
จากประเด็นกฎหมายใหม่ออสเตรเลีย News Media Bargaining Code บังคับแพลตฟอร์มออนไลน์จ่ายเงินให้สำนักข่าว ทำให้เฟซบุ๊กต้องออกมาตอบโต้ด้วยการประกาศปิดกั้นสื่อและผู้ใช้งานในออสเตรเลียจากการการมองเห็นและแชร์ข่าวเสียเลย
เฟซบุ๊กบอกด้วยว่า เดิมทีกฎหมายนี้เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างแพลตฟอร์มและสำนักข่าวผิดตั้งแต่แรกอยู่แล้ว โดยเฟซบุ๊กมีสองทางเลือกคือ ทำตามกฎหมายแต่โดยดี โดยละเลยความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น หรือหยุดเสนอเนื้อหาข่าวในออสเตรเลียไปเสียเลย ซึ่งเฟซบุ๊กเลือกอย่างหลัง
ผู้ผลิตเนื้อหาและสำนักข่าวในออสเตรเลีย จะถูกจำกัดไม่ให้แบ่งปันหรือโพสต์เนื้อหาใดๆ บนเพจ โดยแอดมินยังใช้งานเครื่องมือหลังบ้านของเฟซบุ๊กได้ทั้ง Page insights, Creator Studio, CrowdTangle ส่วนสำนักข่าวในต่างประเทศนั้น พวกเขายังสามารถเผยแพร่เนื้อหาข่าวบนเฟซบุ๊กต่อไปได้ แต่ผู้ใช้งานชาวออสเตรเลียจะไม่สามารถดูหรือแชร์ลิงก์และโพสต์ข่าวได้ นอกจากนี้ ผู้ใช้งานในประเทศอื่นๆ ก็จะไม่สามารถมองเห็นข่าวสารในออสเตรเลียผ่านเฟซบุ๊กได้
เฟซบุ๊กบอกด้วยว่า สิ่งนี้จะเป็นผลเสีย เพราะปีที่ผ่านมา เฟซบุ๊กได้สร้างการอ้างอิงถึงผู้เผยแพร่โฆษณาในออสเตรเลียฟรีประมาณ 5.1 พันล้านคน มูลค่าประมาณ 407 ล้านเหรียญออสเตรเลีย ส่วนกำไรทางธุรกิจจากข่าวสารก็มีน้อยมาก น้อยกว่า 4% จากที่ผู้คนเห็นใน News Feed การรับข่าวสารเป็นส่วนสำคัญในสังคมประชาธิปไตย นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ เฟซบุ๊กสร้างเครื่องมือฟรีเพื่อสนับสนุนองค์กรข่าวทั่วโลกในการสร้างสรรค์เนื้อหา
ด้านผู้ใช้งานออสเตรเลีย ก็พบว่าตัวเองเข้าถึงเนื้อหาข่าว และเนื้อหาสำคัญอื่นๆ อย่างเพจข่าวและหน่วยงานสุขภาพบนเฟซบุ๊กไม่ได้ รัฐบาลออสเตรเลียบอกว่าท่าทีเช่นนี้ของเฟซบุ๊ก กำลังบั่นทอนความน่าเชื่อถือของตัวบริษัทเอง Paul Fletcher รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการสื่อสาร กล่าวว่า เฟซบุ๊กต้องคิดอย่างรอบคอบว่าสิ่งนี้มีผลต่อชื่อเสียงและจุดยืนของตัวเองอย่างไรบ้าง
เรียกได้ว่าท่าทีของเฟซบุ๊กอยู่ตรงข้ามกับกูเกิลชัดเจน โดยกูเกิลมีท่าทียอมผ่อนปรนกับกฎหมายมากกว่า และเริ่มมีการทำข้อตกลงกับสำนักข่าวในออสเตรเลียแล้ว
Comments
ตรงข่าม > ตรงข้าม
จากการการ ?
รายได้ไม่คุ้มก็ต้องถอย
จริงๆเห็น google ออกตัวแรงขู่ขนาดนั้นก็นึกว่าจะทำแบบนี้เหมือนกัน
เดี้ยวจะ evil เกินไปแต่เอาจริง ๆ ก็มองว่ากม.นี้ของออสเตรเลียค่อนข้างจะเกินไปอยู่เหมือนกัน
เอาจริง ๆ ก็มองว่าไม่ใช่หน้าที่ของ Platform ที่ต้องมาจ่ายเงิน Sub สำนักข่าวที่ขาดรายได้จากโฆษณา
แล้วยิ่งบาง Platform ข่าวพวกนี้มาลงได้เพราะ user เอาข่าวมาลงเองอีก เจ้าของ Platform ต้องมาจ่ายเงินให้?
