เว็บไซต์ Android Police พบกูเกิลทดสอบ Google Assistant ความสามารถสั่งจ่ายเงินด้วยเสียง โดยใช้ประโยชน์จาก Voice Match ระบบจดจำเสียงคนใดคนหนึ่งและการตอบสนองที่จะทำเฉพาะเสียงของคนๆ นั้น เมื่อต้องการใช้เสียงสั่งจ่าย กูเกิลจำเป็นต้องมีข้อมูล payment รวมถึง Voice Match ของผู้ใช้งาน

เว็บไซต์ TechCrunch ได้รับข้อมูลหลุดภาพ Google Card ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นผลิตภัณฑ์บัตรเดบิตจาก Google พร้อมรายละเอียดส่วนหนึ่งเกี่ยวกับตัวผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจอีกหลายประการ ซึ่งตอนนี้ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวกำลังอยู่ระหว่างการพัฒนา

แหล่งข่าวของ TechCrunch ระบุว่า บัตรเดบิตของ Google หรือ Google Card จะมีให้ทั้งบัตรจริงและบัตรเสมือนสำหรับใช้งานในแอป ตัวบัตรจะผูกกับบัญชีเงินฝากและใช้ซื้อสินค้าผ่านโทรศัพท์มือถือหรือออนไลน์ พร้อมทั้งเชื่อมต่อกับแอปที่ให้ผู้ใช้ทำรายการเบื้องต้น เช่น ตรวจสอบธุรกรรมย้อนหลัง, เช็คยอดเงินคงเหลือ หรือล็อกบัญชีได้

Visa ผู้ให้บริการชำระเงินผ่านบัตรรายใหญ่ ประกาศเข้าซื้อกิจการสตาร์ทอัพ Plaid ด้วยมูลค่าถึง 5,300 ล้านดอลลาร์ หรือราว 160,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวจากการเพิ่มทุนรอบล่าสุดในปี 2018 ที่บริษัทมีมูลค่ากิจการราว 2,700 ล้านดอลลาร์

Plaid เป็นผู้ให้บริการซอฟต์แวร์ API สำหรับเชื่อมต่อข้อมูลบัญชีธนาคารของผู้ใช้งาน เข้ากับแอปบริการทางการเงินต่าง ๆ ตัวอย่างลูกค้าอาทิ Venmo แอปโอนเงินหากัน, Robinhood แอปสำหรับซื้อขายหุ้น, Coinbase บริการซื้อขายเงินคริปโต เป็นต้น โดย Plaid ระบุว่าผู้มีบัญชีธนาคารในอเมริกาถึง 1 ใน 4 ที่ใช้บริการ Plaid เชื่อมต่อสู่บริการแอปฟินเทคต่าง ๆ

รายชื่อนักลงทุนใน Plaid นั้นมีทั้ง Visa, คู่แข่งอย่าง Mastercard, Citi, American Express ไปจนถึง Goldman Sachs

2C2P สตาร์ทอัพที่ให้บริการเกตเวย์ของการจ่ายเงิน ประกาศรับเงินเพิ่มทุนอีก 52 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1,570 ล้านบาท) จากกลุ่มนักลงทุน IFC, Cento Ventures และ Arbor Ventures ซึ่งบริษัทจะนำเงินทุนก้อนใหม่นี้มาลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ ๆ ตลอดจนใช้ในการขยายงาน เพื่อเตรียมให้บริการนอกภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพิ่มเติมในปีหน้า

ปัจจุบัน 2C2P มีสำนักงานใหญ่ในสิงคโปร์และกรุงเทพฯ ให้บริการเกตเวย์ของการจ่ายเงินกับลูกค้าเน้นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และมีส่วนแบ่งอันดับหนึ่งในไทย

Aung Kyaw Moe ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง 2C2P กล่าวว่าบริษัทจะยังคงรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าที่เป็นร้านค้าออนไลน์ต่าง ๆ เพื่อรักษาความแข็งแกร่งต่อไป

