เทคโนโลยีปิดบังผู้ใช้เช่น TOR และ BitCoin ก่อให้เกิดการสร้างตลาดมืดขนาดใหญ่อย่าง Silk Road และก่อนหน้านี้คือ Farmers' Market ที่ถูกบุกทลายไปก่อนแล้ว แต่ Silk Road ยังคงอยู่และมีมูลค่าการซื้อขายมากขึ้นเรื่อยๆ มูลค่า ประมาณการในปี 2012 คือ เดือนละ 1.2 ล้านดอลลาร์ ในปีนี้มูลค่ารวมน่าจะอยู่ที่ 30-45 ล้านดอลลาร์ต่อปี ทางนิตยสาร Forbes ได้ติดต่อสัมภาษณ์ Dread Pirate Roberts นามแฝงของผู้ดูแล Silk Road ผ่านทางเว็บไซต์ Silk Road เอง (ซึ่งต้องเข้าผ่าน TOR เท่านั้น)
Roberts ระบุว่าที่จริงแล้วเขาไม่ได้เป็นผู้ก่อตั้ง Silk Road ขึ้นมาเป็นคนแรก แต่เป็นผู้ใช้กลุ่มแรกๆ ในเข้าใช้งานช่วงต้นปี 2011 โดยระบุว่าผู้สร้างคนแรกนั้นเป็นกลุ่มที่ปิดบังตัวเองเป็นความลับยิ่งกว่าเขาเองเสียอีก เขาเข้าใช้งานแล้วพบว่าระบบของ Silk Road มีบั๊กที่อาจจะทำให้ที่อยู่ของเซิร์ฟเวอร์ถูกเปิดเผยและเข้าขโมยเงินได้ หลังจากเข้าช่วยเหลือเจ้าของเว็บเดิมเพื่อแก้บั๊ก เขาก็ได้รับความไว้วางใจให้เข้ามาช่วยดูแลกิจการ และซื้อกิจการมาเป็นของตัวเองในที่สุด โดยเขาระบุเพียงว่าเจ้าของเดิมได้รับค่าตอบแทนอย่างดี
แนวคิดของ Roberts ต่อ Silk Road นั้นไม่ได้เป็นเพียงตลาดมืดที่เน้นการขายสินค้าผิดกฎหมายเพียงอย่างเดียว เขาระบุว่าแนวคิดเบื้องหลังของตลาดเช่นนนี้คือการที่รัฐไม่ควรเข้ามากำหนดกิจกรรมมากเกินไป การมี Silk Road ทำให้คนทั่วไปสามารถเข้าถึงสินค้า, ข้อมูล, และการโยกย้ายเงิน โดยไม่ผ่านกระบวนการของรัฐ ทั้งการควบคุมและภาษี ตัว Silk Road เองนั้นยอมรับสินค้าที่ไม่มีผู้อื่นเป็นเหยื่อแม้จะผิดกฎหมาย เช่น ยาเสพติด ตัว Silk Road นั้นห้ามขายสินค้าเช่นภาพอนาจารเด็ก หรือกระทั่งปืน (ปืนเคยได้รับอนุญาตแล้วแบนไปภายหลัง) ตัว Roberts เองระบุว่าตัวเขาเป็น "ศูนย์กลางของความเชื่อใจ" ในตลาด Silk Road ที่ตัวตลาดเองให้บริการรับประกันทางการเงิน โดยถือเงินของลูกค้าไว้ล่วงหน้าก่อนส่งสินค้า และจ่ายเงินออกไปเมื่อยืนยันว่าสินค้าถึงมือลูกค้าแล้ว
