ประเด็นสำคัญของโลกไอทีปี 2019 ที่ต้องจับตาคือ Windows 7 จะหมดระยะซัพพอร์ตในวันที่ 14 มกราคม 2020เท่ากับว่าเราเหลือเวลาอีก 1 ปีพอดีก่อนที่ระบบปฏิบัติการจะหมดอายุ
ตามปกติแล้วไมโครซอฟท์มีระยะเวลาซัพพอร์ตระบบปฏิบัติการนาน 10 ปี โดยแบ่งเป็นช่วง mainstream support ที่แก้บั๊ก-ออกแพตช์-เพิ่มฟีเจอร์ ในช่วง 5 ปีแรก และช่วง extended support ที่ออกแค่แพตช์ความปลอดภัยในช่วง 5 ปีหลัง
กรณีของ Windows 7 ออกตัวจริงในเดือนกรกฎาคม 2009 มาถึงตอนนี้ก็เกือบครบ 10 ปีแล้ว โดยไมโครซอฟท์ยืดระยะซัพพอร์ตให้อีกเล็กน้อย ไปจบที่เดือนมกราคม 2020
สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือ Windows 7 จะไม่ได้รับแพตช์ความปลอดภัยใดๆ อีกต่อไป นั่นแปลว่ามีความเสี่ยงอย่างมากที่จะถูกแฮ็กข้อมูลหรือโจมตีด้วยวิธีการต่างๆ
ประเด็นเรื่องระบบปฏิบัติการหมดอายุไม่ใช่เรื่องใหม่ และเราเคยเห็นกรณีแบบเดียวกันมาแล้วกับ Windows XP ถึงแม้ในมุมของผู้ใช้ทั่วไปอาจไม่รู้สึกได้ผลกระทบมากนักจากการไม่มีแพตช์ แต่ผู้ใช้ในองค์กรที่ความปลอดภัยของข้อมูลเป็นเรื่องสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ เรื่องนี้จึงต้องใส่ใจอย่างมาก
ข้อมูลจาก Net Marketshare ระบุว่า Windows 7 ยังเป็นระบบปฏิบัติการเดสก์ท็อปที่มีส่วนแบ่งตลาดสูงสุด คิดเป็น 41% ของผู้ใช้งานเดสก์ท็อปทั้งหมด ถ้าดู สถิติอย่างเป็นทางการจากไมโครซอฟท์เมื่อช่วงกลางปีนี้ ยังมีผู้ใช้งาน Windows 7 อีก 184 ล้านเครื่อง และตัวเลขนี้ไม่รวมผู้ใช้ในประเทศจีนด้วย
สถิติของ Blognone รอบ 30 วันล่าสุด มีผู้ใช้ Windows 7 คิดเป็น 27% ของผู้ใช้ Windows ทั้งหมด (Windows 10 มี 64%) หรือคิดเป็น 6% ของผู้เข้าชมเว็บไซต์ทั้งหมด
ผู้ใช้เหล่านี้คงต้องพิจารณากันว่าในเวลาอีก 1 ปีกว่าๆ ที่เหลืออยู่ จะหาทางขยับขยายจาก Windows 7 กันอย่างไร
ทางออกของผู้ใช้ทั่วไปคงหนีไม่พ้นการอัพเกรด และสิ่งที่หลายคนอาจไม่เคยรู้มาก่อนคือ Windows 10 ต้องการสเปกขั้นต่ำเท่ากับ Windows 7นั่นคือซีพียูความถี่ 1GHz, แรม 1GB (2GB สำหรับ 64 บิท), พื้นที่ฮาร์ดดิสก์ 16GB (20GB สำหรับ 64 บิท) ก็สามารถรัน Windows 10 ได้
ส่วนผู้ใช้องค์กรยังมีอีกทางเลือกนอกจากการอัพเกรด คือการอยู่กับ Windows 7 ต่อไป แล้ว ซื้อบริการแพตช์ความปลอดภัยเพิ่มเติม หรือ Extended Security Updates (ESU) ได้อีก 3 ปี (จนถึงมกราคม 2023) แต่ราคาก็จะแพงขึ้นเรื่อยๆ ทุกปี
การซื้อบริการ ESU ถือเป็นการซื้อเวลาชั่วคราว เพราะถึงปี 2023 ระยะซัพพอร์ตจะจบลงอย่างสมบูรณ์ เมื่อไปถึงจุดนั้นก็ต้องอัพเกรดอยู่ดี หากไม่ติดประเด็นอะไรที่สำคัญจริงๆ การอัพเกรดตั้งแต่ตอนนี้อาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
การอัพเกรดระบบปฏิบัติการไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะการอัพเกรดข้ามเวอร์ชันใหญ่ที่ใช้กันมายาวนาน แต่สุดท้ายก็เป็นทางเลือกที่หนีไม่พ้น และถ้าองค์กรใส่ใจกับการลงทุนด้านไอทีมากพอ การเปลี่ยนผ่านจาก Windows 7 ถือเป็นประเด็นสำคัญที่สุดของปี 2019 ด้วยซ้ำ
Windows 7 ถือเป็นระบบปฏิบัติการที่ดีมากตัวหนึ่ง โดดเด่นทั้งแง่ฟีเจอร์ เสถียรภาพ และความสะดวกในการใช้งาน แต่ระบบปฏิบัติการทุกตัวมีช่วงอายุขัยของมัน ช่วงเวลาของ Windows 7 ผ่านมาเกือบสิบปี และคงได้เวลาที่ต้องลาจากกันแล้ว
หมายเหตุ:Windows 8.1 หมดระยะซัพพอร์ตในวันที่ 10 มกราคม 2023 ส่วน Windows 10 ขึ้นกับรุ่นย่อย ตามตารางด้านล่าง ข้อมูลอื่นๆ ดูได้จาก Windows lifecycle fact sheet
Comments
อย่างนี้องค์กรเล็กๆเอาไปลงเถื่อนได้มั้ยครับ หรือว่าก็ผิดลิขสิทธ์อยู่ดี ถามเอาความรู้เฉยๆครับ -..-
ผมว่าลงทุนอัพเกรดไปดีกว่าครับ ถ้าไม่อยากโดนจับเพราะลิขสิทธิ์
หมดระยะ Support ไม่ได้หมายความว่าลิขสิทธิจะหมดไปด้วยครับ ลงเถื่อนไม่ว่าจะเป็น XP, 7 หรือ 10 ก็ผิดลิขสิทธิเหมือนกันหมด
จริง ๆ Windows 10 เดี๋ยวนี้ถูกมากแล้ว ยิ่งซื้อพร้อม Notebook แทบจะไม่ต้องเสียเงินเพิ่มสักเท่าไรเลย ซื้อเถอะครับ
ถ้าไม่มีงบ ก็ใช้ windows เก่าไปก็ได้ครับ อย่าลงเถื่อนเลยครับ โดนแจ้งขึ้นมาอ่วม
และแล้วที่ออฟฟิตจะได้อัพเป็น win10 ซักกะที
บางทีก็อยากอัพเดตนะ แต่เครื่องเก่ารันไม่ได้ หรือทำงานไม่ไหวก็มีครับ จะไป linux ก็ทำไม่ได้อีก ระบบงานไม่รองรับ ปัญหาเยอะจริงๆ
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
ปัญหานี้ที่ผมเห็นมันแบ่งเป็นสองกลุ่มนะครับ
1. กลุ่มที่ต้องใช้งาน software เก่ามากๆ เช่นพวกคุมเครื่องจักร บางทียังต้องคง Windows 95 ไว้ก็มี
2. กลุ่มที่กังวนว่า upgrade แล้ว user experience เปลี่ยนไหม จะเข้ากับ program เก่าได้ไหม อันนี้ก็อีกกลุ่ม
กลุ่มแรกคงอัพไม่ได้ล่ะครับเพราะมัน dependency สูงลิบลิ่ว มียกเครื่องจักรใหม่ทั้งชุดไม่ใช่ถูกๆ
กลุ่มสองอันนี้ปรับได้บ้างครับ ก็ต้องเริ่มจากทำใจแล้วปรับตัวนั่นแหละ เห็นใจทั้งคนทำ OS / Software แลัวก็คนใช้งานอยู่ แต่ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรงจริงๆ แนะนำให้อัพครับ จะเป็น Android / Linux / macOS / Windows
กลุ่มสองอาจจะต้องมีผู้เสียสละบ้าง (ที่เก่าก็ผมไง) แต่ถ้าอัพแล้วไม่มีปัญหาก็ดีครับ ค่อยๆอัพไป แต่ถ้ามีก็จะมีเหยื่อคนเดียว ผมเองก็ไม่แนะนำให้อัพทั้งแผงหรอกครับ พังทีละก็หนาวดึ๋งแน่ๆ
ถ้าโปรแกรมเฉพาะมากๆแนะนำให้ตัดออกจากเน็ตเวิร์คครับ และกำหนดเงื่อนไขการใช้ให้รัดกุม เช่น ห้ามเสียบเฟลชไดร์ฟใดๆ เพราะไม่ชั่วร์ว่าจะมีไวรัสไหม ถ้าเป็นไปได้ก็หา Bluetooth usb มาเสียยครับเวลาจะเอางานเข้าออกก็โอนผ่าน Bluetooth ก็ลดความเสี่ยงไปได้มากแล้ว
ตัว OS ก็ปลอดภัยระดับหนึ่งอยู่แล้ว ไม่ต้องมีแพทอะไรมาก แอนตี้ไวรัสก็พึ่งพาจาก Third party ก็ยังได้พอบอกว่าไม่มีแพทแล้ว จะได้ไปซื้อ Win10 กันมากขึ้น
?
