นายทักษิณ ชินวัตร บรรยายในงานสัมมนาพรรคเพื่อไทยบรรยายบิตคอยน์ว่าเงินดิจิทัลกำลังมีความสำคัญขึ้น และแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีก็ได้สั่งให้กระทรวงการคลังไปศึกษาว่าจะสามารถรับเงินคริปโตได้หรือไม่ โดยอาจจะเริ่มจากพื้นที่เฉพาะเป็น sandbox เช่นภูเก็ต เหตุผลเนื่องจากคนเหล่านี้มีแนวโน้มจะใช้จ่ายเงินสูง
นอกจากนี้ยังมีการสั่งให้กระทรวงการคลังศึกษา stablecoin ที่ใช้พันธบัตรค้ำประกันมูลค่า จะเปิดให้รายย่อยซื้อทำให้เงินหมุนเวียน หากมีเงินหมุนเวียนนี้ก็น่าจะทำให้ GDP เติบโตได้ 3.5% โดยนายทักษิณระบุว่าในอนาคตหลายชาติอาจจะมีเงินมากกว่าหนึ่งสกุล
หลังมีข่าวจากประชาชาติธุรกิจระบุว่ารัฐบาล กำลังพูดคุยกับธนาคารกรุงไทยถึงการใช้แอปเป๋าตังค์ในโครงการเงินดิจิทัล 10,000 บาท ก็ทำให้ถูกตั้งคำถามว่ายังจะใช้บล็อคเชนอยู่หรือไม่ วันนี้คุณลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รองเลขาธิการพรรคก็ออกมายืนยันว่ายังใช้บล็อคเชนอยู่ตามที่ประกาศไว้ อย่างไรก็ดีตัวแอปพลิเคชั่นที่ประชาชนใช้งานนั้นมีการพิจารณาว่าจะต่อยอดจากของเดิมหรือใช้แอปพลิเคชั่นใหม่
นอกจากนี้ทางพรรคเพื่อไทยยังยืนยันว่านโยบายนี้ "จะเป็นการวางโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินใหม่ ที่ใช้เทคโนโลยี Blockchain อยู่เบื้องหลัง ซึ่งถูกพัฒนาอย่างก้าวกระโดดจากเทคโนโลยีแบบเดิม เพื่อประโยชน์ของการพัฒนาประเทศไทยสู่เศรษฐกิจดิจิทัล"
ความคืบหน้าของโครงการเงินดิจิทัล 10,000 บาท ทางประชาชาติธุรกิจอ้างแหล่งข่าวระบุว่ารัฐบาลกำลังหารือกับธนาคารกรุงไทยเพื่อใช้แอปเป๋าตังค์ในการแจกเงินดิจิทัลในโครงการนี้ โดยผู้รับเงินทอดแรกๆ จะไม่สามารถถอนเงินสดออกมาได้ แต่ต้องนำไปซื้อของต่อตามเงื่อนไขจึงนำเงินออกได้
นโยบาย 10,000 บาทดิจิทัลเป็น หนึ่งนโยบายในชุด Blockchain Hub แห่งอาเซียน ของพรรคเพื่อไทย และถูกตั้งคำถามถึงความจำเป็นต่อการใช้งาน blockchain เรื่อยมา และพรรคเพื่อไทยเคยระบุว่าการร่วมโครงการนั้น ผู้จ่ายเงินใช้เพียงบัตรประชาชนและ QR เท่านั้น จึงไม่ชัดเจนว่า blockchain จะอยู่ตรงไหนของโครงการนี้
พรรคเพื่อไทยออกมาชี้แจงนโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล โดยเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรค โพสต์ข้อความผ่าน Facebook ของพรรค 10 ข้อ ระบุว่านโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัลไม่ได้สร้างเงินสกุลใหม่ แต่เปรียบเทียบว่าเป็น "คูปอง" ที่มีเงื่อนไขการใช้งานโดยระบบบล็อกเชน
ในโพสต์ยังระบุว่าใช้ "ระบบบล็อกเชนที่มีความปลอดภัยสูงสุด" สูงกว่าระบบที่ใช้ในปัจจุบัน แต่ไม่ได้อธิบายเพิ่มเติมว่าเป็นระบบอย่างไร
พรรคเพื่อไทยได้ประกาศ นโยบายแจกเงินดิจิทัลจำนวน 10,000 บาท ให้คนไทยอายุ 16 ปีขึ้นไปทุกคนที่มีอยู่ราว 50 ล้านคน โดยระบุว่าจะพัฒนาระบบกระเป๋าเงินดิจิทัลที่ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน ด้วยเหตุผลเรื่องการกำหนดเงื่อนไขการใช้จ่ายเงินตามนโยบายที่วางไว้
บทความนี้เป็นการตั้งข้อสังเกตต่อแนวนโยบาย โดยจำกัดขอบเขตแค่ประเด็นทางเทคโนโลยีเท่านั้น ไม่ได้กล่าวถึงประเด็นอื่นๆ ในแง่ความเหมาะสมของนโยบายในทางเศรษฐกิจ การเมือง และสังคม
พรรคเพื่อไทย ประกาศนโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ให้ประชาชนทุกคนที่มีอายุเกิน 16 ปีขึ้นไป เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ ตามนโยบายที่ประกาศไว้ก่อนหน้านี้
วันนี้ (7 เมษายน) พรรคเพื่อไทยได้แถลงรายละเอียดเพิ่มเติมของนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต โดยมี นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี, นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานคณะทำงานนโยบายและประธานกรรมการด้านเศรษฐกิจ, นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรค, นายจักรพงษ์ แสงมณี นายทะเบียนพรรค เป็นผู้ร่วมแถลง
พรรคเพื่อไทย ประกาศนโยบาย "ประเทศไทยเป็น Blockchain Hub แห่งอาเซียน" เพื่อเปิดโอกาสให้คนไทยระดมทุนจากทั่วโลกโดยไม่ต้องผ่านระบบธนาคารแบบเดิม ส่งเสริมให้ศิลปินไทยขายงานเป็น NFT ไปยังตลาดโลกได้
นโยบายเรื่องบล็อคเชนของพรรคเพื่อไทย เป็น 1 ใน 8 นโยบายใหม่ที่เปิดตัววันนี้ โดยขยายความต่อจาก ประกาศเมื่อเดือนธันวาคม 2565 ที่จะสร้าง Blockchain ของประเทศไทยเอง เพื่อใช้ซื้อขายสินค้าเกษตร และทำ NFT ซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า
พรรคเพื่อไทย นำโดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย แถลงนโยบายหาเสียงเลือกตั้งใหญ่ที่จะเกิดขึ้นในปี 2566 โดยมีส่วนที่เกี่ยวกับนโยบายด้านดิจิทัล-เทคโนโลยีดังนี้
- ใช้ NFT มาช่วยในการซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า
- สร้าง Blockchain ของประเทศไทยเอง เพื่อใช้ซื้อขายสินค้าเกษตร และสินค้าที่เกิดจากนโยบาย softpower ของพรรค
- ผลักดันการใช้เงินดิจิทัลของธนาคารกลาง (Central Bank Digital Currency หรือ CBDC) เพื่อแก้ปัญหาคอร์รัปชัน
- ผลักดันนโยบายรัฐบาลดิจิทัลเพื่อความโปร่งใส ตรวจสอบงบประมาณได้
การแถลงนโยบายรอบนี้ยังไม่มีการลงรายละเอียดของแต่ละนโยบายแต่ละข้อมากนัก ยังเป็นการเปิดตัวว่ามีนโยบายอะไรบ้างเท่านั้น