Andy Jassy ซีอีโอ Amazon บอกว่าแพลตฟอร์มเริ่มเจอผลกระทบจากนโยบายกำแพงภาษี Trump แล้ว หลังคนขายรายย่อยตัดสินใจขึ้นราคาสินค้า แม้จะเป็นการผลักภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้นไปให้ลูกค้าก็ตาม

Amazon ก็พยายามลดผลกระทบพวกนี้อยู่ เช่น รีบซื้อสต๊อกสินค้าล่วงหน้าเยอะ ๆ หรือเจรจาเงื่อนไขกับซัพพลายเออร์ใหม่ แถมยกเลิกคำสั่งซื้อสินค้าจากจีนไปแล้วหลายออเดอร์เช่นกัน หลังซัพพลายเออร์บางเจ้ามีของเตรียมส่งถึงท่าเรือแล้ว แต่จู่ ๆ ก็ถูกยกเลิกผ่านระบบภายใน

ด้านฝั่งลูกค้าก็เริ่มรีบซื้อของเก็บไว้ล่วงหน้าบางส่วน เผื่อของจะขึ้นราคาในอนาคต ซึ่ง Amazon บอกว่า ถ้าจะสรุปว่าท่าทีเช่นนี่จะป็นพฤติกรรมถาวร หรือแค่กระแสช่วงสั้น ๆ นั้นยังเร็วเกินไป

มีข่าวมาตั้งแต่ปีก่อนว่า Amazon จะเปลี่ยน ระบบปฏิบัติการใหม่ สำหรับสินค้ากลุ่ม Fire TV ที่ไม่อยู่บนฐานของ Android และมี ข้อมูลล่าสุด ที่บอกว่า Amazon จะเลิกใช้คำว่า Fire OS ด้วย

Janko Roettgers จาก Lowpass รายงานอ้างแหล่งข่าวหลายราย บอกว่าระบบปฏิบัติการใหม่นี้จะมีชื่อว่า Vega OS ซึ่งตรงกับโค้ดเนมภายในที่มีข่าวออกมา โดย Amazon จะทยอยเปลี่ยนผ่านอุปกรณ์เชื่อมต่อทีวีให้เป็น Vega OS โดยมีสินค้าชุดแรกออกมาในปีนี้

การขึ้นภาษีนำเข้าจีนของประธานาธิบดี Donald Trump กระทบธุรกิจในจีนอย่างหนัก โดยเฉพาะธุรกิจที่ขายสินค้าบน Amazon ผู้ขายหลายรายกำลังวางแผนที่จะขึ้นราคาสินค้าในสหรัฐฯ หรือถอนตัวออกจากตลาดไปเลย

ผู้นำสมาคมอีคอมเมิร์ซรายใหญ่ในจีนบอกว่า ต้นทุนเพิ่มขึ้นสูงมากจนธุรกิจรับแทบไม่ไหว โดยเฉพาะธุรกิจขนาดเล็กที่ไม่รู้จะไปยังไงต่อ เพราะอาจส่งผลให้อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้น เนื่องจากผู้ผลิตต้องดิ้นรนปรับตัว

นอกจากนี้ Amazon ยังตอบโต้ด้วยการยกเลิกคำสั่งซื้อสินค้าที่ผลิตในจีน และประเทศอื่น ๆ ในเอเชีย เช่น เก้าอี้ชายหาด และสกู๊ตเตอร์ ทำให้เจ้าของธุรกิจตั้งตัวไม่ทันกับการยกเลิกที่กะทันหันขนาดนี้ และต้องเอาสินค้าไปขายที่อื่น แม้ส่วนใหญ่มักจะมีอัตรากำไรที่ต่ำกว่า

Amazon ยังเดินหน้าเปิดตัวโมเดลตระกูล Nova อย่างต่อเนื่อง ถัดจาก Nova Reel โมเดลสร้างวิดีโอ ตามมาด้วย Nova Sonic โมเดลสร้างคำตอบเสียง ที่เป็นโมเดลตัวเดียวทำงานทั้งการเข้าใจเสียงพูด (speech understanding) และสร้างเสียงพูด (speech generation) ไม่ต้องแยกสองโมเดลทำงานอีกต่อไป

ความน่าสนใจของ Nova Sonic คือเป็นโมเดลแบบเสียง-เสียง (speech-to-speech) รับอินพุตเป็นเสียงพูด แล้วสร้างเอาต์พุตเป็นข้อความหรือเป็นเสียงก็ได้ สามารถทำงานแบบเรียลไทม์

