Block.one บริษัทเทคโนโลยีบล็อคเชนถูก SEC หรือกลต.สหรัฐฯ สั่งปรับ 24 ล้านดอลลาร์ หลังบริษัททำการระดมทุนผ่านการทำ ICO โดยไม่ได้ขึ้นทะเบียนหลักทรัพย์อย่างถูกต้องตามกฎหมาย
SEC ระบุว่า Block.one ได้ทำการระดมทุนผ่านทาง ICO ในช่วงเดือนมิถุนายน 2017-2018 ระดมทุนได้เงินนับพันล้านดอลลาร์ ซึ่งทาง Block.one ไม่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นสินทรัพย์ตามกฎหมายสินทรัพย์แห่งสหพันธรัฐ ซึ่ง SEC ระบุว่าเป็นความตั้งใจที่จะให้นักลงทุนไม่ได้รับข้อมูลที่จำเป็นต่อการตัดสินใจลงทุน
Floyd Mayweather Jr. นักมวยคนดัง และ DJ Khaled ดีเจชื่อดัง ถูก ก.ล.ต. สหรัฐ (SEC) ปรับเงินเนื่องจากโปรโมทการขายเหรียญ ICO ที่ผิดกฎหมาย
SEC ออกมาเตือนตั้งแต่ปลายปี 2017 ให้บรรดาเซเลบต่างๆ ที่โปรโมทการขายเหรียญ ICO ผ่านช่องทางโซเชียลของตัวเอง ว่าต้องเปิดเผยให้สาธารณะรับทราบด้วยว่ารับเงินมาเพื่อโปรโมท และโครงการ ICO บางแห่งที่มาจ้างโปรโมทอาจผิดกฎหมายหลักทรัพย์ของสหรัฐ ที่กำหนดให้ผู้ขายต้องจดทะเบียนกับ SEC
Boston College ได้เผยผลการวิจัยเกี่ยวกับโครงการทำ ICO กว่า 2,390 โครงการที่ระดมทุนก่อนเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาพบว่า กว่า 56% ต้องล้มเลิกโครงการหลังปิดการระดมทุนไปภายในะระยะเวลาไม่เกิน 4 เดือน
ทาง Boston College วิเคราะห์ข้อมูลจากการติดตามดูความถี่ของการทวีตบนทวิตเตอร์ของสตาร์ทอัพหรือโครงการที่ทำ ICO ก่อนจะสรุปว่ามีเพียง 44.2% เท่านั้นที่สามารถอยู่รอดหลังปิดระดมทุนไปได้ 4 เดือน
ที่มา - Bloomberg
SEC หรือ ก.ล.ต.สหรัฐฯ ได้เปิดตัวสกุลเงินดิจิทัลใหม่ HoweyCoin ซึ่งชูว่าเป็นมาตรฐานสกุลเงินคริปโตสำหรับอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการขายโทเคนแบบ pre-ICO (มี whitepaper ด้วย ) โดยในเว็บไซต์มีทางเลือกให้ผู้ใช้ซื้อเหรียญและจะมีส่วนลดเมื่อลงทุนเป็นปริมาณมาก ๆ แต่ว่าเมื่อคลิกปุ่ม Buy Coins Now! ก็จะรีไดเรกไปที่เว็บไซต์ SEC เกี่ยวกับคำเตือนเกี่ยวกับวิธีที่ผู้หลอกลวงผ่าน ICO มักจะใช้กัน
สำนักข่าว Wall Street Journal รายงานว่า ตอนนี้ Telegram ได้ยกเลิกแผนการออก ICO แล้ว
Telegram เคยคิดจะระดมทุนโดยการขายเหรียญหรือ ICO ซึ่งก่อนหน้านี้ ตั้งเป้า ไว้ที่ 1.2 พันล้านดอลลาร์ โดยแหล่งข่าวหนึ่งของ WSJ รายงานว่าเหตุผลที่ Telegram ล้มแผนการออก ICO เนื่องจากกฎเกณฑ์เกี่ยวกับการออก ICO ที่เสนอขึ้นในช่วงหลังมีความเข้มงวดกว่าเดิม เพราะช่วงหลังโครงการ ICO มีการหลอกลวงเยอะขึ้น