Facebook เปิดตัวบริการจ่ายเงิน Facebook Pay โดยสามารถใช้งานได้ผ่านแพลตฟอร์มในเครือทั้ง Facebook, Messenger, Instagram และ WhatsApp ซึ่งผู้ใช้งานสามารถใช้ Facebook Pay ส่งเงินให้กับเพื่อน, จ่ายเงินซื้อสินค้า ไปจนถึงกิจกรรมบริจาคเงินให้กับโครงการต่าง ๆ

ทั้งนี้ Facebook บอกว่าบริการ Facebook Pay ใช้แพลตฟอร์มการเงินที่มีอยู่ปัจจุบันผ่านความร่วมมือของพาร์ทเนอร์ ไม่เกี่ยวข้องใด ๆ กับกระเป๋าเงิน Calibra และระบบเงิน Libra ที่ล่าสุด Facebook มีท่าทียอม ถอยจนกว่ารัฐบาลสหรัฐจะอนุมัติ โดยรองรับการจ่ายเงินผ่านบัตรเดบิต, บัตรเครดิต และ PayPal ส่วนระบบการชำระเงินเป็นความร่วมมือกับ PayPal, Stripe และผู้ให้บริการรายอื่นทั่วโลก

eMarketer ได้ออกผลสำรวจวิเคราะห์แพลตฟอร์มจ่ายเงินบนมือถือของสหรัฐฯ โดยจากข้อมูลระบุว่าตอนนี้ Apple Pay ได้แซง Starbucks ขึ้นเป็นแพลตฟอร์มอันดับหนึ่งของสหรัฐฯ แล้ว

Starbucks ถือเป็นรายแรก ๆ ที่พัฒนาระบบจ่ายเงินด้วยมือถือ เพราะมีฟีเจอร์นี้ในแอปตั้งแต่ปี 2011 แต่ในช่วงหลัง Apple Pay และแพลตฟอร์มอื่น ๆ เติบโตขึ้นมาก จึงเริ่มไล่ตาม Starbucks เข้ามาแล้ว

จากข้อมูลของ eMarketer ระบุว่า Apple Pay จะมีจำนวนผู้ใช้ถึง 30.3 ล้านคนภายในปี 2019 ตามมาด้วย Starbucks 25.2 ล้านคน, Google Pay 12.1 ล้านคน และ Samsung Pay 10.8 ล้านคน

วันนี้ บริษัทผู้ให้บริการเครือข่ายชำระเงินผ่านบัตรรายใหญ่ คือ Visa, Mastercard, American Express และ Discover ได้ร่วมกันประกาศเปิดตัวระบบจ่ายเงิน Click to Pay ซึ่งพร้อมให้บริการแล้ววันนี้ในร้านค้าออนไลน์ 3 แห่ง คือ Cinemark, Movember และ Rakuten

Click to Pay เป็นปุ่มสำหรับจ่ายเงินแบบใหม่ซึ่งเป็นความร่วมมือของทั้งสี่บริษัท ตามที่ได้ประกาศเมื่อปีที่แล้ว โดยเป้าหมายของระบบนี้คือการทำให้ระบบชำระเงินเป็นเรื่องที่สะดวก คลิกปุ่มเดียวจบ

เมื่อวานเพิ่งมีข่าว โหมดกล้องใหม่ใน Google Pixel 4 วันนี้มีอีกข่าวหลุดตามมาเพิ่ม โดย Google Assistant ใน Pixel 4 จะมาพร้อมหน้าตาใหม่ ตอนเรียกใช้จะไม่มีกรอบสีขาวขึ้นมาบังเกือบครึ่งจอแบบปัจจุบัน แต่จะมีเพียงแถบสีขาวบริเวณด้านล่างเพื่อแสดงคำพูดของผู้ใช้ จากนั้นจึงจะขึ้นกรอบสีขาวที่เกี่ยวกับคำสั่งนั้นๆ ทีหลัง

