รายใหญ่ขยับเมื่อ Wall Street Journal รายงานโดยอ้างอิงบุคคลผู้อยู่ใกล้ชิดกับสถานการณ์ว่า ดิสนีย์เข้าร่วม ขบวนการบอยคอต ไม่ซื้อโฆษณาลง Facebook จากปัญหา Hate Speech
ข้อมูลจากสำนักวิจัย Pathmatics Inc. ระบุว่า ดิสนีย์เป็นบริษัทที่ลงทุนซื้อโฆษณาใน Facebook เป็นอันดับต้นๆ ในสหรัฐฯ โดยครึ่งปีแรกของปีนี้ ดิสนีย์ใช้เงินทุ่มโฆษณาโปรโมท Disney+บน Facebook ไป 210 ล้านดอลลาร์ และในปี 2019 ดิสนีย์เป็นผู้ลงทุนโฆษณาบน Facebook มากเป็นอันดับ 2 ในสหรัฐฯ รองจาก Home Depot Inc.
WSJ รายงานด้วยว่า ดิสนีย์ยังหยุดโปรโมท Disney+ และ Hulu บน Facebook, Instagram ซึ่งดิสนีย์ไม่ได้ออกมาประกาศอย่างเป็นทางการเหมือนบริษัทอื่นๆ ที่ร่วมบอยคอต และไม่ระบุระยะเวลาว่าการบอยคอตจะสิ้นสุดถึงเมื่อไร
ก่อนหน้านี้ผู้บริหาร Facebook หลายรายรวมถึงมาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก เข้าเจรจากับกลุ่มแกนนำแคมเปญบอยคอต Facebook ทางวิดีโอคอล ผลปรากฏว่า ทางกลุ่มบอยคอตยังคงไม่พอใจกับท่าทีของบริษัท และหลังจากนั้น Facebook ก็ออกรายงาน Civil Rights Audit หรือผลการตรวจสอบจากหน่วยงานภายนอกครอบคลุมนโยบายสำคัญของ Facebook เช่น สิทธิพลเมือง, ความเป็นส่วนตัว, ความโน้มเอียงของอัลกอริทึม, Free Speech & Hate Speech ซึ่งก็พบว่ายังมีปัญหาใหญ่คือ ให้ความสำคัญกับ Free Speech มากกว่า Hate Speech
ภาพจาก ดิสนีย์
ที่มา - WSJ
Comments
ปัญาหใหญ่ มัน โซเชียล อิสระ เสรี หลัก พันล้านคน จะ ควบคุม Hate Speech ได้ นี้ ลำบากจริงๆ
ทำไม ต้อง เคาะ ช่องว่าง ซะ ขนาด นี้ คะ อ่าน ลำ บาก จริง ๆ
ห้า ห้า ห้า
ห้า 5 ฮ่า ๕
..: เรื่อยไป
ประ เด็น สำ คัญ หลัก ใหญ่ ของ Facebook คือ ตัว Facebook เอง ไม่ เคย แสดง ท่า ที ที่ ชัด เจน ใน การ จัด การ Hate Speech ต่าง หาก คือ ทุก คน ไม่ ได้ คาด หวัง ว่า Facebook จะ ต้อง จัด การ ได้ 100% แต่ ก็ ต้อง ไม่ ใช่ การ ทำ แบบ ขอ ไป ที เหมือน ตอน นี้ ใน ท้าย ข่าว เขา ก็ ลง ไว้ ให้ อ่าน ว่า Facebook ทำ ตัว ยัง ไง
ถึงเวลาต้องเลือกแล้วว่า จะคงไว้ให้คนลงโฆษณาเป็นลูกค้าหลัก หรือ จะเปลี่ยนผู้ใช้จากสินค้าให้เป็นลูกค้าหลัก (Facebook premium)
มีแต่คนแบนเหลือแต่โฆษณาการพนันอย่างเดียวแล้วมั้งตอนนี้ 55