- Read more about Telegram เลิกล้มแผนการออก ICO แล้ว
- Log in or register to post comments
JFIN ประกาศทำ ICO ตั้งแต่ เดือนมกราคมที่ผ่านมา แม้จะให้บริการระดมทุนโดย TDAX แต่ก็ยังไม่สามารถซื้อขายในตลาดเปิดได้เนื่องจาก TDAX หยุดการซื้อขาย ICO เพื่อรอระเบียบจากกลต. วันนี้ทาง JFIN ก็เข้าซื้อขายใน ตลาด Coin Asset เรียบร้อยแล้วเป็นตลาดแรก และราคานับแต่ซื้อขายมาก็อยู่ในแดนลบโดยตลอด จากราคาช่วง ICO ที่อยู่หน่วยละ 6.6 บาท
ราคาสูงสุดที่ซื้อขายได้ในตลาด Coin Asset อยู่ที่ 6.45 บาท และต่ำสุดอยู่ที่ 3.00 บาท หรือไม่ถึงครึ่งของราคาช่วง ICO โดยราคาล่าสุดที่เขียนข่าวนี้อยู่ที่ 4.90 บาท
กลต. สหรัฐฯ แจ้งข้อหากับ Sam Sharma และ Robert Farkas ผู้ก่อตั้งบริษัท Centra Tech ที่ระดมทุน ICO ได้ 32 ล้านดอลลาร์หรือพันล้านบาท ด้วยความผิดฐานโกหกหลอกลวงนักลงทุน จากการนำประวัติผู้บริหารปลอมๆ ไปนำเสนอ และยังอ้างว่าจะออกบัตร Visa และ MasterCard เพื่อการจ่ายเงินคริปโตได้อย่างสะดวกอีกด้วย
Centra Tech ออก ICO เป็นโทเค็น CTR บน Ethereum และถูกนำไปซื้อขายบนกระดานต่างๆ เช่น Binance, EtherDelta, KuCoin แต่ตอนนี้ทาง Binance ก็ออกมาประกาศแล้วว่า CTR ถือว่ามีความเสี่ยงสูง และทางตลาดกำลังพิจารณาว่าจะถอนโทเค็นออกจากตลาดหรือไม่ หากถอนก็จะแจ้งล่วงหน้า 72 ชั่วโมง
โทเค็น CTR เพิ่มระดมทุนสำเร็จเมื่อเดือนตุลาคม 2017 ราคาเริ่มต้น 0.71 ดอลลาร์ต่อ CTR และตอนนี้ราคาก็ตกลงไปกว่า 90% แล้ว
ช่วงปีที่ผ่านมาการระดมทุน ICO เติบโตอย่างมากมีจำนวนหลายพันรายการ และมีข่าวการระดมทุนครั้งใหญ่ๆ แต่เป็นการหลอกลวงเรื่อยมา ตอนนี้มีรายงานจาก Satis Group สำรวจว่าวงการนี้หลอกลวงกันมากน้อยเพียงใด
รายงานนี้แยกประเภทโครงการ ICO เป็น 6 กลุ่ม ได้แก่
Sky News อ้างว่า Twitter เตรียมปรับนโยบายการลงโฆษณา โดยอาจสั่งระงับโฆษณาของผู้ประกอบธุรกิจเงินคริปโต แบบเดียวกับที่ Google และ Facebook ได้ประกาศสั่งแบนโฆษณาประเภทนี้ไปก่อนหน้าแล้ว
โฆษณาที่จะโดนสั่งแบนนั้นมีทั้งการประกาศระดมทุน ICO, บริการกระเป๋าเงินคริปโต รวมทั้งบริการแลกเปลี่ยนเงินคริปโต โดยเข้าใจว่าความเปลี่ยนแปลงนี้จะเกิดขึ้นในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้านี้
