
2-3 วันนี้ ชาว Blognone อาจได้ยินข่าวดราม่าระลอกใหม่ของ Facebook ประเด็นข้อมูลส่วนบุคคล ที่มีบริษัทนำข้อมูลผู้ใช้งาน Facebook ไปทำแคมเปญหาเสียงทางการเมืองในสหรัฐฯ ข่าวนี้กลายเป็นประเด็นถกเถียงครั้งใหญ่ในสหรัฐอเมริกา ทั้งในแง่ความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานและในแง่การเมืองสหรัฐ
เพื่อให้ผู้อ่านได้เข้าใจที่มาที่ไปของประเด็นดังกล่าว Blognone จึงสรุปเหตุการณ์ในบทความนี้
ทำความรู้จัก Cambridge Analytica และ แอพพลิเคชั่น thisisyourdigitallife
ก่อนจะเล่าที่มาที่ไปของเหตุการณ์ ต้องทำความรู้จักบุคคลสำคัญในประเด็นก่อน Cambridge Analytica หรือ CA คือบริษัทวิจัยข้อมูล ก่อตั้งที่ลอนดอน เน้นวัตถุประสงค์เพื่อกลยุทธ์การเมือง และการหาเสียงเลือกตั้ง
CA เป็นที่รู้จักในฐานะผู้ช่วยสำคัญในการวิจัยข้อมูลทำแคมเปญหาเสียงให้ Ted Cruz นักการเมืองพรรครีพับลิกัน ในปี 2015 และแคมเปญการถอนตัวของสหราชอาณาจักรจาก EU หรือ Brexit
CA ยังมีบทบาทสำคัญในการช่วยทำข้อมูล แคมเปญหาเสียงเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีของโดนัลด์ ทรัมป์ ในปี 2016
CA ตกเป็นที่วิจารณ์ในปี 2017 เมื่อสภาคองเกรสสืบสวนประเด็นข่าวปลอม และตั้งข้อสงสัยว่า CA อาจเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยแพร่กระจายข่าวปลอมจากรัสเซียบนโซเชียลมีเดีย โดยใช้วิธี microtargetting (การสื่อสารกับผู้มีสิทธิเลือกตั้งแต่ละคน โดยใช้ช่องทางหลากหลาย เช่น โทรศัพท์, อีเมล, สื่อวิทยุโทรทัศน์, โฆษณาออนไลน์ เป็นต้น)
ภาพจาก Cambridge Analytica
ตัวละครสำคัญในเรื่องนี้อีกคนคือ Dr. Aleksandr Kogan อาจารย์ด้านจิตวิทยาของ University of Cambridge ในสหราชอาณาจักร ผู้สร้างแอพพลิเคชั่น thisisyourdigitallife เป็นแอพทำนายบุคลิกภาพโดยใช้มูลทางจิตวิทยา
แอพดังกล่าวใช้การล็อกอินผ่านบัญชี Facebook โดยมีสิทธิได้ข้อมูลต่างๆ จากผู้ใช้งาน Facebook (ที่สมัครใจให้ข้อมูล) เช่น สิ่งที่แชร์, ไลค์, ข้อมูลเพื่อนๆ มีใครบ้าง เป็นต้น
thisisyourdigitallife มีผู้ใช้งาน 270,000 ราย ปัญหาคือในอดีตนั้น API ของ Facebook เปิดให้แอพสามารถดึงข้อมูลเพื่อนใน Friends list ของเราได้ด้วย ส่งผลให้ thisisyourdigitallife สามารถเข้าถึงบัญชีผู้ใช้อื่นที่เกี่ยวข้องได้อีก 50 ล้านราย (ภายหลังในปี 2015 Facebook ปรับข้อตกลงการใช้งาน หยุดให้บริการ API ที่ปล่อยแชร์ข้อมูลในลักษณะดังกล่าวแล้ว)
จนกระทั่งในปี 2015 Facebook ได้รับรายงานว่า Kogan ส่งต่อข้อมูลที่ตัวเองมี ไปให้บริษัท Cambridge Analytica และ SCL Group (Strategic Communication Laboratories) บริษัทแม่ของ Cambridge Analytica รวมถึงมีผู้ชายอีกคนคือ Christopher Wylie จากบริษัทข้อมูล Eunoia Technologies ที่ทำงานให้ CA ด้วย