ธนาคารกรุงเทพ จับมือ Rabbit LINE Pay ออก บัตรเดบิตร่วม Be1st Smart Rabbit LINE Payที่มีจุดเด่นคือรองรับระบบจ่ายเงินแบบ contactless สามารถแตะเพื่อเข้ารถไฟฟ้า BTS ได้ทันทีเหมือนบัตร Rabbit ไม่ต้องเสียเวลาซื้อบัตรโดยสาร และได้คะแนนสะสม Rabbit Rewards ไปพร้อมกันด้วย

บัตรเดบิตใบนี้รองรับเครือข่ายจ่ายเงินของ Thai Payment Network (TPN) และ UnionPay เหมือนกับบัตรตระกูล Be1st Smart ใบอื่นๆ ตัวบัตรเป็นระบบ Chip & PIN ใช้รหัส 6 หลัก และสามารถผูกบัตรเข้ากับ Rabbit LINE Pay ในแอพ LINE ได้

ช่วงเปิดตัว ธนาคารกรุงเทพยังออกโปรโมชั่นเป็นชุดกระเป๋า LINE Friends และคูปองส่วนลด ถ้าหากลูกค้าผูกบัตรเข้ากับ Rabbit LINE Pay อีกด้วย

แอปเปิลประกาศว่าบริการบัตรเครดิต Apple Card เปิดให้ลูกค้าในอเมริกาทุกคนสามารถสมัครใช้งานได้แล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โดยสามารถสมัครขอใช้งานได้ผ่านแอป Wallet ใน iPhone ที่เป็นระบบปฏิบัติการล่าสุด iOS 12.4

Apple Card มีจุดขายคือเป็นบัตรเครดิตที่ไม่มีค่าธรรมเนียมรายปี ไม่มีการชาร์จเงินเพิ่มกรณีจ่ายเงินในต่างประเทศ มีอัตราดอกเบี้ยต่ำระดับเลขหลักเดียว และเป็นบัตรเครดิตที่ให้เครดิตเงินคืน (Cash Back) 2% หากเป็นการจ่ายผ่าน Apple Pay กับร้านค้า หรือ 1% หากร้านไม่รองรับ Apple Pay แล้วจ่ายผ่านบัตร Apple Card

Visa Checkout เป็นบริการจ่ายเงินออนไลน์ลักษณะคล้าย PayPal เปิดให้บริการ มาแล้วราว 5 ปี วันนี้ Visa กำลังเตรียมแผนจะหยุดให้บริการ Visa Checkout แล้ว

9to5Google เป็นผู้รายงานข่าวนี้ โดยระบุว่า Visa Checkout กำลังจะหยุดให้บริการในปี 2020 และ Visa Checkout ก็ผูกบริการเข้ากับ Android Pay ในปี 2017 ซึ่งปัจจุบันก็กลายมาเป็น Google Pay แต่ล่าสุดก็พบว่าข้อมูลของ Google Pay ในส่วนของบริการและบัญชีที่รองรับก่อนหน้าที่เขียนไว้ว่ารองรับ Visa Checkout ก็ถอดออกไปแล้ว (แต่ยังใช้ได้)

Apple Card บัตรเครดิตใบแรก จากแอปเปิล ซึ่งได้เริ่มเปิดให้ลูกค้าแอปเปิลบางส่วนสมัครใช้งานได้แล้ว (เฉพาะอเมริกา) ผ่านพาร์ทเนอร์ธนาคาร Goldman Sach เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมาย อย่างไรก็ตามมีข้อมูลน่าสนใจจาก CNBC ว่าแอปเปิลมีแนวโน้มจะอนุมัติบัตรเครดิตให้ง่ายกว่าปกติ

แอปเปิลให้ข้อมูลว่า บัตรเครดิต Apple Card จะเริ่มให้บริการในเดือนสิงหาคมนี้ (ยังไม่ระบุวัน) แต่ล่าสุดพาร์ทเนอร์คือธนาคาร Goldman Sachs ได้นำ เอกสารข้อตกลงการใช้งาน Apple Card ขึ้นเว็บไซต์ ทำให้เรารู้เงื่อนไขการใช้งานดังนี้