หลัง Amazon เปิดตัวโมเดลตระกูล Nova ของตัวเองช่วงปลายปี 2024 ก็เริ่มทยอยปล่อยของอย่างต่อเนื่อง ก่อนหน้านี้มี Nova Act โมเดลที่ควบคุมเว็บเบราว์เซอร์ ล่าสุดเปิดตัว Nova Reel ปัญญาประดิษฐ์สร้างวิดีโอสั้นเวอร์ชันใหม่ 1.1

Nova Reel 1.1 ขยายเวลาของวิดีโอจากเดิม 6 วินาทีในเวอร์ชัน 1.0 มาเป็น 2 นาที (เป็นการสร้างวิดีโอ 6 วินาทีแบบ multiple-shot ต่อๆ กัน แต่สั่งได้จากพร็อมต์ครั้งเดียว) รองรับการสร้างคาแรกเตอร์สูงสุด 4,000 ตัว รวมถึงสามารถใส่ภาพอ้างอิงให้สร้างคาแรกเตอร์หรือซีนตามที่สั่งได้ด้วย

ตอนนี้ Nova Reel 1.1 เปิดให้ใช้งานแล้วบน Amazon Bedrock

Amazon เพิ่มความสามารถใหม่ในโปรแกรมอ่านอีบุ๊ก Kindle เรียกชื่อว่า Recapsเมื่อผู้อ่านต้องการทบทวนเนื้อหาในเล่มก่อนหน้านี้ สำหรับหนังสือที่เป็นชุด โดยเฉพาะกรณีที่ทิ้งช่วงในการอ่านนานจนลืมเนื้อเรื่องแล้ว

Recaps ทำงานด้วย Generative AI ที่ Amazon พัฒนา ร่วมกับการใช้คนตรวจสอบเนื้อหาตรวจทานซ้ำ ซึ่ง Amazon เตือนว่าเนื้อหาของ Recaps อาจเปิดเผยเนื้อหาสำคัญ (Spoiler) ของหนังสือเล่มนั้นด้วย

Recaps รองรับเฉพาะหนังสือแบบชุด มีผลเฉพาะผู้ใช้งานในสหรัฐอเมริกา เริ่มใช้งานผ่านฮาร์ดแวร์ Kindle ก่อน และจะเพิ่มในแอป iOS ต่อไป

หุ้นบริษัทเทคโนโลยีมีราคาลดลงมากเมื่อคืนนี้ หลังจากประธานาธิบดี Donald Trump ประกาศขึ้นภาษีนำเข้ามีผลทั่วโลกอย่างต่ำ 10% และสูงกว่านั้นในหลายประเทศ ซึ่งมีสัญญาณจากราคาหลังปิดตลาดหุ้น ตั้งแต่เมื่อวาน

ในหุ้นเทคโนโลยีกลุ่ม 7 นางฟ้าหรือ Magnificent Seven นั้น Apple ลดลงมากที่สุด โดยราคาหุ้นลดลง 9.3% เป็นการลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2020 จากความกังวลเพราะฐานการผลิตสินค้าหลักอยู่ในประเทศจีน ซึ่งภาษีนำเข้าเพิ่มเป็น 34%

คำสั่ง เลื่อนการแบน TikTok ในอเมริกากำลังจะสิ้นสุดลงในวันที่ 5 เมษายนนี้ ที่ผ่านมาประธานาธิบดี Donald Trump บอกว่า มีคนสนใจซื้อกิจการ TikTok ในอเมริกาหลายราย แต่ถึงตอนนี้ยังไม่มีข้อสรุปออกมาอย่างเป็นทางการ

ล่าสุด The New York Times อ้างแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้อง 3 ราย เปิดเผยว่า Amazon ได้ยื่นข้อเสนอนาทีสุดท้ายเพื่อซื้อกิจการ TikTok ในอเมริกาด้วยอีกราย อย่างไรก็ตามฝ่ายที่เกี่ยวข้องดูไม่ให้ความสนใจกับรายละเอียดข้อเสนอจาก Amazon มากนัก

Amazon และ TikTok ปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นต่อข่าวนี้

Amazon เปิดตัวโมเดลภาษาขนาดใหญ่ของตัวเองชื่อ Nova ในเดือนพฤศจิกายน 2024 หลังจากนั้น เริ่มนำมาใช้ในผลิตภัณฑ์คอนซูเมอร์อย่าง Alexa+ บ้างแล้ว

