Twitter ประกาศมติของบอร์ดบริหาร หลังจาก มีรายงานข่าว ว่าจะทำให้ Elon Musk ซื้อกิจการ ทั้งหมดยากขึ้น ซึ่งวิธีการดังกล่าว บริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นสามารถเลือกทำได้ เมื่อเกิดการพยายามซื้อกิจการอย่างไม่เป็นมิตร หรือ Hostile Takeover โดยวิธีที่บอร์ดบริการลงมติเป็นเอกฉันท์ให้ใช้มีชื่อเรียกว่ากลยุทธ์ Poison Pill หรือการวางยาพิษ
โดยรายละเอียดอย่างเป็นทางการนั้น Twitter จะออกแผนพิเศษสำหรับผู้ถือหุ้นทั้งหมด หากมีใครหรือกลุ่มบุคคลใดพยายามซื้อหุ้นบริษัทจนมากกว่า 15% ของหุ้นสามัญทั้งหมด และไม่ได้ขอมติผ่านบอร์ดบริหาร แผนการพิเศษจะเริ่มใช้งาน ซึ่งผู้ถือหุ้นปัจจุบันทุกคน ยกเว้นผู้พยายามซื้อหุ้นและมากกว่า 15% จะได้สิทธิซื้อหุ้นออกใหม่ในราคาส่วนลด (รายละเอียดเบื้องต้นคือ ได้ 2 หุ้นใหม่ ที่ราคาปัจจุบันของ 1 หุ้น)
วิธีการป้องกันการถูกซื้อกิจการแบบ Poison Pill นี้จะทำให้มูลค่าหุ้นลดลงในระยะสั้น เนื่องจากหุ้นจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นมาก ขณะที่มูลค่ากิจการยังเท่าเดิม กระทบต่อผู้ถือหุ้นปัจจุบันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้หากเกิดขึ้น แต่ก็ทำให้ผู้ต้องการซื้อกิจการจะต้องใช้เงินที่มากขึ้นในการไล่ซื้อหุ้นนั่นเอง
แผนพิเศษนี้จะมีผลใช้ไปจนถึง 14 เมษายน 2023 ปีหน้า ทั้งนี้บอร์ดของ Twitter ระบุว่าหากมีข้อเสนอซื้อกิจการที่เหมาะสม ก็ยังสามารถนำมาพิจารณาได้อีกครั้งระหว่างที่แผนพิเศษนี้มีผลอยู่
Comments
พวก LGTVHD+ SJV ณ หอคอยงาช้างแห่งทวิตเตี้ยนแลนด์ สั่นสะท้านกันแล้วสินะ 555
I am using LG TV. And I am TRIGERRED!
Hello, Triggered. Nice to meet you.
เดี๋ยวๆๆ ชงเองตบเองเลยเหรอครับ ?
มีคนเหงาครับ
รีบครับ เดี๋ยวโดนแย่งเล่นมุกฟาย
ส่วน Tumblr ที่ต้องการคนมาซื้อแต่ไม่ค่อยมีใครสนใจ Tumblr เคยเสรีมากถึงขั้นโพสต์ chemsex (เล่นยาระหว่างเซ็กซ์) กลายเป็นเรื่องปกติ แต่พอโดนกวาดล้างคนก็หนีไปแหล่งอื่นๆ twitter บ้าง discord บ้าง telegram บ้าง แต่ก็ไม่สามารถเสรีเท่า Tumblr
Why are you punching yourself bro
โห .. ซื้อ Tumblr ก็เหมือนซื้อ 4Chan ถ้าไม่เทพจริง คุมไม่อยู่เลยนะครับ
Tumblr = Feminine SJW Headquarters
ช่วงพีก ๆ นี่ MEMES Feminine นี่เกิดจากผู้ทรงคุณวุฒิของบอร์ด Tumblr ล้วนๆ
ปล. แน่จริงจัด Dashcon อีกรอบสิ อยากให้จัดใหม่มากเลยนะ
แนวนี้ คนที่ถือหุ้นอยู่เฉย ๆ ก็เน่าแล้ว เพราะราคาหุ้นจะลดลงทุกครั้งที่เกิดการซื้อหุ้น แบบนี้ เทขายแล้วซื้อใหม่ แล้วเทขายอีก ซื้ออีกเรื่อย ๆ น่าจะรวย
