นาย Chris Reykdal สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากรัฐวอชิงตันของสหรัฐฯ ได้เสนอร่างกฎหมายต่อคณะกรรมการสภาผู้แทนราษฎร (The Washington State House of Representatives Committee on Higher Education) กำหนดให้ ภาษาคอมพิวเตอร์สามารถใช้แทนภาษาต่างประเทศในการพิจารณาสมัครเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยรัฐได้
ที่ผ่านมา นักเรียนที่ต้องการสมัครเรียนต่อในมหาวิทยาลัยรัฐ จำเป็นต้องเรียนภาษาต่างประเทศอย่างน้อย 1 ภาษาเป็นเวลา 2 ปีการศึกษา
Chris Reykdal ให้เหตุผลว่า ที่ผ่านมานักเรียนระดับ high school ต้องเสียเวลาถึง 2 ปีไปกับการเรียนภาษาต่างประเทศ ที่สุดท้ายก็ไม่ได้นำไปใช้ต่อ เนื่องจากเด็กเหล่านี้เรียนรู้ภาษาในช่วงวัยที่ช้าเกินไป การเพิ่มทางเลือกโดยให้เรียนภาษาคอมพิวเตอร์ได้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้เรียนมากกว่า เพราะผู้เรียนสามารถนำไปประกอบอาชีพทางด้านคอมพิวเตอร์ที่นับวันอัตราการจ้างงานจะสูงขึ้นได้
อย่างไรก็ตาม มีเสียงคัดค้านจากบางกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยกับการให้ภาษาคอมพิวเตอร์เทียบเคียงกับภาษาต่างประเทศได้ หลายคนมองว่าการเรียนภาษาต่างประเทศถือเป็นการเปิดโลกทัศน์เกี่ยวกับผู้ใช้ภาษาในประเทศนั้นๆ และถือเป็นการเรียนรู้วัฒนธรรมไปในตัว
ก่อนหน้านี้รัฐเคนทักกีและอีกหลายๆ รัฐก็ได้มีความพยายามในการผลักดันร่างกฎหมายในลักษณะนี้มาแล้ว
ร่างกฎหมายที่นาย Chris Reykdal เสนอ สามารถเข้าไปดูได้ที่ House Bill 1445 ครับ
ที่มา - Ars Technica , KPLU
Comments
ผมเข้าใจว่าภาษาคอมพิวเตอร์มันเป็นภาษา logic ถึงมันจะเขียนในรูป natural language ได้ แต่มันก็ไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อแทน natural language นี่ครับ หรือเราจะคุยกันด้วยภาษาคอมพิวเตอร์จริงๆ
ฝ่ายค้านพูดมีเหตุผล แต่ฝ่ายเสนอก็มีใจความที่ดีเช่นกัน
ผมชอบนะ เพราะภาษาคอมพิวเตอร์มันดิ้นไม่ค่อยได้ ไม่ใช่นึกอยากจะเปลี่ยนก็เปลี่ยนทันที ถ้าพอใจจะใช้ มีทั้งต้องทำแต่สิ่งที่ต้องทกก็มียกเว้นใรกรณีต่างๆซะแบบนั้น ยิ่งเรียนสูงถึงจะเจออ่ะอังกฤษหน่ะ เรียนไปเรียนมาสรุปที่ใช้ทุกวันนี้มันถูกหรือเปล่าฟร่ะเนี่ย เราจะเจอข้อยกเว้นจะเห็นในตอนที่เรียนระดับสูงไปแล้ว แต่ถ้าเรียนแบบระดับกลางจะเจอกรณีเดียวกันแต่เข้าตั้งว่าต้องเป็นแบบนี้เท่านั้น ภาษาพูดนี่บอกเลยดิ้นมากที่สุดเวียนหัว ส่วนภาษาเขียนนี่ก็ไม่ค่อยดิ้นแต่มีอย่างอื่นมาทำให้ปวดหัวแทน บางทีกฎที่เรียนมาตั้งแต่เริ่มเรียนอังกฤษ ก็เอามาใช้ไม่ได้แล้วในภาษาระดับสูง