American Express ประกาศซื้อกิจการจ่ายเงินแบบ B2B ชื่อ "acompay" จากบริษัท ACOM Solutions, Inc. โดยไม่เปิดเผยมูลค่า

acompay เป็นบริการจ่ายเงินสำหรับธุรกิจ (B2B) ที่ช่วยให้ฝ่ายจ่ายเงินให้ลูกหนี้ของบริษัท (accounts payable หรือ AP) จ่ายเงินได้สะดวกและเป็นอัตโนมัติ โดยระบบของ acompay ยังเชื่อมโยงกับระบบ ERP รวมถึงระบบจ่ายเงินด้วยบัตรและเช็ค (automated clearing house - ACH)

WeChat Pay ประกาศทดลองจ่ายเงินผ่าน QR แบบออฟไลน์เต็มรูปแบบ บนสายการบิน Spring Airlines ที่ทั้งผู้รับจ่าย (สายการบิน) และผู้จ่ายต่างก็ไม่ได้เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต

การจ่ายแบบออฟไลน์นี้จะจำกัดวงเงินไว้ที่ 200 หยวน หรือประมาณ 900 บาท และผู้ใช้ต้องยื่นรับรองชื่อจริง และสมัครโครงการทดสอบโดยมีคะแนนเครดิตในระบบของ WeChat สูงกว่า 550 คะแนน

ที่งาน Bangkok FinTech Fair 2019 สมาคมธนาคารเปิดตัวบริการ MyPromptQR บริการจ่ายเงินผ่าน QR แบบร้านค้าเป็นผู้สแกน (business scan consumer - B scan C) ที่เป็นแนวทางของแอป e-wallet ส่วนมากทุกวันนี้ โดยก่อนหน้านี้บริการจ่ายเงินผ่านธนาคารของไทย เป็นบริการที่ผู้ใช้เป็นผู้สแกน QR ของร้านค้า (C scan B) ทั้งหมด

Chrome ประกาศฟีเจอร์ใหม่ที่เชื่อมโยงกับบริการจ่ายเงิน Google Pay ของกูเกิลเอง ให้เราสามารถกดจ่ายเงินได้เพียงแค่กรอกเลข CVC หลังบัตรเครดิตเท่านั้น

ฟีเจอร์นี้ต่างไปจากฟีเจอร์จำเลขบัตรเครดิตที่ Chrome มีอยู่แล้ว ซึ่งต้องเปิดใช้งาน Chrome Sync ก่อน โดยฟีเจอร์ใหม่ทำงานได้ทันที ขอเพียงแค่เราล็อกอินบัญชี Google Account กับ Chrome เท่านั้น (โดยไม่ต้องเปิดซิงก์)

เมื่อเจอหน้าจ่ายเงินที่รองรับ Google Pay หน้าเว็บกรอกฟอร์มจะมีปุ่มแสดงข้อมูลบัตรเครดิตที่เราเซฟไว้ในบัญชี Google Account ขึ้นมา ถ้ากดแล้ว Chrome จะกรอกข้อมูลทุกอย่างให้ทันที เรามีหน้าที่กรอกเลข CVC เพื่อยืนยันการจ่ายเงินเท่านั้น

ปัจจุบัน การจ่ายเงินด้วยหน้าในประเทศจีนนั้นเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ และนอกจากความแม่นยำแล้วอาจต้องมีลูกเล่นอื่นเพิ่มเติมด้วย ทำให้ระบบจ่ายเงินด้วยการสแกนใบหน้าของ Alipay เพิ่ม “ฟิลเตอร์แต่งหน้า” ให้สวยพร้อมในขณะกำลังจ่ายเงิน

การเพิ่มฟิลเตอร์แต่งหน้าให้สวยก่อนจ่ายเงินนี้ เพื่อเป็นการลดเสียงบ่นจากผู้ใช้งานที่ว่าระบบรู้จำใบหน้า (facial recognition) ทำให้ผู้ใช้ดูไม่ดี โดย Sina Technology เคยทำโพลสำรวจ พบว่าชาวจีนกว่า 60% คิดว่าระบบจ่ายเงินด้วยใบหน้าทำให้พวกเขาดูน่าเกลียดกว่าการถ่ายภาพจากกล้องธรรมดา