ล่าสุด Amazon เปิดตัว Amazon Nova Actโมเดลย่อยในตระกูล Nova ที่เทรนมาเพื่องานควบคุมการท่องเว็บผ่านเบราว์เซอร์โดยเฉพาะ เปิดทางให้เกิดงานสาย Agentic AI ที่นำ Nova Act ไปควบคุมหน้าเว็บต่างๆ ได้ง่ายผ่าน Nova Act SDK ที่เปิดให้นักพัฒนาภายนอกเข้ามาเชื่อมต่อ

Amazon เปิดตัว "Interest" ฟีเจอร์ใหม่ที่แนะนำสินค้าใหม่ด้วย AI ให้ตรงกับความสนใจของลูกค้าหรืองานอดิเรกที่ทำ โดย Amazon ยกตัวอย่างว่าลูกค้าอาจต้องการ gadget สำหรับการถ่ายภาพรุ่นล่าสุด, สินค้าที่ระลึกศิลปินที่ติดตาม หรืออุปกรณ์กีฬาตัวใหม่ ทั้งหมดนี้ Interest สามารถเข้ามาแนะนำสินค้าให้ตรงใจมากขึ้น

ผู้ใช้งานสามารถกำหนดสิ่งที่สนใจ โดยการเขียน prompt ระบุรายละเอียด งบจำกัด ไปจนถึงรายละเอียดอื่น เช่น "Brewing tools and gadgets for coffee lovers" หรือ "Model building kits and accessories for hobbyist engineers and designers" จากนั้น Interest จะค้นหาและแนะนำสินค้าใหม่ให้

Interest เริ่มทดสอบกับลูกค้าในอเมริกากลุ่มจำกัดก่อน จากนั้นจะทยอยขยายไปทั่วประเทศ

Amazon ส่งอีเมลแจ้งลูกค้าที่ใช้อุปกรณ์ลำโพงและจออัจฉริยะ Echo ว่าไม่สามารถตั้งค่าให้การทำงานเป็นโลคอล ไม่มีการส่งข้อมูลไปที่เซิร์ฟเวอร์ Amazon ได้แล้ว มีผลตั้งแต่ 28 มีนาคม เป็นต้นไป

ก่อนหน้านี้ Echo มีฟังก์ชันที่กำหนดได้ว่าไม่ให้ส่งบันทึกเสียงกลับไปที่ Amazon (Do Not Send Voice Recordings) แต่ประกาศนี้ระบุว่า Amazon ต้องการให้ข้อมูลเสียงทั้งหมดถูกส่งไปที่เซิร์ฟเวอร์ เนื่องจาก Alexa ได้เพิ่มความสามารถด้าน Generative AI มากขึ้น ทำให้ต้องใช้การประมวลผลผ่านระบบคลาวด์ของ Amazon ที่มีการเข้ารหัสและปกป้องความเป็นส่วนตัว จึงทำให้ตัดสินใจปิดการรันโลคอลไปเลย

สัปดาห์ที่แล้ว AWS เปิดตัวบริการใหม่ชื่อ Amazon GameLift Streamsเป็นระบบคลาวด์สำหรับให้ผู้ผลิตเกมมาโฮสต์ เพื่อให้ผู้เล่นสตรีมเกมผ่านคลาวด์ไปยังอุปกรณ์ต่างๆ (ผ่านเว็บเบราว์เซอร์) ที่ความละเอียดสูงสุด 1080p 60fps

AWS มีบริการด้านเซิร์ฟเวอร์สำหรับโฮสต์เกมชื่อ GameLift Servers อยู่ก่อนแล้ว แต่เป็นเซิร์ฟเวอร์สำหรับเกมออนไลน์ ให้ผู้เล่นเชื่อมต่อเข้าไปผ่านไคลเอนต์เกมปกติ รองรับผู้เล่นสูงสุด 100 ล้านคนพร้อมกัน เอาไว้ขายผู้พัฒนาเกมที่ไม่มีความเชี่ยวชาญทำเซิร์ฟเวอร์เอง

ตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาเมื่อคืนนี้ ราคาหุ้นของบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ 7 บริษัท หรือที่เรียกกันว่าหุ้น 7 นางฟ้า (Magnificent Seven) ต่างปรับลดลงมาก จนทำให้ภาพรวมดัชนี Nasdaq ลดลง 4% ซึ่งเป็นการลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนกันยายน 2022 ปิดที่ 17,468.32 จุด