การส่งต่อข้อมูลนี้ถือว่าละเมิดกฎของแพลตฟอร์ม ทาง Facebook จึงได้ทำข้อตกลงกับทั้งสาม (SCL, Kogan และ Wylie) ให้ทำลายข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้ไปจากแอพ thisisyourdigitallife ทิ้งไปเสีย ทั้งสามก็ยอมทำตามแต่โดยดี
ดราม่าระลอกใหม่เกิดขึ้น เมื่อ Facebook พบว่า ข้อมูลส่วนบุคคลยังไม่ถูกทำลาย
วันที่ 17 มีนาคม 2018 Facebook ออกมาประกาศผ่านเว็บของบริษัทว่า ได้แบนบัญชี CA และ SCL Group บริษัทแม่ ด้วยเหตุผลว่า CA ไม่ทำตามข้อตกลงว่าจะทำลายข้อมูลผู้ใช้งาน Facebook ที่ได้มาโดยไม่ถูกต้องทิ้ง
Facebook ระบุด้วยว่า แม้ Kogan จะสามารถเข้าถึงข้อมูลนี้ได้อย่างถูกต้อง และเข้าถึงผ่านช่องทางที่เหมาะสม แต่การที่ Kogan ส่งต่อข้อมูลให้ผู้อื่นนั้นผิดกฎแพลตฟอร์ม
Facebook ระบุว่าจะสอบสวนเรื่องนี้เพิ่มเติม และจะดำเนินการตามกฎหมายกับ CA/SCL ด้วยถ้าจำเป็น อย่างไรก็ตาม มีข้อสงสัยว่าข้อมูลหลุดออกมาจาก Facebook เองหรือไม่ ซึ่ง Facebook ก็ยืนยันว่าข้อมูล ไม่ได้หลุดจากระบบ
ด้าน CA ก็ออก แถลงการณ์โต้ว่าตนลบข้อมูลแล้ว ตามข้อตกลงที่ทำไว้
มีรายงานจากเว็บไซต์ Channel 4 News แอบส่งนักข่าวปลอมตัวไปคุยกับ Alexander Nix ซีอีโอของ CA และแอบถ่ายคลิปตอนพูดกันมาเผยแพร่ เมื่อนักข่าวถามเกี่ยวกับกลยุทธ์ของบริษัทในการขุดคุ้ยข้อมูลของพรรคการเมืองฝั่งตรงข้าม Nix พูดว่า "ส่งผู้หญิงสวยๆ ไปที่บ้านของผู้สมัคร" เป็นเชิงว่าเอาภาพหลุดมาทำลายชื่อเสียง (Mr. Nix said they could “send some girls around to the candidate’s house”, adding that Ukrainian girls “are very beautiful, I find that works very well”.)
อย่างไรก็ตาม ในคลิป มีอีกคนคือ Mark Turnbull กรรมการผู้จัดการของ CA Political Global เขาระบุว่า เราจะไม่ส่งสาวสวยไปล่อลวงนักการเมือง การทำแบบนั้นมันข้ามเส้น (ในคลิป นาทีที่ 11.50)
ในรายงานของ Channel 4 News ระบุด้วยว่า CA มีลูกค้าเป็นนักการเมืองทั่วโลก เช่น ไนจีเรีย, เคนยา, สาธารณรัฐเช็ก, อินเดียและอาร์เจนตินา นอกเหนือจากข้อกล่าวหาเรื่องดูดข้อมูลจาก Facebook แล้ว CA ยังเป็นศูนย์กลางข่าวฉาวเรื่องการแพร่กระจายข้อมูลปลอมหลายครั้ง โดย Turnbull พูดเองเลยว่า การจะทำแคมเปญเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ใช้ข้อเท็จจริงนั้นไม่ได้ผล ต้องใช้สิ่งกระตุ้นอารมณ์จึงจะได้ผล (ช่วงนาทีที่ 7.41 ในคลิป)
Facebook เจอแรงต้านอีกครั้ง
ในขณะที่ยังไม่ชัดเจนว่าความผิดพลาดเกิดจากใคร ใครเป็นฝ่ายต้องรับผิดชอบ และดูท่าว่าเรื่องนี้จะต้องเกาะติดอีกยาวกว่าจะได้ข้อสรุปที่ชัดเจน แต่สังคมก็รู้สึกไม่พอใจไปแล้ว เพราะประชาชนไม่รู้มาก่อนว่าข้อมูลของคนถูกใช้ประโยชน์ในทางใดบ้าง
ข่าวข้อมูลหลุดครั้งนี้ สร้างแรงกระเพื่อมต่อ Facebook อย่างหนักจากหลายด้าน ดังนี้
- ผู้ใช้ที่ไม่พอใจ Facebook ก่อกระแสต่อต้าน #DeleteFacebook ในทวิตเตอร์ มีการแชร์วิธีลบบัญชี Facebook ออกกันยกใหญ่
