าใช้ก็ต้องซื้อแหละครับ
+1
บล็อก: wannaphong.com และ Python 3
ผมก็ว่านั้นล่ะครับ เพราะเคยโดน BSA ส่งจดหมายถึงบ้านมาก่อน (ผมเป็น User ธรรมดา(นักเรียน) ไม่ได้ทำบริษัท) เพราะตอนนั้นยังใช้ซอฟท์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์ แล้ว Crack มันหลุดเรื่องที่อยู่(จริง)และชื่อบริษัท(ที่ตั้งมั่วๆ) เลยเกือบโดนมาหนนึง ดีนะที่แค่แจ้งเตือนเฉยๆ แต่ตอนนั้นผมก็เริ่มปรับตัวโดยการไล่ซื้อโปรแกรมแท้ทีละตัวอย่าง Windows 8 Pro, Office 365[2013 น่ะครับแต่เป็นแบบรายเดือน], Norton 360, Kaspersky Mobile Security[บน Android] และกำลังมีแผนจะซื้อ Adobe Creative Cloud สำหรับนักศึกษา เดือนละ 600 บาท ใช้ได้ 1 ปี (เมื่อครบเวลาจะเด้งกลับไปที่ราคา 1,500 บาท) เพราะมันจำเป็นต้องใช้ในการทำงานส่งอาจารย์และทำงานหาเงิน(ในไทย)จริงๆครับ
ถึงหลายคนจะมองผมว่าโง่หรือเปล่าที่ซื้อมาใช้ โหลดฟรีก็มี แต่ผมอยากช่วยอุดหนุนนักพัฒนาอ่ะครับ
แค่มนุษย์คนนึงที่อยากรู้เกี่ยวกับวงการไอที
ในขณะที่ฝ่ายนึงฉลาดแกมโกง อีกฝ่ายนึงไม่จำเป็นต้องโง่ครับ
บางครั้งเราต้องยอมโง่บ้างจริงไหมครับ ชีวิตจะได้มีสีสัน (ประชด)
ผมก็พึ่งโง่ไปซื้อ Sublime Text มาใช้ครับ เป็นความโง่ที่รู้สึกดีจริงๆ :)
Irfanview เป็น Freeware เฉพาะ non-commercial use นะครับ
ขอโทษทีครับ ส่วนนั้นผมหมายถึงใช้งาน Personal น่ะครับ แบบว่าหลายๆคนใช้ Software เถื่อนเพื่ออัพรูปลง Facebook ครับ ....แต่ถ้าออฟฟิสก็มีแบบ Pixelmator บน Mac ที่ราคาถูกแล้วก็ใช้ได้ยอดเยี่ยม หรือ Darktable ที่เป็น Opensource เต็มตัวครับ ถ้าอยากลงรายละเอียดมากๆก็ Gimp ได้ครับ แต่ไม่ค่อยแนะนำเพราะใช้งานยากครับ ส่วนโปรแกรมย่อรูปมีมากมายในตลาด ถ้าเมืองไทยเรารู้วิธีเข้าดูเว็บพวก http://www.osalt.com/ จะเห็นว่ามีทางเลือกมากมายให้ลองเลือกใช้ตามปราถนาครับ หลายตัวสามารถทำงานได้เทียบเท่าหรือดีกว่าตัวที่เป็นมาตรฐานตลาดที่ต้องเสียเงินครับ