ราคาหุ้น 7 นางฟ้าปรับลดลงดังนี้ NVIDIA ลบ 5%, Alphabet ลบ 4.4%, Meta ลบ 4.4%, Apple ลบ 4.9%, Microsoft ลบ 3.3%, Amazon ลบ 2.4% ส่วน Tesla ลบ 15.4%

นักวิเคราะห์ให้เหตุผลหลักที่ทำให้ราคาหุ้นปรับลดลงมากรวมทั้งกลุ่มเทคโนโลยี ว่ามาจากความกังวลเรื่องเศรษฐกิจในช่วงเดือนที่ผ่านมา รวมทั้งนโยบายของรัฐบาลสหรัฐทั้งการขึ้นกำแพงภาษี การตัดลบงบประมาณหน่วยงานรัฐ

Ethan Evans อดีตรองประธานบริษัทบิ๊กเทคอย่าง Amazon โพสต์ข้อความใน X เพื่อจะบอกให้โลกเข้าใจผู้บริหารว่า ทำไมพวกเขาถึงอยากให้พนักงานเข้าออฟฟิศนัก ไม่ใช่ว่าพวกเขาเลวร้ายมาก (จนต้องบังคับให้คนเข้าออฟฟิศทุกวัน) แต่เป็นเพราะพวกเขาอาศัยอยู่ในโลกคนละใบกับพนักงานนั่นเอง

Evans โพสต์เองเลยว่า เขาเป็น VP จาก Amazon ที่เคยมีประสบการณ์หุ้น Amazon พุ่งขึ้นถึง 9,082% มาแล้ว เขาไม่ได้อยู่ในชีวิตที่ยากลำบากเหมือนมนุษย์เงินเดือนทั่วไป การพูดถึงเรื่องความมั่งคั่งเป็นเรื่องต้องห้ามที่เหล่าผู้บริหารพยายามจะหลีกเลี่ยง ไม่พูดถึงมัน แต่เขาก็อยากจะอธิบายอะไรให้ฟังสักเล็กน้อย

Wondery บริษัทผู้ผลิตรายการพอดคาสต์ซึ่งปัจจุบันอยู่ในเครือ Amazon ยืนยันการปลดพนักงานจำนวนหนึ่ง โดยฝ่ายที่กระทบคือส่วนผลิตเนื้อหาและฝ่ายโฆษณา เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ Wondery ก็ปิดสำนักงานในบราซิลและเม็กซิโก

Amazon ซื้อกิจการ Wondery ในปี 2020 โดยไม่ได้เปิดเผยมูลค่าอย่างเป็นทางการ แต่มีรายงานตัวเลขที่ประมาณ 300 ล้านดอลลาร์ และปีที่แล้วบริษัทบุกตลาดพอดคาสต์มากขึ้นด้วยการเซ็นสัญญาผลิตรายการ New Heights with Jason and Travis Kelce ซึ่งมีสองพี่น้องนักกีฬาอเมริกันฟุตบอลชื่อดังร่วมรายการ มูลค่าสัญญา 100 ล้านดอลลาร์ เป็นเวลา 3 ปี

Amazon เปิดตัว Ocelotชิปควอนตัมต้นแบบที่บริษัทพัฒนาขึ้น โดยตั้งเป้านำมาใช้งานแก้ไขความผิดพลาดบนควอนตัมกับบริการ AWS

Amazon บอกว่า Ocelot มีจุดเด่นหลายอย่าง ทั้งการแก้ไขความผิดพลาดแบบ Bosonic ซึ่งทำได้ดีกว่าแนวทางคิวบิตแบบเดิม, ใช้เกตแบบ Noise-Biased ทำให้ได้การประหยัดต่อขนาดของฮาร์ดแวร์ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญของควอนตัมคอมพิวเตอร์เชิงพาณิชย์ และมีเวลา bit-flip ประมาณ 1 วินาที

รายละเอียดเพิ่มเติมของ Alexa+ บริการผู้ช่วยตัวใหม่ของ Amazon ที่นำ LLM มาเพิ่มความฉลาดให้มากขึ้น