เอาจริง ๆ กม.ฉบับนี้บังคับใช้กับ Platform แบบไหนบ้าง เว็บบอร์ดทั่วไปด้วยไหม? หรือแค่เจ้าใหญ่ ๆ อย่าง facebook google (twitter?)
ถ้า Google ยอมถอย ก็มี Microsoft Bing คอยเสียบอยู่ รอดูสิว่าอะไรจะมีเข้ามาเสียบแทน Facebook
แต่ Facebook นี่เข้าใจว่าคนที่เผยแพร่ข่าวคือผู้ใช้กับตัวสำนักข่าวเอง ถ้าโดนห้ามด้วยแบบนี้มันจะกลายเป็นว่าต่อจากนี้ผู้ใช้จะแชร์ข่าวบน Platform ใดๆไม่ได้เลยหรือเปล่า? สำนักข่าวถ้าอยากเผยแพร่ข่าวตัวเองบน Platform อื่นก็ต้องให้เขาจ่ายเงินให้งี้เหรอ? หรือ Facebook แค่ปิดเผื่อไว้ก่อน?
google น่าจะมีรายได้จากข่าวมากกว่า คนค้นหาข้อมูลในกูเกิ้ลต้องการอ่านข่าวหรือบทความตรงๆส่วนเฟชบุ๊ค มันเหมือนที่แชร์รูป ส่วนข่าวสารก็สามารถมาจากคนในเฟซสร้างข่าวกันเองได้
ถ้าเกิดในบ้านเมืองนี้ก็เจอถล่มหนักหน่วง (ไม่ใช่เฟซบุ๊ค)
ขนาดเก็บภาษี eservice เข้ารัฐแท้ ๆยังโดนถล่มยับ .... 5555+++
คนที่ไม่ใช่ ทำอะไรก็ผิด
+1
+555
จริงครับ มีรายได้จากประเทศไทยก็ต้องเสียภาษีให้ประเทศไทยเป็นเรื่องที่ถูกแล้ว
คนที่โวยก็มี 2 ประเภทคือด่ารัฐแบบไม่ลืมหูลืมตากับกลัวค่าบริการแพงขึ้น
แพงขึ้นไม่ได้กลัวครับแต่ที่เค้าด่าเพราะรัฐบาลไม่เหลือความน่าเชื่อถือหรือเปล่าครับ ภาษีที่เอาไปก็เงินเรา คนจ่ายแพงขึ้นก็เรา แต่เอาไปใช้ไม่เกิดประโยชน์ ตรวจสอบก็ไม่ได้ ไล่จับคนเห็นต่าง วันๆเอาแต่ด่าประชาชน แล้วเราจะจ่ายแพงขึ้นเพื่ออะไรครับ
ขอเคสที่ว่ารัฐไล่จับคนเห็นต่างหน่อยครับ
เข้า Google แล้วพิมพ์คำว่า "จับคนเห็นต่าง" เลยครับ เยอะมากจนบอกไม่ไหว
เยอะเลยครับ มาจากข่าวสายแดง พรรคกาว แล้วก็สัมภาษม๊อป ทั้งนั้น ถ้าจะดูว่าเจอเยอะคือถูกต้องนี่คงไม่ใช่นะ
ถ้าท่านคิดแบบนั้นจริง ผมว่าอย่าคุยกันดีกว่าครับ
ถ้าแค่นี้ยังมองไม่เห็นความจริงตรงหน้า เราคุยกันไม่รู้เรื่องแล้วละครับ
ไม่แปลกนะ ในเมื่อสำนักข่าวอื่น ๆ ที่นำเสนอข่าวฝั่งม็อบก็ทยอยถูกปิดไปหมด คิดว่าเราคาดหวังอะไรจากสำนักข่าวหลักได้ เอาจริง ๆ ใน WSJ, NYT, BBC, CNN ก็มีให้อ่านนะถ้ามีความพยายามมากขึ้นมาอีกสักหน่อย หรือจะบอกว่าพวกอเมริกาเป็นพวกไม่น่าเชื่อถือขึ้นมาอีกล่ะ หรือจะบอกว่าสื่อที่น่าเชื่อถือต้องมาจากสื่อที่ได้รับการรับรอง หรือสื่อทางการเท่านั้น ถ้าใช่ก็คงไม่ต้องคุยกัน เพราะคงไม่น่าจะคุยกันรู้เรื่องเพราะอคติมันบังตา
5555 ตรงเกิ๊น
เห็นต่าง และ ผิดกฏหมาย ด้วยครับ ^^
ผิดกฎหมายที่พากันแก้กันเองแล้วมีคนไม่ยอมรับกฎหมายนั้นเยอะขนาดนี้ ถ้าจะยังยอมรับกฎหมายนั้นก็แล้วไป เพราะคิดว่าคนที่เดือดร้้อนเพราะกฎหมายนั้นไม่น่าจะใช่คุณ แต่ก็อย่าเอาตัวเองไปเทียบกับคนอื่น ๆ ที่เดือดร้อนอยู่
จากสถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบัน ออกข่าวกันทุกวันขนาดนี้ ยังต้องให้ผมยกตัวอย่างอีกจริงๆหรือครับ
จะไม่มีคำถามนี้ถ้าหากหมั่นติดตามข่าวสารด้านการเมือง ซึ่ง... เอาจริง ๆ ถ้าติดตามข่าวทั่วไปก็ควรจะเห็นนะ นอกจากจะไปตามเฉพาะข่าวในโทรทัศน์ ข่าว Manager ข่าว Nation และอื่น ๆ ที่ไมนำเสนอข่าวของอีกฝั่งหนึ่ง
ที่เค้าออกมาประท้วงล่าสุดก็เรียกร้องให้ปล่อยตัวคนที่ถูกจับไปไงครับ ไม่ได้ตามข่าวเลยหรือเชื่อจริงๆว่าเค้าสมควรถูกจับ?