แต่ถ้าต้องการ Software ที่ต้องทำงานเฉพาะด้านจริงๆ ก็ต้องแนะนำให้จ่ายเงินเพื่อซื้อ Function ที่เราต้องการ ซึ่งราคาในปัจจุบันก็ลดลงไปมากครับ ในสมัยนึงผมต้องจ่ายให้ระบบตัดต่อหนัง 3-4 ล้านบาทเพื่อใช้งานในระยะ 3-5 ปี แต่ในปัจจุบันผมเสียแค่ 9000 บาทสำหรับระยะ 3 ปีซึ่งก็ถือว่าลดไปมากโขครับ หรืออย่าง Photoshop เองก็มีการลดราคาลงจนเอื้อมถึงได้มากขึ้นในปัจจุบัน Office Suit อย่าง MS Office เองก็ลดราคาลงอย่างมากเช่นกันครับ
ขอบคุณครับ สวัสดีครับ
มีอีกทางเลือกนึงครับ เขียนเองให้ตรงกับความต้องการ อย่างย่อรูปนี่ก็คงไม่เหลือบ่ากว่าแรงกันเท่าไหร่ (ถ้าบริษัทมีหน่วยงานตรงๆ อยู่แล้ว)
...คือไม่เข้าใจอย่างยิ่งเลยว่าทำไมไม่หัดใช้พวก blender ถ้ากลัวลิขสิทธิ์ เพราะซอฟแวร์อย่าง photoshop นี่ก็แพงมาก maya ก็แพง ถ้ามันจำเป็นต้องลงทุนซื้อไปเหอะ 8-9 หมื่นสำหรับสตูดิโอ คุ้มนะ
บางทีก็น่าเห็นใจนะ studio เล็กเป็นไปได้ยากที่จะใช้ของแท้อะ มันแพงมาก autodesk ก็น่าเลือดเกิน แถมยังออกใหม่ทุกปี
จริงๆ บ้านเราแข่งกันที่ราคาครับ ลดต้นทุนตรงไหนได้ลดหมด ละเมิดได้ก็ทำกันไป แต่ในต่างประเทศ Studio เล็ก-ใหญ่ถ้าต้องใช้เค้าก็บวกราคาลงไปในเนื้องานอยู่แล้วเป็นปรกติ เหมือนค่าอุปกรณ์สักนักงานชิ้นหนึ่งครับ
ต้องบอกว่าเจ้าเล็กๆ ในบ้านเรานี่ถ้าใช้ลิขสิทสิทธิ์แท้หมด กำไรแทบไม่เหลือครับ ผมฟังมาจากเพื่อนที่ทำ Production House นะครับ เค้าบอกต้องทยอยซื้อจนครบ
ที่กำไรแทบไม่เหลือเพราะไม่ได้บวกค่าซอฟท์แวร์เข้าไปในงานด้วยไงครับ แต่จะบวกก็ไม่ได้เพราะเจ้าอื่นไม่ได้บวก - -"
ครับ ผมเสริมให้เผื่อเป็นข้อมูลที่คนไม่ทราบ และนำไปใช้งานผิดวัตถุประสงค์น่ะครับ ;)
ถ้ากฏหมายเข้มแข็ง ใช้ก็อบกันไม่ได้ พวก studio จะมี supply น้อย และราคาจะขึ้นเองครับ ทำให้ผู้ผลิตอยู่ได้ แต่ที่อยู่ไม่ได้ทุกวันนี้เพราะ studio เล็กที่ใช้ก็อบ แล้วคิดราคาได้ถูกกว่า คนเจ๊งกลายเป็นคนที่ทำถูกต้อง ต้องแบกต้นทุนเยอะแต่รายได้น้อยกว่าที่ควรจะเป็น
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
Blender มีเป้าหมายที่จะมาช่วยใน Studio เล็กๆที่จะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมมาใช้ของฟรีที่ถูกลิขสิทธิ์และรวม Package ต่างๆมาไว้ด้วยกัน ทั้ง 3d NLE Composite ทั้ง Sculpting Tools ครับ ดังนั้นคนที่ไม่มีทางเลือกก็จะเห็นว่าแทนที่จะต้องลงทุนเงินซิ้อ Mudbox + Maya + Final Cut + Nuke + After Effect ก็ปรับมาเป็น Blender ตัวเดียวแทนเลย