Amazon อธิบายชัดเจนว่าสถาปัตยกรรมของ Alexa+ มีระบบ routing system ที่เรียกใช้โมเดลต่างๆ จากบริการ Amazon Bedrock ของ AWS ตามความเหมาะสมของงานที่ผู้ใช้สั่งมา โดยโมเดลที่ระบุชื่อแล้วคือ Amazon Nova ของบริษัทเองที่เปิดตัวช่วงปลายปี 2024 และ Claude ของ Anthropic ที่ Amazon ไปลงทุนเอาไว้ แต่ก็ไม่ได้บอกรายละเอียดมากนักว่าจะเลือกใช้โมเดลไหนในสถานการณ์ใด

Amazon เปิดบริการ Alexa+ ผู้ช่วยปัญญาประดิษฐ์พลัง LLM แบบเดียวกับ ChatGPT Plus, Gemini Advanced, หรือ Claude Pro แต่อาศัย ecosystem ของ Amazon เต็มรูปแบบ ทั้งลำโพง Echo, โทรทัศน์ Fire TV, บริการสตรีมมิ่ง Prime Video, และกล้องวงจรปิด Ring

ทาง Amazon ไม่เปิดเผยว่าใช้ LLM ตัวใดบ้างในการสร้าง Alexa+ แต่ระบุว่าเลือกใช้ตามงานที่ทำอยู่ (แบบเดียวกับ Apple Intelligence) แต่ที่เปิดเผยว่าใช้งานคือ Nova ของ Amazon เอง และ Cluade ของ Anthropic

ฟีเจอร์สำคัญของ Alexa+ ได้แก่

เครื่องอ่านอีบุ๊ก Amazon Kindle สามารถโอนถ่ายไฟล์จากในเครื่องอ่านมาแบ็คอัพไว้ในพีซี ผ่านสาย USB แต่ฟีเจอร์นี้กำลังจะถูกยกเลิกในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2025

ผู้ใช้ Kindle ยังสามารถรับไฟล์ผ่าน Wi-Fi โดยใช้หน้าเว็บ Send to Kindle หรือแอพ Kindle บนแพลตฟอร์มต่างๆ แต่จะไม่สามารถส่งไฟล์ผ่านสาย USB ได้อีกต่อไป และไม่สามารถดาวน์โหลดไฟล์จาก Kindle กลับมายังคอมพิวเตอร์ได้อีก

ที่มา - PC Mag

ก่อนหน้านี้มี รายงานข่าว เรื่องความขัดแย้งระหว่าง Amazon MGM Studios ธุรกิจสตูดิโอผลิตภาพยนตร์และซีรีส์ของ Amazon กับตระกูล Broccoli ที่ครอบครองสิทธิงานสร้างสรรค์ทั้งหมดของ James Bond 007 เนื่องจากมีมุมมองหลายอย่างที่ไม่ตรงกัน จนส่งผลให้การสร้างภาพยนตร์ James Bond ตอนใหม่ ไม่สามารถเริ่มต้นได้ จากปกติมีโครงการพัฒนาต่อเนื่องตลอด

ล่าสุดทั้ง Amazon MGM Studios และตัวแทนที่ถือสิทธิฝั่งตระกูล Broccoli คือ Barbara Broccoli และ Michael Wilson ออกแถลงการณ์ร่วมกันเพื่อตั้งบริษัทร่วมทุนระหว่างสองฝ่าย ซึ่งจะถือสิทธิที่เกี่ยวข้องกับ James Bond ทั้งหมด รวมทั้งสิทธิในการสร้างสรรค์ผลงานด้วย ข้อตกลงนี้ไม่มีการเปิดเผยมูลค่าออกมา

เมื่อวานนี้ Walmart เชนร้านค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐอเมริกา รายงาน ผลประกอบการประจำไตรมาส ซึ่งตัวเลขที่ออกมากลายเป็นประเด็นเล็ก ๆ ในวงการค้าปลีกสหรัฐ

Walmart รายงานว่าบริษัทมีรายได้รวม 180,554 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 4.1% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน ตัวเลขนี้ถูกนำไปเปรียบเทียบตัวเลข ผลประกอบการไตรมาสล่าสุดของ Amazon ซึ่งมีธุรกิจหลักเป็นค้าปลีกเช่นกันแต่อยู่บนออนไลน์ โดยมี รายได้รวม187,792 ล้านดอลลาร์ กลายเป็นไตรมาสแรกในประวัติศาสตร์ของ Amazon ที่บริษัทมีรายได้มากกว่า Walmart