สำนักข่าว Bloomberg อ้างข้อมูลจากแหล่งข่าววงใน ระบุว่า Grab เคยเจรจาเสนอซื้อ 2C2P บริษัทด้านระบบจ่ายเงินจากประเทศไทย แต่ไม่สำเร็จ

ตามข่าวบอกว่า Grab เป็นหนึ่งในบริษัทที่สใจซื้อ 2C2P โดยเสนอราคาราว 200 ล้านดอลลาร์ คาดว่าเป้าหมายของ Grab คือการขยายตัวไปยังผู้ให้บริการด้านการเงินแบบครบวงจร โดยขยายจาก Grab Pay ที่มีอยู่แล้ว

ส่วน 2C2P เป็นสตาร์ตอัพที่ประมวลผลข้อมูลการจ่ายเงินผ่านบัตร ให้บริการ payment gateway ก่อตั้งโดย Aung Kyaw Moe โปรแกรมเมอร์ชาวพม่ามาตั้งแต่ปี 2003 และมีสำนักงานใหญ่ในกรุงเทพ โดยให้บริการหลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ขนส่งมวลชนรัฐนิวเซาท์เวลส์ (Transport for New South Wales - TfNSW) ที่มีเมืองหลวงคือซีดนีย์ เตรียมรองรับการจ่ายค่าเดินทางด้วยบัตรเครดิตแบบไร้สัมผัส (contactless) บนรถเมลภายในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า หลังจากเริ่มรองรับครั้งแรกเมื่อปี 2017 สำหรับการโดยสารเรือเฟอรี่ และตอนนี้รองรับสำหรับการเดินทางรถไฟแล้ว

อย่างไรก็ตาม TfNSW ระบุว่ายังไม่มีแผนจะนำบัตร Opal เข้าไปใช้งานบนกระเป๋าเงินดิจิทัลอย่าง Apple Pay หรือ Google Pay แต่อย่างใด

การจ่ายค่าโดยสารผ่านบัตรเครดิต จะทำให้ผู้โดยสารจ่ายราคาตั๋วผู้ใหญ่ราคาเต็ม โดยได้สิทธิ์จำกัดค่าเดินทางต่อวันและต่อสัปดาห์ แต่หากเป็นบัตร Opal ของ TfNSW เองจะได้รับสิทธิ์เพิ่มเติม เช่น การเดินทางนอกช่วงเวลาเร่งด่วน หรือส่วนลดการเดินทางข้ามระบบ

5 บริษัทจากจีนและญี่ปุ่น ประกาศความร่วมมือในการออกแบบมาตรฐานใหม่ของ QR Code สำหรับระบบการจ่ายเงินผ่านสมาร์ทโฟนในประเทศญี่ปุ่น จากเดิมที่แต่ละค่ายจะมีมาตรฐานตนเอง ทำให้ต้องใช้เครื่องอ่านแยกกัน

โดย 5 บริษัท ที่ประกาศความร่วมมือนี้ประกอบด้วย Alibaba กับ Tencent จากจีน ส่วนฝั่งญี่ปุ่นมี LINE, Mercaci (เว็บขายของออนไลน์) และ NTT Docomo ผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือ

QR Code สำหรับการจ่ายเงินในญี่ปุ่นไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่การที่ผู้เล่นรายใหญ่จากจีนคือ Tencent (WeChat Pay พาร์ทเนอร์กับ LINE) และ Alibaba (Alipay พาร์ทเนอร์กับ Yahoo! Japan) เข้ามาทำตลาดในญี่ปุ่นมากขึ้น ทำให้แนวคิดการกำหนดมาตรฐานเพื่อลดความซ้ำซ้อนของอุปกรณ์ที่จุดชำระเงินเกิดขึ้นนั่นเอง

ขนส่งสิงคโปร์ (Land Transport Authority - LTA) ประกาศวันเริ่มรองรับบัตร Visa สำหรับจ่ายค่าเดินทางระบบขนส่งมวลชนวันที่ 6 มิถุนายนนี้ หลังจากระบบ รองรับ MasterCard มาตั้งแต่เดือนเมษายน