พูดง่ายๆ เหมือนภาษามันต้องใช้จิตวิญญานในการเรียนรู้มากกว่า ทฤษฎี เห็นๆ
public static void main(String... args){
String countryName = args[0];
if("USA".equal(countryName)){
this.denied(countryName);
}else if("JP".equal(countryName)){
this.doFetchMedia(countryName,MEDIA.AV,MEDIA.ANIME);
}
}
บังคับเรียบทุกสาขาเลยดีไหมครับ เด็กวิศวไทยยังมีวิชาบังคับคอมพิวเตอร์โปรแกรมมิ่งเลย ต้องCขึ้นไปอีก
ไม่คิดว่าเราลอกหลักสูตรเขามาเหรอครับ จึงบอกให้เขามาลอกเรา
หลักสูตรไทย ลอกหลักสูตรต่างประเทศมาเยอะ แต่เอามาแค่หัวข้อ เนื้อหามาใส่เองก็เยอะ พวกหลักสูตรประถมที่เห็นมีดราม่าเมื่อปีที่แล้วมังนะ พวกวิชาวิทยาศาสตร์หัวข้อตรงกับของอเมริกา แต่เนื้อหาเอาของ ม.ปลาย มาสอนเด็กประถม อะไรทำนองนี้ ทำให้เด็กเกลียดวิชาวิทยาศาสตร์เยอะ ประมาณว่า ที่อเมริกาเรียนหัวข้อเดียวกัน ตั้งแต่ประถมยัน ม.ปลาย แต่เนื้อหาจะค่อยๆเข้มข้นขึ้น แต่พี่ไทยเอาเข้มข้นตั้งแต่แรก
ส่วนตัวผมไม่ชอบเรียนทั้งภาษาต่างประเทศและคอมพิวเตอร์เลยครับ :P
อย่างนี้ก็หมายความว่านักเรียนที่จบ high school มาก็ต้องมาเรียนภาษาต่างประเทศ 2 ปี แล้วถึงจะเข้ามหาวิทยาลัยได้ใช่ไหม อย่างนี้กว่าจะได้เรียนมหาวิทยาลัยก็ช้ากว่าบ้านเรา 2 ปีเลย ว่าแต่แล้วถ้าโรงเรียนมีสอนภาษาต่างประเทศด้วยล่ะ อย่างนี้ก็ไม่ต้องเสียเวลาไป 2 ปีสิ
ผมเข้าใจว่าเป็นวิชาหนึ่งที่แทรกในระหว่างเรียน high school ครับ
หลังจากกฎหมายออกมาแล้ว มหาลัยก็เปลี่ยนคำใหม่เป็น "ภาษาต่างประเทศที่ใช้สื่อสารกับมนุษย์เท่านั้น" #เอวัง
ผมไม่ค่อยเข้าใจฝ่ายค้านเท่าไหร่
คือถ้าบอกว่าการเรียนภาษาต่างประเทศเป็นการเปิดโลกทัศน์
-- ก็ดีครับ
การเรียนภาษาคอมก็เป็นการเพิ่มความสามารถ ก็ดีเช่นกัน
ก็ให้เด็กเลือกสิครับ ออกกฏหมายมาว่าให้เทียบเท่าได้ ให้เด็กเลือกไปเลย ว่าจะเรียนอะไร
ตอนนี้เหมือนกับบังคับให้เรียนภาษาต่างประเทศอย่างเดียว (และเท่าที่ดูในหนัง ก็ภาษาสเปน?) ซึ่งผมคิดว่าไม่ใช่ทุกคนจะเลือกเรียนภาษาคอมอย่างเดียว
คืองงว่าคุณค้านแปลกๆอะ
ยกเลิกกฏจะไม่ง่ายกว่าเหรอนะ กฏที่บังคับให้เรียนภาษาที่ 2 น่ะ แค่ภาษาอังกฤษมันยังเอาตัวไม่รอดเล้ย
println("ผมนี่พูดเป็นคอมพิวเตอร์เลย");