Amazon ประกาศว่า Amazon Chime เครื่องมือติดต่อสื่อสารผ่านวิดีโอคอลสำหรับองค์กรแนวเดียวกับ Zoom หรือ Google Meet จะปิดให้บริการ มีผลในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ปีหน้า 2026 โดยจะปิดรับลูกค้าใหม่มีผลตั้งแต่วันนี้

ลูกค้า Amazon Chime ยังสามารถใช้งานบนแพลตฟอร์มได้ต่อตามปกติทั้งนัดหมายและจัดการประชุม จนถึงวันที่ 20 กุมภาพันธ์ปีหน้า แล้วข้อมูลทั้งหมดจะถูกลบออก ส่วนนักพัฒนาที่ใช้งาน Amazon Chime SDK จะไม่ได้รับผลกระทบจากการปิดบริการนี้

Amazon เพิ่มเครื่องมือให้ผู้ดูแลระบบสำหรับการย้ายข้อมูลไปยังแพลตฟอร์มติดต่อคุยงานอื่น เช่น AWS Wickr, Zoom, WebEx หรือ Slack แทน

Amazon แจ้งนักพัฒนาและประกาศในหน้าซัพพอร์ตสำหรับลูกค้า ว่าจะปิดให้บริการ Amazon Appstore บน Android ตั้งแต่วันที่ 20 สิงหาคมปีนี้ โดยนักพัฒนาจะไม่สามารถส่งแอปขึ้นสโตร์ได้ มีผลทันที ส่วนผู้ใช้งานจะไม่สามารถใช้ Amazon Appstore ได้หลังวันดังกล่าว ส่วนแอปที่ดาวน์โหลดมาผ่านช่องทางนี้ จะไม่มีการรับประกันว่าจะใช้งานบน Android ได้ตามปกติ

นอกจากนี้ Amazon ยังประกาศยุติโครงการ Amazon Coins ที่ใช้แทนมูลค่าในการซื้อแอปหรือรายการ In-App ในวันเดียวกัน ซึ่งหลัง 20 สิงหาคม หากผู้ใช้งานยังมี Coin เหลืออยู่ Amazon จะคืนเงินให้ในจำนวนเท่ากัน

ทั้งนี้ Amazon Appstore จะยังมีให้บริการต่อไปบน Fire TV และแท็บเล็ต Fire

หลังจาก Amazon Web Services, Inc. (AWS) ประกาศเปิดตัว AWS Asia Pacific (Thailand) Region อย่างเป็นทางการ ในประเทศไทย ล่าสุด ทางบริษัทได้มีการประกาศแนวทางการดำเนินงานปี 2025 ในประเทศไทยออกมา

ประเด็นแรก AWS บอกว่าจะปรับตัวตามการปรับใช้ปัญญาประดิษฐ์ของไทย ซึ่งข้อมูลจาก IDC บอกว่าปัจจุบัน องค์กรในประเทศไทยวางเป้าการใช้จ่ายในบริการด้านคลาวด์ 2 พันล้านบาท หรือประมาณ 12% ของงบประมาณด้าน IT ทั้งหมด แปลว่าโอกาสของ AWS ยังมีอยู่อีกมากกว่า 80% จากการที่กิจกรรมด้าน IT จะถูกโยกย้ายมาอยู่บนคลาวด์มากยิ่งขึ้น

Amazon แจ้งผู้ใช้งานปิดตัว Inspire ฟีเจอร์ค้นหาสินค้าด้วยรูปและวิดีโอแบบฟีดแนวตั้งสไตล์ TikTok ซึ่งเริ่ม เปิดให้ใช้งานตั้งแต่ปี 2022

ตัวแทนของ Amazon บอกว่าบริษัทมีการประเมินฟีเจอร์ต่าง ๆ ในแอป ว่าสอดคล้องกับความต้องการผู้ใช้งานในการค้นหา-ค้นพบสินค้าอยู่ตลอด ทำให้บริษัทตัดสินใจปิดฟีเจอร์ Inspire ดังกล่าว

Inspire ใช้รูปแบบการให้อินฟลูเอนเซอร์สร้างเนื้อหาและคลิปวิดีโอเพื่อแนะนำข้อมูลสินค้าในรูปแบบต่าง ๆ อย่างไรก็ตามการตอบรับนั้นไม่ดีนัก จึงอาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่ Amazon เลือกปิดตัวฟีเจอร์นี้นั่นเอง