โครงการนี้ เริ่มมาตั้งแต่ปี 2016 จนตอนนี้ระบบรับมาตรฐาน EMVco Contactless แทบทุกรูปแบบ เช่น บัตรเครดิต, บัตรเดบิต, Apple Pay, Fitbit Pay, Google Pay, และ Samsung Pay การรวมเอา Visa เข้ามาครั้งนี้จะทำให้ผู้โดยสารมีทางเลือกจ่ายได้หลากหลายขึ้น

จนตอนนี้มีผู้โดยสารจ่ายค่าโดยสารผ่านบัตรวันละกว่า 120,000 เที่ยวโดยสาร

Amazon ในอินเดียประกาศเปิดตัวบริการด้านการเงินใหม่คือ Amazon Pay UPI คือบริการโอนเงินระหว่างบุคคลในประเทศอินเดีย โดย UPI หรือ Unified Payment Interface ระบบโอนเงินแบบเรียลไทม์ซึ่งดูแลโดย Reserve Bank of India หรือธนาคารกลางของอินเดีย

ผู้ใช้ Amazon ในอินเดียสามารถผูกบัญชีธนาคารเข้ากับแอปมือถือของ Amazon ได้แล้ว และจะได้ Amazon Pay UPI ID ออกโดย Axis Bank ซึ่งเป็นธนาคารพาร์ทเนอร์ของ Amazon สำหรับนำไปซื้อสินค้าในเว็บไซต์ Amazon.in ไปจนถึงการจ่ายเงินให้บุคคลทั่วไป หรือร้านค้าท้องถิ่นของอินเดียเพียงสแกนคิวอาร์โค้ดของ UPI ด้วยแอปของ Amazon

หลังจากที่ก่อนหน้านี้ TrueMoney ให้บริการโอนเงินผ่าน PromptPay ( Blognone เคยมีบทความรีวิวไปก่อนหน้านี้ ) มาได้ปีกว่า แต่ในที่สุด TrueMoney ก็ประกาศผ่าน website ของบริษัทฯ ว่าจะปิดให้บริการโอนเงินผ่าน PromptPay ในวันที่ 15 พฤษภาคมนี้ ทั้งนี้ การเติมเงินผ่านช่องทางอื่นยังสามารถทำได้ตามปกติ

อย่างไรก็ตาม แม้ผู้เขียนจะติดต่อผ่าน call center ไปแล้ว แต่ก็ยังไม่มีคำอธิบายเพิ่มเติมถึงสาเหตุแต่อย่างใด

๊Update : TrueMoney กล่าวใน Pantip ว่าปิดเนื่องจากได้รับความนิยมน้อยกว่าบริการอื่นๆ

หน่วยงานด้านขนส่งทางบกของสิงคโปร์ (Land Transport Authority หรือ LTA) ประกาศรองรับการใช้บัตร Mastercard แบบมีชิป contactless ในการแตะเพื่อจ่ายเงินค่ารถเมล์-รถไฟใต้ดิน โดยไม่จำเป็นต้องมีบัตรโดยสารแยกอีกใบหนึ่ง

บริการนี้เรียกว่า SimplyGo มีเป้าหมายเพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนที่ต้องเดินทางโดยระบบขนส่งมวลชน สามารถใช้บัตรจ่ายเงิน contactless ใบเดียวแทนการพกบัตรโดยสารแยกต่างหาก (บัตรเดินทางของสิงคโปร์เรียกว่า EZ-Link) โดยพาร์ทเนอร์รายแรกคือ Mastercard และคาดว่า Visa จะตามมาเป็นลำดับถัดไป

ผู้โดยสารยังสามารถลงทะเบียนบัตร Mastercard กับระบบเว็บ-แอพของ LTA เพื่อดูประวัติการใช้งานย้อนหลังได้ และเชื่อมบัตรกับแอพ SimplyGo บนมือถือเพื่อแตะเข้าระบบด้วย NFC ที่มือถือได้เช่นกัน