เงินและกับ Learning Curve ใหม่ที่มหาลัยไม่ยอมสอนครับ คือถ้าอยากสบายไม่ต้องเรียนรู้ใหม่ก็จ่าย 2-3 แสนซื้อ Software ทั้งหมดเพื่อรับงาน แต่ถ้าไม่ไหวก็ต้องเปลี่ยนพฤติกรรมหรือไม่ก็ทำผิดกฏหมายซึ่งเสี่ยงต่อการถูกจับปรับเป็นจำนวนมากกว่านี้มากแล้วก็ไม่ได้รับการ Support จริงครับ
ก็ต้องเลือกเอาครับ แต่ถ้าบอกว่า Blender ไม่ดี หรือ Maya แพง หรือราคาค่าตัวเราต่ำ หรือเพราะขนาดสตูดิโอเล็ก มันไม่ใช่ข้อแก้ตัวสำหรับคนตัวเล็กครับ ... บริษัทผมมีแค่ 3 คนแต่ก็รับงานได้หลากหลายทุกสื่อทุกแบบทุกแขนงและในขณะเดียวกันก็ Keep Cost ที่ Minimum มากๆและใช้ของถูกลิขสิทธิเพราะยอมเลือกเรียนอะไรใหม่ๆเสมอเป็นทางเลือกครับ มันทำให้เราข้ามข้อจำกัดในการต้องลงทุนซื้อทุกอย่างได้มากเพราะเราออกแบบ Workflow ที่เข้ากับงานของเราเองแทนการทำตามขนบเดิมของตัวอย่างจากบริษัทขนาดใหญ่ที่มีเงินพอที่จะซื้อ Software ใหญ่ๆได้
ขนาด ILM ก็ใช้ Software ของตัวเองเพื่อลดการพึ่งพาและประหยัดค่าใช้จ่าย อยากได้อะไรเพิ่มก็ให้ทีม R&D เขียนเพิ่มเอา ...บริษัทที่ทำงาน 3d ขนาดใหญ่จำนวนมากในโลกก็ทำเช่นนี้ครับ Dreamwork, Pixar, ILM, Weta ล้วนมีขั้นตอนการลดต้นทุนและลดการพึ่งพาเกินไปเป็นส่วนหนึ่งของแผนงานและการออกแบบ Workflow ทั้งสิ้นครับ : )
ขอบคุณครับ สวัสดีครับ
อ่าว ว่าแต่ถ้า maya ออกใหม่นี่ต้องซื้อตัวอัพเกรดแพงขนาดไหนเนี้ย -*-
ยังต้องปรับมุมมองความคิดเรื่องลิขสิทธิ์กันอีกเยอะครับ
โดนปรับทียังไงก็ไม่คุ้ม
บริษัทที่ผมทำ ก่อนเข้าไปทำงาน(Support) แทบไม่ได้คุมอะไรเลย
ผ่านมา 2 ปี จัด policy ไปหนักๆ ก็สบายขึ้นเยอะครับ
อยากได้โปรแกรมถูกลิขสิทธิ์เหรอ?? ทำเรื่องสั่งซื้อมาสิจ๊ะ
หัวหน้าอนุมัติก็จบ
Adobe Acrobat กับตระกูล Adobe นี่แหละตัวดี ชอบแอบลงกัน ไม่ก็ขอลง อ้างว่าต้องใช้ มันจำเป็นน่ะ บลาๆๆ
พอบอกให้ทำเรื่องสั่งซื้อ license มาสิครับ กี่พัน กี่หมื่น แจงไป กลับหายต๋อยไปเลย (ไหนบอกว่าจำเป็น?)