ที่มา - Sky News
Tony Fernandes ซีอีโอสายการบินราคาประหยัด AirAsia ให้สัมภาษณ์แก่ TechCrunch ว่ากำลังพิจารณาความเป็นไปได้ที่จะทำเงินคริปโตเป็นของ AirAsia เองและเปิดขายเหรียญเพื่อระดมทุน
ในขณะที่การใช้บริการสายการบินเพื่อสะสมไมล์ไว้ใช้แลกตั๋วเดินทางคือเรื่องปกติสำหรับสายการบินต่างๆ แต่ Fernandes เริ่มคิดถึงเรื่องการต่อยอดระบบสมาชิกไปยังเงินคริปโต โดย Fernandes ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ในงาน Money2020 ซึ่งจัดขึ้นที่สิงคโปร์
กูเกิลประกาศเปลี่ยนนโยบายการโฆษณาบริการทางการเงินใหม่ เพิ่มหมวดหมู่สินค้าที่ไม่รับโฆษณา ได้แก่ ไบนารีออปชั่น และเงินคริปโตทั้งหมด
ประกาศนี้ครอบคลุมแทบทุกเรื่องที่เกี่ยวกับเงินคริปโต ทั้งการประกาศระดมทุน ICO, บริการแลกเปลี่ยนเงินคริปโต, บริการซอฟต์แวร์กระเป๋าเงิน, หรือบริการให้คำปรึกษา
ประกาศมีผลเดือนมิถุนายนนี้ ก่อนหน้านี้ เฟซบุ๊กก็ประกาศแบนไปก่อนแล้ว
ที่มา - Google
บมจ.โปรเจค แพลนนิ่ง เซอร์วิส (PPS) ร่วมกับบริษัท Fintech (ประเทศไทย) และ Velopark ประกาศสร้างโทเค็นบน Ethereum ด้วย smart contract แบบ ERC-20 สัญญลักษณ์ XPO
แม้ในการประกาศจะเป็นรูปแบบของการระดมเงินลงทุนให้กับโครงการก่อสร้างต่างๆ แต่โดยตัว XPO เองจะกลายเป็นสินทรัพย์ดิจิตอลที่มีเงินบาทหนุนหลัง 1 บาทต่อ 1 XPO ทันที โดยจะสามารถไถ่ถอน XPO เป็นเงินบาทได้ปีละสองรอบ (กลางปีและสิ้นปี)
เว็บไซต์ Bitcoin.com (ไม่มีความเกี่ยวข้องกับ Bitcoin.org) สรุปข้อมูลของการประกาศทำ ICO ในปี 2017 โดยใช้ข้อมูลจาก Tokendata พบว่ามี ICO ทั้งหมด 902 โครงการ และ 59% ของโครงการเหล่านี้ล้มเหลวไปแล้ว
คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ออกประกาศเตือนการลงทุนใน ICO และเงินคริปโต ว่าเป็นสินทรัพย์ที่ต้องอาศัยความรู้ความเข้าใจอย่างมาก และอาจมีคนนำเทคโนโลยีมาบังหน้าหลอกลวงให้คนลงทุน
ตอนนี้ทาง ก.ล.ต. ยังไม่มีหลักเกณฑ์กำกับดูแลการออก ICO จึงไม่มีการคุ้มครองใดๆ และการระดมทุนหลายอันก็เป็นแค่การเสนอแนวคิด การดำเนินโครงการอาจจะไม่สำเร็จ และหากมีการกำกับดูแลก็จะมีการกำหนดให้เปิดเผยข้อมูลให้โปร่งใสมากขึ้น
ประกาศเตือนลงท้ายว่า "ถ้าไม่เข้าใจ อย่าลงทุน เพราะสินทรัพย์ดิจิทัลไม่ได้เหมาะกับทุกคน"
ที่มา - ประกาศก.ล.ต.