ดูแล้วน่าทำอะไร Elon ไม่ได้หรอกมั้ง ถ้าขายไม่สำเร็จผู้บริหารก็เตรียมโดนผู้ถือหุ้นฟ้องหมู่ จากการเทขายแบบ dump จนมิดดินได้เลย
“ วิธีการป้องกันการถูกซื้อกิจการแบบ Poison Pill นี้จะทำให้มูลค่าหุ้นลดลงในระยะสั้น เนื่องจากหุ้นจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นมาก ขณะที่มูลค่ากิจการยังเท่าเดิม กระทบต่อผู้ถือหุ้นปัจจุบันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้หากเกิดขึ้น แต่ก็ทำให้ผู้ต้องการซื้อกิจการจะต้องใช้เงินที่มากขึ้นในการไล่ซื้อหุ้นนั่นเอง”
งงว่าทำไมคนที่จะซื้อหุ้นทั้งหมดต้องใช้เงินเยอะขึ้น ก็ในเมื่อมูลค่าบริษัทเท่าเดิม เพิ่มแค่จำนวนหุ้นและราคาต่อหุ้นก็ลดลงด้วย
ถ้าจะซื้อทั้งหมดก็ราคาต่อหุ้นก็น่าจะถูกลงด้วยรึเปล่า ก็ยังสามารถใช้เงินเท่าเดิมในการซื้อได้นี่
หลักๆคือทำให้หุ้นที่ Musk ซื้อไปแล้วติดดอยครับ เพราะ Musk จะไม่ได้สิทธิ์ซื้อหุ้นที่ออกใหม่ในราคาพิเศษ แต่นักลงทุนคนอื่นได้สิทธิ์นี้กันหมด พอหุ้นทั้งบริษัทมันเพิ่มขึ้นก็ทำให้สัดส่วนที่ Musk ถืออยู่น้อยลงไป (ถ้าจากแผนคือถ้าถือเกิน 15% จะเริ่มใช้แผนนี้ ผมเลยจะสมมติว่า Musk ถือไปแล้ว 15%) พอทำ Poison Pill ก็อาจจะเหลือสัดส่วนแค่ 7.5% หรือน้อยกว่านั้น ทีนี้ถ้าจะทำให้ตัวเองกลับไปถือ 15% เหมือนเดิมก็ต้องไปหาเงินมาซื้อเพิ่มครับ
แผนการพิเศษจะเริ่มใช้งาน ซึ่งผู้ถือหุ้นปัจจุบันทุกคน จะได้สิทธิซื้อหุ้นออกใหม่ในราคาส่วนลด (รายละเอียดเบื้องต้นคือ ได้ 2 หุ้นใหม่ ที่ราคาปัจจุบันของ 1 หุ้น) ยกเว้นผู้พยายามซื้อหุ้นและมีหุ้นมากกว่า 15%
อันนี้คือที่ผมเข้าใจครับ สรุปคือ คนที่โดนยกเว้นต้องซื้อหุ้นเพื่อรักษา % ถือของหุ้นของตัวเองจะต้องเสียเงินมากกว่าคนอื่นเท่าตัวครับ
ขอบคุณทั้งสองคอมเม้นข้างบนครับ ทำให้ผมเข้าใจมากขึ้นแต่ที่ผมสงสัยเพิ่มคือ ถ้าเค้าไล่ซื้อรวดเดียว(ไล่ซื้อไปเรื่อยๆก็น่าจะได้หรือเปล่า เพราะให้สูงกว่าราคาตลาด 38%)จนเป็นผู้ถือใหญ่แล้วก็ยกเลิกระเบียบนี้(ได้หรือเปล่า) หรือไม่ออกหุ้นเพิ่ม Poison Pill ก็จะไม่มีผลกับเขา เพราะยังไงก็จะเอาออกจากตลาดหุ้นอยู่แล้ว
ประมาณว่าถ้า Twisster ไม่ออกหุ้นเพิ่ม แล้ว Musk ซื้อจนได้เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ก็ออกเอาออกจากตลาดหุ้นได้
ปล. ผมไม่ได้เล่นหุ้น แค่อ่านและแปลตามเนื้อข่าว มีอะไรก็แนะนำได้ครับ
เป็นมาตรการที่ทำให้ซื้อเหนื่อยขึ้น แต่ไม่ได้ห้ามซื้อ ถ้าสายป่านยาว อยากทำก็ทำไป
ทำได้ครับ แต่กว่าจะถึงจุดนั้นได้ต้องเหนื่อยขึ้นเป็นเท่าตัวครับ เพราะพอ Musk ซื้อหุ้นได้เกิน 15% หุ้นก็จะถูกปั้มเพิ่มมาอีก ทำให้สุดท้าย Take over อาจจะไม่คุ้มกับเงินที่จ่ายไปครับ