lock user เอาเครื่องคืนมาล้างพวกไม่มี license ทิ้งให้หมด เอาสิทธิ์ admin ออก force policy หนักๆเข้าไป
แรกๆก็มีกระแสต่อต้านเยอะนะ ว่าทำไมถึงทำแบบนี้ ทำอะไรไม่ได้เลย บลาๆๆๆ พอผ่านไปสักพัก user ก็ชิน
บางคนแบบว่าได้ license แท้ (ยอมทำเรื่อง) นี่หน้าตาอย่างฟิน ภูมิใจมาก เป็น user ไม่กี่คนที่ลงโปรแกรมถูกต้อง
ก็ดีใจแทนนะ ส่วน user ที่อยากใช้ แต่ไม่อยากเสียเงิน (สร้างรายจ่ายให้กับแผนก) ก็ใช้เถื่อนกับ NB ตัวเองไปละกันนะ NB บริษัท ผมขอ :D
เสียดายช่วงนี้ opensource ในไทยเงียบเหงา ThaiOS ก็เงียบไปเลย ที่ได้ผลจริงๆ ก็คงมีแค่ "ฟอนต์ไทยแห่งชาติ" เท่านั้นที่บังคับใช้ได้
ThaiOS หยุดพัฒนาแล้วครับ
บล็อก: wannaphong.com และ Python 3
ปัญหาการเมืองในองค์กรสูงมากครับ ไปที่บอร์ด OpenTLE เขาบ่นในนั้นเพียบ
ในแง่หนึ่ง "โอเพนซอร์สไทย" หายๆ ไปเพราะมันเข้าไปรวมกับต้นน้ำได้เกือบหมดแล้วครับ เมื่อก่อนเบราว์เซอร์รุ่นใหม่ๆ แทบไม่ตัดคำก็ต้องทำกันเอง ลินุกซ์ไม่รับภาษาไทยก็ต้องทำกันเอง ออฟฟิศไม่รับภาษาไทยก็ต้องทำกันเองอีก
ช่วงหลังโครงการต้นน้ำไม่มีปัญหาใหญ่ๆ กับภาษาไทยมากนัก ก็ไม่มีความจำเป็นอะไรที่เราต้องมาพัฒนาโครงการแยกแล้ว
lewcpe.com , @wasonliw
อยากเห็น Scribus รวมกันต้นน้ำได้บ้างจังครับ ไม่ยอม Support Non- Latin Script เสียทีครับ ฮาๆ
ขอบคุณครับ สวัสดีครับ
บริษัททำธุรกิจมีรายได้ แถมส่งออก ควรจะใช้ของลิขสิทธิ์นานแล้ว ไม่น่ารอให้เค้าฟ้อง เสียชื่อหมด
ส่วนตัว เมื่อก่อน 100% pirate เดี๋ยวนี้ทยอยๆ ไปครับ ไล่จากเกมส์บนมือถือ เดี๋ยวนี้จ่าย steam, origin กับ Humble ไปเยอะเลย เหลืออยู่อย่างสองอย่างสำคัญด้วยคือ windows กับ office ยังไม่ได้ win ต้องอาศัยแบบมากับโน๊ตบุ๊คเอา :)
ตอนนี้ office ผมเริ่มใช้ Libre Office กันบ้างแล้ว
กำไรปีนึงเป้นร้อยล้านพันล้าน แแต่ไม่มีงบมาซื้อซอฟท์แวร์ลิขสิทธิ์
ใช้ของแท้ชีวิตคุณจะดีขึ้นเยอะจริงๆ ไม่ต้องลงวินโดว์บ่อยๆ โปรแกรมอัพเดตเองไม่ต้องกังวลอะไร
ทัศนคติกับจิตสำนึกล้วนๆเลยผมแท้ทุกโปรแกรม แต่ที่ซื้อก็แค่ windows กับ office ท่ะนะ นอกนั้นฟรีแวร์หมด ^^
..: เรื่อยไป
ผมก็พยายามหาของที่ไม่ละเมิดมาใช้กำลังพยายามเปลี่ยนทีละอย่างเหมือนกัน T-T ว่าแต่ไอ้ photoshop cs2 ที่ adobe ปล่อยทิ้งแล้วหนิสามารถเอามาใช้กับธรุกิจได้ไม๊ครับ (หาที่อ่านไม่เจอ และ แปลไม่ค่อยออก)