การระดมทุน ICO ได้รับเงินจำนวนมากไปหลายรายการในช่วงปี 2017 ที่ผ่านมา ปรากฎว่าในจีนเองก็มีการระดมทุนอยู่มากเช่นกัน แม้ ธนาคารกลางจีนจะสั่งห้าม แต่ก็มีความพยายามใช้ระดมทุนผ่านช่องทางอ้อมๆ อย่างต่อเนื่อง วงการนี้ยังคงเติบโตถึงขั้นมีบริการครบวงจรสำหรับผู้ที่ต้องการจัดระดมทุน
บริการจัดระดมทุน ICO โผล่ขึ้นบน Taobao นับสิบรายการ เช่น ราคาค่าเขียน Whitepaper อยู่ที่ประมาณ 20,000 บาท เมื่อผู้สื่อข่าว Beijing News เข้าไปสอบถามรายละเอียดกับผู้ให้บริการายหนึ่ง ก็ได้คำชี้แจงว่ามีบริการปลอมประวัติทีมงานให้ด้วย โดยทีมงานจะหารูปที่ไม่สามารถค้นเจอผ่านอินเทอร์เน็ตได้ และปลอมประวัติว่าเคยจบมหาวิทยาลัยดัง หรือเคยทำงานบริษัทดังมาก่อน
Telegram ผู้ให้บริการแชทเตรียมพัฒนาแพลตฟอร์มบล็อกเชนและสกุลเงินคริปโตของตัวเองในชื่อ Gram เพื่อเอาไว้ใช้กับระบบจ่ายเงินบนแพลตฟอร์ม รวมถึงฟีเจอร์อื่น ๆ บางอย่างในอนาคต
เพื่อการหาเงินมาทำแพลตฟอร์มนี้ Telegram ก็จะระดมทุนโดยการขายเหรียญครั้งแรกหรือ ICO ตั้งเป้าไว้ที่ 1,200 ล้านดอลลาร์ สูงที่สุดของประวัติการ ICO ซึ่งจะมีการพรีเซลให้กับ VC หรือนักลงทุนรายใหญ่บางรายก่อน โดยตั้งเป้าหมายการขายเหรียญในช่วงพรีเซลไว้ที่ 600 ล้านดอลลาร์ และการขายเหรียญต่อสาธารณะจะเริ่มต้นในเดือนมีนาคม
การระดมทุนครั้งนี้ Telegram เผยว่ามีโครงการที่ทำมากกว่าเป็นการหาเงินให้บริการแชท เช่น
เมื่อพูดถึง "การลงทุน" คนจำนวนมากมักคิดถึงการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์เป็นหลัก หรืออาจจะเป็นการลงทุนในกองทุนรวมต่างๆ ที่นำเงินไปซื้อหุ้นอีกที แต่การเติบโตของเงินคริปโตโดยเฉพาะบิตคอยน์ที่เริ่มได้รับความสนใจในวงกว้างตั้งแต่ปี 2011 เมื่อตลาดมืด Silk Road เปิดตัว ทำให้มีผู้สนใจใช้เงินคริปโตเหล่านี้มาระดมทุน ก่อเกิดเป็นการลงทุนแบบใหม่ที่มีชื่อเรียกทุกวันนี้ว่า Initial Coin Offering (ICO) ล้อมาจากการนำหุ้นเสนอขายต่อสาธารณะ (Initial Public Offering - IPO)
ยังมีข่าวอย่างต่อเนื่องกับท่าทีของรัฐบาลจีนต่อวงการคริปโต เริ่มจาก การไล่ปิดร้านแลกเปลี่ยนเงินคริปโตภายในประเทศ ตามด้วย ปิดบัญชีธนาคารที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจคริปโต
มาตรการล่าสุดถูกระบุในบทความจาก Financial News ข่าวสารการเงินของธนาคารกลางจีน (People’s Bank of China) ว่าจีนจะสกัดกั้นไม่ให้เข้าถึงบริการแลกเปลี่ยนเงินคริปโตและ ICO ทุกราย ไม่ว่าจะอยู่ในประเทศหรือต่างประเทศก็ตาม หลังจากมาตรการปิดร้านแลกเปลี่ยนเงินในประเทศใช้ไม่ได้ผล เพราะคนหนีไปใช้ร้านแลกเปลี่ยนนอกประเทศแทน
คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ หรือ SEC ออกมาประกาศว่าขอคำสั่งศาลให้อายัดทรัพย์สินบริษัท AriseBank ที่อาจเป็นบริษัท ICO ที่ใหญ่ที่สุด และได้รับคำสั่งศาลแล้ว
ในคำฟ้องระบุว่า AriseBank ใช้โซเชียลมีเดีย คนดังมาให้การรับรองและช่วยโปรโมทการระดมทุน ICO โดยตัวบริษัทอ้างว่าระดมทุนได้ 600 ล้านดอลลาร์ภายใน 2 เดือน จากเป้าหมาย 1 พันล้านดอลลาร์ โดยขณะนี้ศาลได้รับการอนุมัติให้ระงับทรัพย์สินของ AriseBank และผู้ก่อตั้งทั้งสองแล้ว
SEC ระบุในคำแถลงการณ์ว่า SEC ยื่นข้อกล่าวหา AriseBank และผู้บริหารของบริษัทว่ามีพยายามที่จะระดมทุนจากนักลงทุนเป็นจำนวนมากโดยการบอกว่าตัวเองเป็นธนาคารกระจายอำนาจซึ่งถือเป็นการบิดเบือนความจริง และนี่เป็นครั้งแรกที่ SEC จัดหาหน่วยงานภายนอกให้มาเก็บทรัพย์สินเอาไว้
ท่ามกลางความน่าสนใจของสกุลเงินคริปโต รวมถึงการขายเหรียญแบบ ICO ในปัจจุบัน ทำให้หน่วยงานกำกับดูแลด้านการเงินของหลายประเทศออกมาเตือนประชาชนเกี่ยวกับการซื้อขายหรือลงทุนในสกุลเงินคริปโตอยู่เรื่อย ๆ ล่าสุดฮ่องกงก็จะเริ่มทำโฆษณาแล้ว
Financial Services and the Treasury Bureau (FSTB) และ Investor Education Centre (IEC) ซึ่งเป็นหน่วยงานด้านการเงินและการลงทุนในฮ่องกง ได้เปิดตัวแคมเปญโฆษณาเพื่อให้ประชาชนตระหนักถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้เมื่อลงทุนใน ICO หรือซื้อสกุลเงินคริปโต โดยจะมีทั้งการโฆษณาทางทีวีและโฆษณาสื่อสิ่งพิมพ์
การระดมทุน ICO (initial coin offering) ได้รับความนิยมอย่างสูงในช่วงปีที่ผ่านมา มีการระดมทุนเพื่อสร้างโทเค็นนับพันๆ รายการ ส่วนมากมักสัญญาว่าเป็นการระดมทุนเพื่อสร้างสินค้าหรือบริการในอนาคต แต่การระดมทุนจำนวนมากก็ยังไม่สามารถสร้างสินค้าหรือบริการเด่นๆ ขึ้นมาได้ (นอกจากเด่นในแง่ราคาโทเค็นขึ้นไปไกล) เมื่อกลางปี 2017 จึงมีคนสร้าง Useless Ethereum Token (UET) หรือโทเค็นไร้ประโยชน์
ผู้สร้าง UET สัญญาไว้สามอย่าง ได้แก่
JFIN บริษัทย่อยของ Jaymart ที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ (สัญลักษณ์ JMART) ประกาศเปิดระดมทุนบนบล็อคเช่น (ICO) แล้วในวันนี้โดยเป็นการระดมทุนไปทำระบบกู้เงินแบบบุคคลต่อบุคคล บนเทคโนโลยีบล็อคเชน พร้อมกับใช้ปัญญาประดิษฐ์ (คำสำคัญมาครบ) โดยระดมทุนในชื่อ JFIN COIN