จนท.เขาก็บอกอยู่ ถ้าไม่ได้รับความยุติธรรม ก็ฟ้อง จนท.รัฐ ให้ถูกไล่ออกจากราชการไปเลย
ใน 5-6 เดือนมานี่ ไม่เห็นฟ้องซักกะราย
เพราะไม่มีทนายกล้าทำคดี เพราะ ถ้าฟ้องเท็จทนายจะโดนร่างแหไปด้วย
เหมือนเคสครูปรีชากับทนาย ที่โดยทนายตั้มตลบหลังฟ้องกลับ
จับคดีฝ่าฝืน พรก.ฉุกเฉินเนี่ยนะ
I need healing.
เชื่อแบบคุณนี่ง่ายดีนะครับ เค้าว่าอะไรก็เชื่อตามนั้น ใช้ชีวิตแบบไม่ต้องมีความคิดวิเคราะห์เป็นของตัวเองก็คงสบายดี ยินดีด้วยครับ
ไม่ขออธิบายต่อเพราะคงเสียเวลา คนที่ตั้งใจปิดหูปิดตาตัวเองผมคงไม่สามารถไปช่วยแหกตาอะไรเค้าได้
เชื่อแบบเข้าข้างตัวเอง ก็ง่ายดีนะครับ ^^
หมายถึงผมหรือครับ? ข้อความข้างต้นผมเชื่อแบบเข้าข้างตัวเองตรงส่วนไหนครับ
แล้วไม่ต้องมาทิ้งท้ายเป็นหน้ายิ้มก็ได้นะครับถ้าไม่ใช่เจตนา
ถูกจับ ฟ้องกลับก็ไม่ได้ เพราะ ขนาดสารเสพติด ยังถูกให้กลายเป็นแค่แป้ง
การ Live สด มีต้นทุนมหาศาล สำหรับ Harddisk ที่เก็บวิดีโอพวกนั้น
แล้วใครช่วยจ่ายให้ Facebook บ้าง ถ้าไม่ใช่เงินจากการโฆษณา
แล้วมันคืนทุนหรือยัง ? หรือมีแต่จ่ายเพิ่ม เพื่อขยายรองรับผู้ใช้งานไปเรื่อยๆ
ตัดลูกค้าทิ้งไปบ้าง แล้วโกยเงินกับลูกค้าชั้นดีอย่างเมืองไทย น่าจะคุ้มกว่า
คิดเอาเองว่าออสน่าจะเสียหายจะเหตุการณ์นี้มากกว่า เพราะ platform ใหญ่ยังขนาดนี้ แล้ว platform เล็กๆจะทำยังไง น่าจะวุ่นวายฝุ่นตลบกันไปหมด กว่าจะสงบน่าจะเหนื่อย เหมือนมีเรื่องกับจีนแล้วจีนยกเลิกการซื้อถ่านหินออส ก็ไม่รู้ว่าจัดการไปถึงใหนแล้ว ถ้าทุกๆ platform ป้องกันตัวกันหมด คนที่จะออกมาประท้วงคือประชาชนออสนี่แหละ
เคสนี้ค่อนข้างเห็นด้วยกับการกระทำของ Facebook นะ
รบ.ออสคิดเข้าข้างตัวเองไปมากเลย ไม่ได้มองภาพรวมอื่นๆ