ข่าวเรื่องพวกละเมิดลิขสิทธิ์ในประเทศไทยเริ่มมาเรื่อยๆแล้วแหะ ^^ ถ้าจะให้บูมจริงๆต้องmicrosoft ต้องเข้าไปฟ้องในหน่วยงานราชการเรื่อยๆครับ อิอิ ยกตัวอย่าง font ที่บูมกันเพราะหน่วยงานรัฐโดนฟ้องครับเลยบังคับใช้ทั่วประเทศ และอีกอย่างที่น่าห่วง ผู้ประกอบการบางคนยังคิดว่าของใน internet ฟรีหนิ แต่ไม่รู้แน่ชัดว่าฟรีแบบไหน เพราะบางตัวมันฟรีไม่จริง และคำนิยามค่อนข้างจะหาอ่านยาก T-T คนไม่ค่อยรู้ภาษาอังกฤษหนิไม่ต้องพูดถึงเลย รู้ตัวอีกทีก็โดนฟ้องไปหละ และที่สำคัญผู้ประกอบการไทยทำราคาตลาดพังไปหมดแล้วมั๊ง เพราะไม่ค่อยคิดถึงต้นทุน software กันเท่าไหร่ แถมพวกนักศึกษาก็จบออกมาก็ติดพวก software ลิขสิทธิ์กันงอมแงมเพราะสะดวกและสบายตัวเองและเป็นที่ต้องการของตลาด มันเลยวกกลับมาว่าถ้าจะเปลี่ยนมุมมองคนในประเทศ
- บริษัทรับคนที่ทำพวก opensource หรือ ถูกลิขสิทธิ์ เป็นเท่านั้น
- มหาลัยผลิตนักศึกษาที่ใช่เป็น แต่ opensource หรือ ถูกลิขสิทธิ์
(เหมือนงมเข็มในมหาสมุทร)
ส่งผลให้ประเทศไทยคงต้องระเมิดกันต่อไปนะ ^^
ไม่ได้ครับ ที่ปล่อยคือให้ใช้โดยไม่ต้อง activate กับ server เท่านั้น แต่การจะนำไปใช้ยังคงต้องมีสิทธิ์ที่จะใช้เหมือนเดิม
โปรแกรมที่พอจะหาตัวทดแทนได้ คงต้องเริ่มใช้ open source กันแล้วจริงๆละ ส่วนที่จำเป็นต้องใช้ก็ซื้อของแท้เอา ส่วนตัวผมมองว่า ประเด็นหลักมันอยู่ที่นโยบายของผู้บริหารองกร ส่วนพนักงานพร้อม(จำใจ)ปฎิบัติตามอยู่แล้ว
อยากให้รัฐบาลสั่งให้หน่วยงานราชการใช่ Opensoure ให้หมด เมื่อรัฐบาล และราชการนำร่อง เดี๋ยวเอกชลก็ตามเอง
แต่นี้อะไรกัน เราเคยมีทั้ง ลีนุกซ์ทะเล ออฟฟิคปลาดาว บราวเซอร์ปลาวาฬ สุริยันโอเอส ชุดซอฟแวร์จันทรา แต่ไม่เคยมีหน่วยงานไหนไม่ว่าจะของรัฐ หรือเอกชลให้ความร่วมมือใช้ซอฟแวร์เหล่าเลย นึกแล้วก็เศร้าเครื่อง คอมพิวเตอร์ ict เค้าแถม linux ให้แต่ก็เอาไปลง windows กันหมด
สิ่งเหล่านี้เกิดจากเราไม่ให้ความสำคัญกับ Opensoure แต่เราดันให้ความสำคัญกับซอฟแวร์ละเมิดลิขสิทธิ์มากกว่า
เศร้าใจจริงๆครับ
ที่ทำงานผมแท้ทั้งบริษัทนะ ส่วนใหญ่เอกชนขนาดใหญ่งบประมาณเหลือเฟือครับ ซื้อ License ได้สบายผมเองว่าจะแหวกคอกลง Ubuntu ซะหน่อย ไม่รู้จะโดนฝ่าย IT เขม่นหรือเปล่า เพราะบังคับให้ใช้ Windows แล้ว AD
ส่วน OS Opensource บ้านเรา เห็นได้ยินว่าพัฒนาตามงบประมาณครับ พอรัฐไม่ให้งบแล้วก็ไม่พัฒนาต่อ
ถ้าคุณเป็น IT Support กับ Linux คงเดินว่อนเพราะ User ถามทั้งวันแหละครับ แล้วสักพักก็จะโดน Format ลง Windows เหมือนเดิม (อบรมแบบไทยๆ ไม่ช่วยอะไรนอกจากได้กินของฟรี)
อีกอย่างนึง ThaiOS Linux ก็ดันไปรอบนึงแล้วก็ดับ เจอคนด่าตรึมว่าเอา Ubuntu มาโมแต่บั๊กเพียบ ไปถามใน Community ก็โดนด่าอีก (โคตรถ่อยเลย) ใครอยากจะใช้ล่ะครับ?