เนื่องจาก Jaymart เป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ทำให้ต้องแจ้งข่าวในตลาดหลักทรัพย์ โดยการระดมทุนครั้งนี้จะมีมูลค่ารวม 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 640 ล้านบาท ในข่าวที่แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ทาง Jaymart ยืนยันว่าเป็นการระดมทุนเพื่อต่อยอดธุรกิจ ไม่ได้เก็งกำไรแต่อย่างใด
ช่วงนี้มีหน่วยงานหลายแห่งออกมาเตือนเรื่องความเสี่ยงของการลงทุนใน Bitcoin, cryptocurrency และ ICO
เมื่อสัปดาห์ก่อน หน่วยงานสำคัญอย่าง SEC หรือ กลต. ของสหรัฐ นำโดยประธาน Jay Clayton ก็ออกแถลงการณ์ต่อประชาชน เรื่องความเสี่ยงของการลงทุนใน cryptocurrency และ ICO ด้วยเช่นกัน
Clayton เริ่มโดยกล่าวว่าตลาดการเงินเริ่มพูดถึงการลงทุนใน cryptocurrency และมีเรื่องเล่ากล่าวขานถึงคนที่ทำเงินได้มาก สร้างความฝันให้ผู้คนมากมาย และประโยคที่พูดให้ได้ยินกันบ่อยๆ ว่า "คราวนี้ไม่เหมือนคราวอื่นๆ" (this time is different)
แพลตฟอร์มระดมทุนมวลชน Indiegogo อาศัยจังหวะกระแสการขายเหรียญ ICO กำลังบูม เปิดพื้นที่ให้โครงการ cryptocurrency ต่างๆ มาประกาศขายเหรียญบน Indiegogo ได้อีกทาง
ปกติแล้วโครงการระดมทุน ICO มักเปิดเว็บไซต์ของตัวเองเพื่อขายเหรียญ หรืออาจใช้บริการตัวแทนที่เชี่ยวชาญการขายเหรียญ (ซึ่งก็ไม่มีชื่อเสียงในวงกว้าง) การประกาศบน Indiegogo ที่มีชื่อเสียงระดับโลกอยู่ก่อน จึงจะช่วยให้การระดมทุนมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น และกระจายตัวไปยังลูกค้ากลุ่มที่กว้างกว่าเดิม
การระดมทุนแบบขายโทเค็น (initial coin offering - ICO) ยังไม่มีหน่วยงานใดเข้ามากำกับดูแลจริงจัง ทำให้หลายครั้งก็มีการหลอกลวงกันเป็นระยะ ล่าสุด Confido ที่ประกาศตัวว่าจะพัฒนาระบบจ่ายเงินที่สร้างความมั่นใจระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย ระดมทุนไปได้เกือบ 400,000 ดอลลาร์ หรือประมาณ 13 ล้านบาทได้ปิดเว็บหนีหายไปแล้ว
แม้ว่าจะระดมทุนเพียง 400,000 ดอลลาร์ แต่โทเค็น CFD ก็เข้าซื้อขายในตลาดทันที และราคาเมื่อสัปดาห์ที่แล้วยังอยู่ที่ 1.1 ดอลลาร์ต่อ CFD ทำให้มูลค่ารวมสูงถึง 10 ล้านดอลลาร์ แต่หลังจากผู้ก่อตั้งโครงการหนีหายไป ตอนนี้ มูลค่าก็เข้าใกล้ศูนย์