แอปเปิลออกอัพเดต iOS 14.5 ตั้งแต่ปลายเดือนที่แล้ว ซึ่งคุณสมบัติใหม่ที่เป็นประเด็นคือ App Tracking Transparency ที่ผู้ใช้งานสามารถกำหนดให้แอปนั้น ๆ ไม่สามารถติดตามตัวผู้ใช้งานได้ ในช่วงแรก Facebook และ Instagram ก็ออกมาชี้แจงประโยชน์ที่ผู้ใช้งานควรเปิดให้แอปติดตาม แต่คำถามที่น่าสนใจคือ แล้วผู้ใช้งาน iOS 14.5 ขึ้นไป เปิดให้แอปติดตามตัวมากน้อยแค่ไหน
Flurry Analytics บริษัทวิจัยตลาดด้านซอฟต์แวร์อุปกรณ์มือถือ เปิดเผยข้อมูลยอดการเปิดใช้งานมือถือในวันคริสต์มาส เฉพาะในสหรัฐอเมริกา ซึ่งสะท้อนยอดขายมือถือในสหรัฐอเมริกาเช่นกัน และยอดเปิดใช้งานมือถือปีนี้โดยรวมลดลงจากปีก่อนถึง 23%
iPhone ครองอันดับ 1 ถึง 9 ของอุปกรณ์ที่มีการเปิดใช้งานมากที่สุด ส่วนอันดับ 10 เป็นของ LG K30 มือถือรุ่นกลางของ LG ราคาประมาณ 225 เหรียญสหรัฐ (ราว 6,800 บาท) หรืออาจถูกกว่านั้นในช่วงคริสต์มาส
ยาฮูเปิดตัว Yahoo Mobile Developer Suite รวมชุดเครื่องมือช่วยสนับสนุนคนทำแอพมือถือ โดยในชุดประกอบด้วยเครื่องมือ 5 ตัว
Flurry บริษัทวิจัยตลาดแอพที่ ถูกยาฮูเข้าซื้อไปในช่วงกลางปีนี้ ได้ออกมาเผยยอดการเปิดใช้งานของอุปกรณ์ในช่วงคริสต์มาส ซึ่งเป็นช่วงที่จะมีอุปกรณ์ใหม่ถูกเปิดใช้งานและติดตั้งแอพมากที่สุดในแต่ละปี
Flurry เป็นบริษัทช่วยวิเคราะห์สถิติการใช้งานแอพ โดยให้นักพัฒนาติดตั้งตัวเก็บสถิติของ Flurry ลงในแอพเพื่อวิเคราะห์ข้อมูลของผู้ใช้ และนำไปปรับปรุงแอพให้ดีขึ้น ซึ่ง Flurry เองก็นำข้อมูลภาพรวมอุตสาหกรรมมาเผยแพร่อยู่บ่อยๆ (Blognone ก็รายงานข่าวจาก Flurry หลายครั้ง ลองดูข่าวย้อนกันเองนะครับ)
ล่าสุด ยาฮูประกาศซื้อกิจการ Flurry แล้ว โดยยาฮูบอกว่าพฤติกรรมของผู้บริโภคออนไลน์เปลี่ยนไปมาก จากเดิมที่ต้องเข้าหน้าเว็บ (ซึ่งยาฮูเป็นแชมป์ในเรื่องนี้มานาน) กลายมาเป็นการใช้งานแอพแทน ดังนั้นยาฮูจึงอยากรู้พฤติกรรมเหล่านี้ของผู้ใช้และนำมาปรับปรุงแพลตฟอร์มของตัวเองให้ดีขึ้น
ในยุคของสมาร์ทโฟน ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าแอปเปิลคือผู้จุดประกายกระแสความนิยมการใช้งานแอพบนสมาร์ทโฟนตัวจริง และผู้ใช้อุปกรณ์ iOS ส่วนมากก็ใช้เวลากับแอพในเครื่องมากกว่าแพลตฟอร์มอื่นๆ มาตลอด แต่ในที่สุดบัลลังก์นี้ก็ถูกท้าทายจากบริษัทคลื่นลูกใหม่สัญชาติจีน Xiaomi ที่เพิ่งมีรายงานว่าผู้ใช้แอพใช้เวลานานกว่าแอปเปิลเลยทีเดียว
รายงานดังกล่าวมาจาก Flurry บริษัทเก็บข้อมูลการใช้งานอุปกรณ์พกพาที่ไปเก็บข้อมูลการใช้งานสมาร์ทโฟนในจีนมากกว่า 23,000 เครื่อง และได้ผลออกมาว่าอุปกรณ์ของ Xiaomi มีผู้ใช้งานแอพยาวนานที่สุด เหนือกว่าแอปเปิลที่ครองตำแหน่งนี้มายาวนานกว่า 6 ปีด้วยกัน