ผมเคยใช้วิธีไม่สอนครับ ....แล้วก็ลงโปรแกรมที่ไว้ให้ ...ตอนหลังเลยใช้เป็นกันหมดเลยครับ ฮาๆ
ขอบคุณครับ สวัสดีครับ
สั่งอย่างนั้นไม่ได้หรอกครับ เพราะรัฐบาลเอง ไมโครซอฟท์สนับสนุนซอฟท์แวร์อยู่ อย่างน้อยก็กระทรวงศึกษาครับ
โดนบ้างก็ดีครับ เป็น case study
อายเค้ามั๊ยล่ะ แต่ดีละ ประเทศจะได้พัฒนาบ้างครับ
มีความเห็นยังไงกันบ้างระหว่าง
ผมว่าคนส่วนใหญ่คิดเข้าข้างตัวเองว่า ไม่มีทางทำได้ถูกทั้งหมดอยู่แล้ว เช่น ใช้โปรแกรมลิขสิทธิ์แต่ก็ยังโหลดบิตเอาหนังมาดูฟรี หรือจ่ายเงินค่าหนังแผ่น DVD แต่ก็ยังโหลด mp3 มาฟัง หรือซื้อแผ่นเพลงถูกต้อง แต่ก็ยัง นั่น โน่น นี่... ถ้าไหนๆ ก็ต้องมีจุดด่างอยู่แล้วก็ละเมิดมันซะให้หมดเลยเป็นไรไป ทั้งโปรแกรม ทั้งหนัง ทั้งเพลง โหลดบิตเอา ตังค์อยู่ครบ เพื่อนๆ ผมมีความคิดแบบนี้กันจริงๆ นะครับ
อยากรู้ว่ามีใครที่ชีวิตนี้ถูกต้องไปหมดทุกอย่างมั่ง เอาอย่างจริงๆ
เห็นว่าคุยแต่เรื่อง IT ขอเปลี่ยนบ้างครับ เลยขอเดาว่าบ.นั้นเป็นบริษัทผลิตยางรถยนต์ชื่อดัง ที่มีฐานผลิตที่ ESIE เป็นโรงงานของต่างชาติ ที่ไม่ใช่ฝรั่ง ญี่ปุ่น และ เกาหลี) แล้วกันครับ
ขออธิบาย ความเข้าใจผิดของบางคนว่าทำไมอัยการถึงฟ้องบริษัทไทยได้เพราะบริษัทในไทยส่งสินค้าไปขายในอเมริกาครับซึ่งมีกฎหมายป้องกันการเอาเปรียบทางการค้าโดยใช้ซอฟท์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์คือคุ้มครองบริษัทอื่นที่ใช้ซอฟท์แวร์แท้ มันเลยเป็นการกระทำผิดในอเมริกาฟ้องที่รัฐนั้นๆได้เลย ถ้าไม่อยากถูกฟ้องก็ห้ามเอาสินค้าเข้าไปขายแค่นั้นถ้าอยากขายก็ต้องใช้ของแท้เหมือนบริษัทอื่นๆครับ