- หน่วยงานภาครัฐในยุโรปออกมา แสดงความกังวลต่อ Facebook และระบุว่าจะใช้มาตรการกฎหมายที่เป็นไปได้ทั้งหมด รวมทั้งกฎคุ้มครองข้อมูลใหม่ GDPR ที่จะบังคับใช้ในเดือนพฤษภาคมด้วย
- หุ้น Facebook ร่วง
- หัวหน้าฝ่ายความปลอดภัยของข้อมูล Facebook เตรียมลาออก เนื่องจากมีความเห็นขัดแย้งภายในกับฝ่ายบริหาร ต่อวิธีการที่บริษัทควรจัดการกับเรื่องปัญหาข้อมูลข่าวสาร
ที่มา
Comments
เลิกเล่นไปนานแล้ว สบายใจดี มีเวลาชีวิตเหลือเยอะเลยทีนี้
อยากรู้ว่ามีสาย liberal คนไหนมาใช้บริการมั่งไม๊ หรือมีแต่สาย conservative
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
ใน clip เค้าบอกว่า
"We wouldn't send a pretty girl out to seduce a politician" ไม่ใช่หรอครับ"There are companies that do this but to me that cross the line"
เค้าแค่จะยกว่า มีคนทำอะไรประมาณนี้ แต่เค้าไม่ทำ
+1
ข่าวแปลผิดแบบไปทางตรงกันข้ามเลยครับตอนนี้เป็นบริษัทแล้ว น่าจะต้องมีการ proof ก่อน publish มากขึ้นนะครับ
คงเห็นส่วนที่แก้ไขแล้ว แต่เหตุการณ์ดูจะซับซ้อนหน่อย ตอนนี้ Nix เหมือนยอมรับแล้วว่าพูดจริง (แม้ไม่อยู่ในคลิป) แต่ก็ชี้แจงเหตุการณ์จากมุมมองฝั่งตัวเอง
ไหนๆ แล้วผมเลย เขียนเป็นอีกข่าว จะได้ให้พื้นที่ใกล้เคียงกันนะครับ
lewcpe.com , @wasonliw
+1
นั่นสิ ช่วง 11:50-12:05 ก็มี transcript จากต้นฉบับไว้ให้ด้วยเลยนี่หน่า ไม่น่าพลาดๆ
ประโยคที่ Nix พูดแปลจากข่าวต้นทางเขียนว่า Mr. Nix said they could “send some girls around to the candidate’s house”, adding that Ukrainian girls “are very beautiful, I find that works very well” ต้นทาง
ส่วนคนที่พูดในคลิปคือ Mark Turnbull กรรมการผู้จัดการของ CA Political Global อย่างไรก็ตามได้เพิ่มสิ่งที่เขาพูดเข้าไปในข่าวแล้วค่ะ ต้องขอบคุณและขออภัยค่ะ
โดยใช้มูลทางจิตวิทยา -> โดยใช้ข้อมูลทางจิตวิทยา
ปกติ ผมไม่ค่อยใส่ข้อมูลส่วนตัว ใน Facebook profile นะอีเมล์ งาน, ธุรกรรมการเงิน, Social media ผมแยกหมด
ใน facebook ก็มีแค่ชื่อสกุลจริงต้องเข้าใจว่ามันเป็นพื้นที่สาธารณะ ถึงแม้เราจะตั้งค่าบางส่วนให้ private or only friends เราต้องระมัดระวัง ไม่ใส่ข้อมูลสำคัญลงไปเอง
แต่ๆๆ Facebook page ที่บูสโพสต์ มันต้องใส่เลข บัตรเครดิต ทิ้งไว้
ตอนเล่นใหม่ๆ ก็อยากทำสวยๆ ข้อมูลครบๆ มันคูลดี แต่พอเล่นมานานๆ ก็ไม่อยากให้มีรูป มีข้อมูล มีอะไรของตัวเองเยอะเกินไป รู้สึกว่าโลกโซเชียลเล่นแรกๆ มันดึงดูดมาก แต่พอเล่นมาซักพักหลายๆ อย่างมันก็ไม่ค่อยโอเค
ใครที่สงสัยว่า CA ทำยังไงรีบไปดูที่ DW Documentary นางเคยทำสารคดีไว้ แล้วบอกหมดทุกอย่างเลย
แต่ที่แปลกกว่าคือ สารคดีชุดนั้นหายไปจาก DW Channel แล้วเว้ยยยยยค่ะซิสสส
แต่มีคนโหลดเก็บไว้ ที่ link นี้ค่าาาา https://www.youtube.com/watch?v=fdClC7E8QHE เริ่ดๆๆ รีบๆ ไปดู