บริษัทวิเคราะห์แอพมือถือ Flurry เผยข้อมูลวงการสมาร์ทโฟนจีน โดยใช้สถิติจากแอพในเครือข่ายของตัวเองจำนวน 18,310 ตัว (นับเฉพาะแอพ Android และ iOS ซึ่งอาจไม่สะท้อนภาพที่แท้จริงทั้งหมดของตลาด และไม่ใช่ตัวเลขยอดขาย)
ยี่ห้อสมาร์ทโฟนยอดนิยมในระบบของ Flurry อันดับหนึ่งคือแอปเปิล 35% ตามด้วยซัมซุง 15% อันดับสามคือ Xiaomi 6%, อันดับสี่ Huawei 2.63%, อันดับห้า Lenovo 2.56% ที่เหลือมีทั้ง Android จีนสารพัดยี่ห้อ และแบรนด์อินเตอร์อย่าง HTC/Sony/LG
บริษัทวิจัยตลาดมือถือ Flurry เผยสถิติว่ายอดใช้งานสมาร์ทโฟน Android/iOS (นับ active user) ของประเทศจีนแซงหน้าสหรัฐอเมริกาเป็นที่เรียบร้อย
Flurry นับตัวเลขถึงเดือนมกราคม 2013 โดยสหรัฐอเมริกามียอดใช้งานสมาร์ทโฟน 222 ล้านเครื่อง ส่วนจีนมี 221 ล้านเครื่อง ซึ่งพอมาถึงเดือนกุมภาพันธ์ตัวเลขของจีนน่าจะแซงไปแล้ว และ Flurry พยากรณ์ว่าเดือนมีนาคม 2013 ตัวเลขจะเปลี่ยนเป็นอเมริกา 230 ล้านเครื่อง และจีน 246 ล้านเครื่อง
Flurry คิดว่าอเมริกาคงทวงแชมป์จากจีนได้ยากแล้ว ส่วนอันดับสามในปัจจุบันคือสหราชอาณาจักร ตามมาแบบห่างๆ ที่ 43 ล้านเครื่อง ทางบริษัทประเมินว่าข้อมูลของตัวเองวัดผลแม่นยำ 90% ของตลาดสมาร์ทโฟนทั้งหมด
บริษัทวิจัยตลาดแอพอย่าง Flurry เผยสถิติของ "หมวดหมู่" ยอดนิยมสำหรับแอพมือถือ ปรากฏว่าเครือข่ายสังคม (นับรวมทุกค่าย) มาแรง จนมีส่วนแบ่งการใช้งานเท่ากับหมวดเกมที่เป็นแชมป์เก่ามายาวนาน
สถิติของ Flurry ประจำไตรมาสแรกของปี 2012 บอกว่าผู้ใช้มือถือใช้งานแอพเฉลี่ย 77 นาทีต่อวัน ในจำนวนนี้เป็นเกม 24 นาที และเป็นโซเชียลเน็ตเวิร์ค 24 นาที (ตามด้วยข่าว 12 นาที, บันเทิง 10 นาที, อื่นๆ 7 นาที)
สถิตินี้ต่างไปจากไตรมาสแรกของปีที่แล้ว ที่เกมครองส่วนแบ่งแบบทิ้งห่าง มีอัตราใช้งานเฉลี่ย 25 นาทีต่อวัน ในขณะที่โซเชียลเน็ตเวิร์คมีส่วนแบ่งเพียง 15 นาทีเท่านั้น (ข้อมูลของ Flurry วัดการใช้งานแอพประมาณ 30,000 ล้านครั้งจากผู้ใช้ทั่วโลก)
ประเด็นที่ Android Market (หรือ Google Play ในปัจจุบัน) โดนวิจารณ์มาตลอดคือแอพเยอะจริงแต่ทำเงินต่อแอพไม่ได้เยอะมากนัก
ล่าสุดมีข้อมูลเชิงสถิติของบริษัทวิจัย Flurry เทียบรายได้ของ "แอพยอดฮิต" จากร้านขายแอพ 3 รายใหญ่คือ iTunes App Store, Amazon Appstore, Google Play ผลปรากฏว่า iTunes App Store ชนะตามคาด
แต่ที่เหนือความคาดหมายของหลายๆ คนคือ Amazon Appstore ทำรายได้น้อยกว่า iTunes App Store เพียงเล็กน้อย ในขณะที่ทั้งสองรายนี้ทิ้ง Google Play แบบไกลสุดกู่
