
Andy Jassy ซีอีโอ Amazon บอกว่าแพลตฟอร์มเริ่มเจอผลกระทบจากนโยบายกำแพงภาษี Trump แล้ว หลังคนขายรายย่อยตัดสินใจขึ้นราคาสินค้า แม้จะเป็นการผลักภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้นไปให้ลูกค้าก็ตาม
Amazon ก็พยายามลดผลกระทบพวกนี้อยู่ เช่น รีบซื้อสต๊อกสินค้าล่วงหน้าเยอะ ๆ หรือเจรจาเงื่อนไขกับซัพพลายเออร์ใหม่ แถมยกเลิกคำสั่งซื้อสินค้าจากจีนไปแล้วหลายออเดอร์เช่นกัน หลังซัพพลายเออร์บางเจ้ามีของเตรียมส่งถึงท่าเรือแล้ว แต่จู่ ๆ ก็ถูกยกเลิกผ่านระบบภายใน
ด้านฝั่งลูกค้าก็เริ่มรีบซื้อของเก็บไว้ล่วงหน้าบางส่วน เผื่อของจะขึ้นราคาในอนาคต ซึ่ง Amazon บอกว่า ถ้าจะสรุปว่าท่าทีเช่นนี่จะป็นพฤติกรรมถาวร หรือแค่กระแสช่วงสั้น ๆ นั้นยังเร็วเกินไป
นอกจากนี้ ภาษีนำเข้า Trump อาจทำให้ต้นทุนสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI แพงขึ้นด้วย อย่างพวกดาต้าเซ็นเตอร์ที่ Amazon กำลังลงทุนอย่างหนักผ่าน AWS (Amazon Web Services) แต่ Jassy บอกว่า Amazon เริ่มกระจายซัพพลายเชนไว้ตั้งแต่ 5 ปีก่อนแล้ว ไม่ได้พึ่งแค่ประเทศเดียว และยังไม่มีแผนชะลอการสร้างดาต้าเซ็นเตอร์แต่อย่างใด
ที่มา: CNBC
Comments
ขายของได้แพงแบบนี้เกษตรกรจะมีรายได้เพิ่มขึ้นแล้วสินะ
จ่ายเพิ่มมากกว่าได้เพิ่มน่ะซิครับ
ง่ายๆ อย่างกาแฟ >99.9% คือนำเข้า เพราะพื้นที่เมกามันแทบปลูกไม่ได้ (มันปลูกได้แค่ Hawaii เช่น Kona coffee) เอาแค่ Costco ตอนนี้ขึ้นจาก $12 เป็น $18 ไปแล้วนะ
ข้าวก็ตกอยู่ในสภาพไม่ต่างกัน
น่าจะแย่กันเยอะนะครับ โดยเฉพาะที่เกษตรกรถั่วเหลืองนี่น่าจะไม่รอดเพราะผลผลิตเกินครึ่งส่งออกไปจีน ต่อไปนี้ก็ขายไม่ออกแน่ๆ
https://www.kontango.com/blog/us-soybeans-flow
น่าจะเข้าใจเรื่อง tariff คลาดเคลื่อนนะครับ
มันคือภาษีนำเข้า ที่"ผู้นำเข้า"ต้องจ่ายให้กับรัฐในประเทศปลายทางที่เรียกเก็บ ผู้ขายต้นทางได้เงินเท่าเดิม
เงินส่วนนี้ไม่ได้เข้าประเทศต้นทางนะครับ
จริงๆมาตรการนี้ จะดีที่สุดเพื่อคุ้มครองธุรกิจในประเทศในระยะสั้นเพื่อให้ปรับตัวแข่งขันได้ ก่อนปรับลง