เว็บ iTnews อ้างแหล่งข่าวไม่เปิดเผยตัวว่า ธนาคาร NAB ในออสเตรเลียหยุดพัฒนาตู้เอทีเอ็มแบบจดจำใบหน้าไปอย่างเงียบๆ แม้ตอนสาธิตเมื่อปี 2018 จะระบุว่าประสบความสำเร็จก็ตาม
ตู้เอทีเอ็มแบบจดจำใบหน้าไม่จำเป็นต้องใช้บัตร แต่อาศัยการมองใบหน้าแล้วใส่รหัสผ่าน โดยธนาคารเคยระบุว่าเทคโนโลยีนี้ช่วยลดความเสี่ยงจากการถูกทำสำเนาบัตร และผู้ใช้เองก็ไม่ต้องพกบัตรให้รกกระเป๋า
NAB ทดลองพัฒนาตู้เอทีเอ็มนี้โดยใช้เทคโนโลยีจดจำใบหน้าบนคลาวด์ ทั้งจาก AWS Rekognition และ Azure
เนื่องจากไม่มีการแถลงเหตุผลที่ยกเลิกโครงการจริงๆ ทาง iTnews คาดว่าอาจจะคิดที่หน่วยงานกำกับดูแลไม่อนุมัติให้ใช้งานจริง, ค่าอัพเกรดตู้อาจจะแพงเกินไป, หรือทิศทางของธนาคารอาจจะพยายามลดตู้เอทีเอ็มจนไม่น่าลงทุนอีกแล้ว
โลกเทคโนโลยีการเงินหรือ Fintech นั้นมักมีข่าวเทคโนโลยีใหม่ๆ น่าสนใจอยู่เสมอ แต่ในความเป็นจริงเทคโนโลยีจำนวนมากไม่เหมาะสมต่อการใช้งานจริง กรณีตู้เอทีเอ็มของ NAB ก็เป็นตัวอย่างหนึ่งที่เมื่อธนาคารหยุดลงทุนไปก็เลิกไปเงียบๆ ต่างจากตอนทดสอบที่มักแถลงข่าวใหญ่โต
ที่มา - iTnews
ภาพจากวิดีโอแถลงข่าวของ NAB เมื่อปี 2018
Comments
น่าจะเพราะราคาและค่าพัฒนาแพงมากกว่า เลยเลิกไป + ปัญหาด้านความปลอดภัยที่เจอกับมือถือที่ปลดล็อคด้วยหน้าได้ ก็กระทบกับระบบของตู้ ATM ด้วยเช่นกัน น่าจะเป็นแบบนี้
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
อาจจะคิดที่ > อาจจะติดที่
ใบหน้าเป็นสิ่งเปิดเผย แค่เอากล้อง3d บันทึกตอนเดินผ่านก็เสร็จแล้ว ถ้าถูกใช้จริงก็จะมีขบวนการทำเป็นอาชีฟง่ายกว่าพวกสแกนบัตรที่ต้องติดที่ตู้อีก
ไม่นะ....ต้องเอาของใต้ร่มผ้าออกมาสแกนเลยหรอ
เป็น QR แล้วใช้ app มือถือสแกน แบบบ้านเราน่าจะถูกกว่า ปลอดภัยกว่า