ถึงกะพูดไม่ออกเลยทีเดียว
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
เป็นอะไรที่สุดจริง
พอ ms ประกาศเลิก support win7 แล้วเดี๋ยวพวก 3rd party ก็เริ่มเตรียมหยุด support win7 เหมือนกัน เอากำลังคนไปลง win อันใหม่ๆ กันหมด
เหมือน win xp ไงหละ
แพตช์ที่ออกมาแต่ละตัว ได้ดูบ้างหรือเปล่าครับ ระดับวิกฤตเพียบ
ถึงบอกว่าไม่ใช่คอมฯ องค์กร ไม่มีข้อมูลสำคัญ
แต่คอมฯ ที่ไม่ได้รับแพตช์ก็จะถูกใช้เป็นฐานยิงหรือแพร่กระจายอยู่ดี
บางช่องโหว่มาจาก os โดยตรงครับ software ไหนก็กันไม่ได้หรอกครับ
โปรดอย่านำคอมพิวเตอร์เครื่องนั้นต่อกับ internet นะครับ เดี๋ยวท่านอาจกลายเป็นอาชญากรโดยไม่รู้ตัว
แค่ประกาศให้ aware รถยนต์ยังประกันแสนโลเลย
แล้ววิน10ที่อัพเดทแล้วมีปัญหาบ่อยๆมันเคลียร์ได้รึยัง
ผมอัปเดตมาโดยตลอด ก็ไม่มีปัญหาอะไรนะครับ (Win 10 Home N บน Virtualbox)
คอมทั้งห้องสมุดมหาลัยเลยนะเนี่ย
หืมม ไม่ใช่ว่า MS สนับสนุนด้านการศึกษาหรอครับ และนอกจากมหาลัยจะได้ windows แท้เเล้ว นักศึกษากลุ่ม IT ยังได้โปรแกรม และวินโดว์แท้กันหมดมูลค่าร่วมแสน ต่อคนเลยนะ**MS imagine
อยากให้มีการพัฒนา Linux สำหรับคนไทยอีกครั้ง
วินโดว์เวอร์ชั่นที่ดีที่สุดสำหรับผม T^T
พอใกล้จะถึงวันนั้น ผมเดาว่าไมโครซอฟท์น่าจะยืดระยะเวลาไปอีกครับ แต่จะยืดไปอีกนานเท่าไหร่ขึ้นกับจำนวน % การใช้งานที่ยังเหลืออยู่ หรืออย่างน้อยหากไม่ยืดเวลาไปอีก แต่ถ้ามีช่องโหว่ร้ายแรงขึ้นมาอีก ก็คงออก Patch มาแก้ให้เป็นครั้งคราวไป เหมือนอย่างของ Windows XP ที่ออกมาให้กลางปี 2017 ทั้งที่หมดระยะ Support ไปแล้ว
ผมเดาว่าจะน่าจะให้ upgrade เป็น Windows 10 beta edition แลกกับการทดสอบ OS แทนการใช้งานฟรี
พอไปย้อนอ่านตั้งแต่สมัย Windows XP หมดระยะซัพพอร์ต แล้วกลับมาดูตอนนี้ ทุกอย่างแทบไม่ต่างกันเลยโดยเฉพาะคนที่ยังคงดึงดันใช้ Windows เก่าต่อไป ถ้าไม่ใช่ว่าอุปกรณ์นั้นๆหรือของโรงงาน องค์กรอะไรก็ตามแต่ ไม่รองรับ Windows 10 แล้วเป็นคอมทั่วไปที่ใช้งานได้ก็ขอให้อัพเถอะครับ
แค่มนุษย์คนนึงที่อยากรู้เกี่ยวกับวงการไอที