การดำเนินการของ Silk Road ช่วงแรกถูกวางให้ได้รับความสนใจน้อยที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ แต่ระยะเวลาสองปีครึ่งที่มันเปิดกิจการมาก็แสดงให้เห็นว่ามันต่อสู้ศัตรูมาได้หลายรูปแบบ ทั้งการโจมตีที่อาจจะมาจากบริการตลาดใต้ดินคู่แข่ง หรือกระทั่งตำรวจทั่วโลกที่พยายามจับ ในช่วงหลัง SilkRoad เริ่มเปิดต่อสาธารณะมากขึ้น มีเว็บ SilkRoadLinks เพื่อแนะนำให้คนเข้ามาใช้งานได้ง่าย
Roberts ระบุว่าเงินที่เขาได้รับจาก Silk Road นั้นเป็นเงินจำนวนมาก แต่เขาเองต้องพยายามจำกัดการใช้เงินของตัวเองไม่ให้น่าสงสัย แม้จะหาความสุขจากการยาเสพติดเองบ้าง สำหรับการขาย Silk Road ออกไปนั้น เขาระบุว่าเขาไม่ยอมรับราคาต่ำกว่า 10 หรือ 11 หลัก และวันหนึ่ง Forbes จะต้องระบุชื่อของเขาในรายเศรษฐีที่ Forbes เรียงลำดับตามเงื่อนไขต่างๆ ไว้
ที่มา - Forbes
Comments
ภาพอนาจารเด็ก + ปืน ห้ามขาย แต่ยาเสพติดขายได้ = Seems Legit
ยาเสพติดถือว่าคนซื้อตัดสินใจเลือกเสพเองไงครับ (ส่วนว่าไปหาตังมาจากไหนเป็นอีกเรื่อง)
ภาพอนาจารเด็กนี่ชัดเจน... ส่วนปืน คนซื้อคงไม่ได้เอามาใช้กับตัวเองหรอกมั้งครับ
ถ้าจะหาเหตุผลมาอ้าง ยังไงมันก็อ้างได้ครับ เช่น
ภาพนี่ถือว่านางแบบตัดสินใจเลือกมาเป็นนางแบบเอง
ส่วนปืนกลก็ซื้อไปซ้อมยิงเป้าเป็นกีฬาเฉย ๆ
+1
จะรู้ได้ไงว่า ยาเสพติดไม่ได้เอาไปหลอกให้เด็กเสพย์แล้วขายแพงๆให้ในภายหลัง หรือ บังคับถ่ายภาพอนาจารเด็ก +_+
คนเมายานี่ก่อคดีกันเยอะแยะด้วย
จริง
ถ้าจะว่ากันอย่างนั้น ของทุกอย่างในโลกนี้ก็เอาไปใช้ก่ออาชญากรรมได้ทั้งนั้นแหละครับ
แล้วเวลาส่งของกันนี่ทำยังไงอะ?
เคยอ่านเจอว่าส่งไปรษณีย์สุญญากาศ ใช้สุนัขตำรวจดมยังไม่เจอครับ
ถ้าส่งไปรษณีย์มันน่าจะใช้วิธีล่อซื้อแล้วตรวจสอบหาผู้ส่งได้นะครับเนี่ย
มีครับ ผู้ค้าบางรายที่ไม่ระวังตัวพอก็ถูกจับไปบ้าง
ปัญหาสำคัญคือตำรวจอยากจับคนทำ Silk Road แต่ยังจับไม่ได้จนทุกวันนี้
lewcpe.com , @wasonliw
แปลกใจที่ Blognone ลงข่าวด้านมืดด้วย @_@
เยี่ยม
เช่นนนี้ => เช่นนี้
ในรายเศรษฐี ?
การยาเสพติด => การเสพยาเสพติด
เป็นข่าวที่น่าสนใจมาก
สงสัยว่าถ้า "มูลค่ารวมน่าจะอยู่ที่ 30-45 ล้านดอลลาร์" แล้วจะ "สำหรับการขาย Silk Road ออกไปนั้น เขาระบุว่าเขาไม่ยอมรับราคาต่ำกว่า 10 หรือ 11 หลัก" ได้ยังไง มันจะถูกตีราคาได้สูงกว่ามูลค่าการซื้อขายต่อปีได้ขนาดนั้นเลยเหรอ?
@ Virusfowl
I'm not a dev. not yet a user.