การเปลี่ยนเงื่อนไขสำหรับนักพัฒนาแอปในกลุ่มประเทศสหภาพยุโรปของแอปเปิล เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมาย DSA มีประเด็นที่ยังเป็นปัญหาอยู่ โดยเฉพาะการคิดค่าธรรมเนียมใหม่ Core Technology Fee ซึ่งจัดเก็บ 0.5 ยูโร ต่อการดาวน์โหลดต่อปี สำหรับแอปที่มีจำนวนดาวน์โหลดส่วนที่มากกว่า 1 ล้านครั้งแรก ทำให้ คณะกรรมาธิการยุโรปบอกว่าอาจทำการสอบสวน ประเด็นนี้
ล่าสุดแอปเปิลประกาศปรับปรุงรายละเอียดวิธีคิดค่า Core Technology Fee หรือ CTF เพื่อให้มีความชัดเจนมากขึ้น รองรับกรณีนักพัฒนาที่ไม่สมควรถูกเก็บแม้จำนวนดาวน์โหลดสูง จากเดิมกลุ่มที่ได้รับยกเว้นคือ องค์กรไม่แสวงหากำไร หน่วยงานรัฐบาล และสถาบันการศึกษา มีเพิ่มดังนี้
- CTF จะไม่ถูกเก็บถ้านักพัฒนาไม่มีแผนการสร้างรายได้จากแอปนั้น เพื่อรองรับกรณี นักเรียน, มือสมัครเล่น หรือองค์กรที่ไม่ใช่ภาคธุรกิจ โดยเฉพาะกรณีทำแอปออกมาแล้วได้รับความนิยมสูง มีคนแห่กันดาวน์โหลดอย่างรวดเร็ว
- นักพัฒนารายเล็ก ที่มีรายได้ทั่วโลกต่ำกว่า 10 ล้านยูโรต่อปี สามารถขอยกเว้น CTF ได้ใน 3 ปีแรก เพื่อให้มีเวลาปรับโครงสร้างธุรกิจรองรับ ไม่ให้ CTF เป็นต้นทุนในช่วงแรก หาก 3 ปี ผ่านไป แอปไม่เติบโตถึง 1 ล้านดาวน์โหลด ก็ไม่ต้องจ่ายส่วนนี้
- กรณีบริษัทมีรายได้ช่วง 10 ล้านถึง 50 ล้านยูโร ค่า CTF จะถูกจัดเก็บสูงสุดใน 3 ปีแรกไม่เกิน 1 ล้านยูโรต่อปี แต่หากบริษัทใหญ่กว่านั้น CTF จะถูกคิดเต็มจำนวน
แอปเปิลยังชี้แจงประเด็นที่ คณะกรรมาธิการยุโรปบอกว่า iPadOS เข้าข่ายแพลตฟอร์ม Gatekeeper ตามกฎหมาย DSA เหมือนกับ iOS ว่าแอปเปิลเตรียมใช้แนวทางเหมือนกับ iOS ในยุโรป เช่น สามารถดาวน์โหลดแอปนอกสโตร์ได้, มีการคิดค่า CTF กับนักพัฒนา โดยรายละเอียดจะอัปเดตต่อไปในอนาคต
ที่มา: แอปเปิล
Comments
เอ้อ ดูดีขึ้น
หรือตั้งใจทำรอบแรกแบบนั้นเพื่อให้ปรับมาเป็นแบบนี้แล้วคนรู้สึกว่ามันดูดีขึ้น ถ้าทำแบบนี้มาแต่แรกก็อาจจะโดนเหน็บมากกว่า
การเมืองครับ คิดเหมือนกัน โครงสร้างเหมือนแอปเปิ้ลปรับให้เอาไว้จัดการ บ ใหญ่ต่อไปอีกทอด ที่จริงค่อนข้างอยากให้ บ ใหญ่ทุก industry โดนจับแยกส่วนแบบ tech พวกนี้ครับ
เข้าใจว่า CTF ต้องมีด้วยเหตุผลทางเทคนิค แต่มันไม่ควรมีตั้งแต่แรกแล้วในเมื่อการออกนอกสโตร์เดิมก็ควรหมายถึงการออกจาก SaaS ทุกอย่างของแอปเปิลด้วย
เค้าคิดบุญคุณการใช้ API ที่เค้าอุตส่าห์เขียนมาให้ dev ใช้น่ะฮะ
ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด ถึงแม้ออกนอก store แต่ app ยังใช้ apple service ได้อยู่หรือเปล่าครับ อย่าง sign in โดยให้ apple gen email ใหม่ให้ตลอด หรือ icloud sync
น่าจะคล้ายๆ ของดรอยนะครับ ถ้าใช้ api พวกบริการกุเกิลก้คิดเเงิน
ดูดี ขึ้น