ช่วงหลังมานี้มีการรายงานยอดเปิดใช้งานแอนดรอยด์อยู่เป็นระยะๆ ตัวเลขสุดท้ายคือ 700,000 เครื่องต่อวัน ซึ่งแน่นอนว่าตัวเลขดังกล่าวส่วนใหญ่มาจากผู้ใช้ในสหรัฐฯ
ทว่าตั้งแต่เดือนนี้เป็นต้นไปอาจต้องเปลี่ยนความคิดแบบนั้นเสียแล้ว หลังจากผลการเก็บข้อมูลจาก Flurry เผยว่ายอดเปิดเครื่องของสมาร์ทโฟนในจีน (นับรวม iOS, แอนดรอยด์) แซงสหรัฐฯ แล้วเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยสัดส่วนล่าสุดในเดือนมีนาคมอยู่ที่ 24% ต่อ 21% (ดูกราฟได้ด้านล่าง)
ข่าวนี้ถือเป็นภาคต่อของ ส่วนแบ่งตลาดแท็บเล็ตโลก: iPad 57.6% Android 39.1% ซึ่งเป็นสถิติของบริษัท Strategy Analytics
คราวนี้บริษัท Flurry ซึ่งเก็บสถิติของแอพบนมือถือ ก็ออกมาเผยข้อมูลว่าตลาด Android Tablet เป็นอย่างไรบ้าง (สถิติของ Flurry วัดจากการใช้งานแอพ ไม่ได้วัดจำนวนเครื่องที่ขายออกไป แต่ก็สะท้อนส่วนแบ่งตลาด Android Tablet ได้ในระดับหนึ่ง)
บริษัท Flurry ซึ่งให้บริการเก็บสถิติในตัวแอพต่างๆ ออกมาเปิดเผยข้อมูลว่าในวันคริสต์มาส (25 ธ.ค.) ที่ผ่านมา ยอดเปิดใช้ (activation) ของอุปกรณ์ Android/iOS เครื่องใหม่เพิ่มสูงขึ้นจากยอดเฉลี่ยของวันที่ 1-20 ธ.ค. ถึง 353%
เหตุผลก็ชัดเจนว่าเป็นเพราะคนนิยมให้ของขวัญที่เป็น Android/iOS กันมากขึ้นนั่นเอง และเมื่อแกะห่อของขวัญในวันคริสต์มาส ผู้ที่ได้รับของขวัญก็เปิดใช้งานและเริ่มดาวน์โหลดแอพทันที (ส่วนยอดดาวน์โหลดแอพเพิ่มขึ้น 125% ในช่วงเวลาเดียวกัน)
Flurry คาดว่ายอดดาวน์โหลดแอพระหว่างวันคริสต์มาสถึงวันปีใหม่ น่าจะสูงถึง 1 พันล้านครั้ง โดยช่วงเวลาที่คนดาวน์โหลดแอพกันเยอะที่สุดคือ 19.00-21.00 น
- Read more about ยอดเปิดใช้ Android/iOS ในวันคริสต์มาสพุ่ง
- 6 comments
- Log in or register to post comments
บริษัท Flurry ทำธุรกิจด้านวิเคราะห์ข้อมูลตลาดมือถือ และมีผลิตภัณฑ์ Flurry Analytics ให้นักแอพมือถือรู้สถิติการใช้งานแอพของตัวเอง (บริการนี้มีบนมือถือหลายแพลตฟอร์ม) ซึ่งมีลูกค้าจำนวนมากกว่า 135,000 แอพในปัจจุบัน
Flurry ออกมาเปิดเผยข้อมูลว่า สำหรับแอพใหม่ที่ถูกสร้างขึ้นในปี 2011 และใช้บริการเก็บสถิติของ Flurry จำนวนประมาณ 50,000 ตัว จะแบ่งสัดส่วนของแอพบน iOS ต่อ Android ประมาณ 3:1(สถิติของไตรมาสที่สามปี 2011) ซึ่งชี้ให้เห็นว่านักพัฒนายังเลือกสร้างแอพบน iOS มากกว่า Android
ตัวเลขสัดส่วนในปีก่อนอยู่ที่ 2:1 ซึ่งแปลว่าความนิยมของ iOS มีสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นจากเดิม และ Android มีสัดส่วนที่ลดลง