กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ประกาศขยายเกณฑ์การขออนุญาตส่งออกสินค้าเทคโนโลยีสูงไปยังบริษัทจีน จากเดิมอาศัยเกณฑ์แบนวิดท์การส่งข้อมูลเข้าออกชิป มาเป็นเกณฑ์ประสิทธิภาพรวม ทำให้กระทบบริษัทอย่าง NVIDIA ที่เคยสามารถออกชิปรุ่นพิเศษสำหรับขายในตลาดจีนได้
นอกจากการปรับหลักเกณฑ์สินค้าที่ต้องขออนุญาตก่อนส่งออกแล้ว ยังกำหนดเงื่อนไขเพิ่มเติมสำหรับบริษัทที่ห้ามขายสินค้าให้ ครอบคลุมไปถึงบริษัทใดๆ ก็ตามที่บริษัทแม่อยู่ในจีน แม้ตัวบริษัทที่ซื้อสินค้าจะอยู่ในประเทศอื่น นอกจากนี้ยังมีรายชื่อประเทศเฝ้าระวังที่ต้องแจ้งเตือนรัฐบาล หรือการขายสินค้าที่ไม่เข้าเกณฑ์ห้ามส่งออกอย่างการ์ดจอเล่นเกมก็ต้องแจ้งรัฐบาลเพื่อตรวจสอบการใช้งานสำหรับ AI เช่นกัน
แนวทางนี้นับเป็นการปิดช่องที่ NVIDIA เคยออกชิปรุ่นพิเศษให้หลุดเกณฑ์ห้ามส่งออกของรัฐบาลสหรัฐฯ แถมยังคงขายดีมียอดสั่งซื้อล่วงหน้าจำนวนมาก หลังประกาศนี้ออกมาหุ้น NVIDIA ก็ตกลงไปประมาณ 5%
ที่มา - Bureau of Industry and Security
Comments
หลอนแล้ว
WE ARE THE 99%
แบนแล้วแบนอีก เด่วปีหน้าก็แบนอีก สุดท้ายก็ไม่รู้จะแบนอะไร จีนจะทำเองได้หมด
ถ้าไม่รู้จะแบนอะไรแปลว่ามาตรการมันสำเร็จครับ ปัญหา (ในมุมมองคนออกมาตรการ) คือแบนไปแต่ยังซื้อได้รัวๆ เพราะมันมี workaround ตามมาตรการเดิม
lewcpe.com , @wasonliw
มันมีวัตถุประสงค์การแบนอยู่นะ เพื่อขัดขวางหรือชลอพัฒนาการของจีน แต่เมกาก็ยังต้องการขายสินค้าให้จีนอยู่ แต่สินค้าที่ขายต้องไม่ช่วยพัฒนาการของจีน ทั้ง AI, semiconductor อย่าง A800/H800 ก็ทำมาตาม limit ที่เมกาออกแบบไว้แต่แรก แต่จีนยังสามารถนำไปเทรน AI ได้และไม่ได้ทำให้พัฒนาการด้าน AI ของจีนหยุดลง นั้นเป็นเหตุผลว่าทำไมต้องออกมาตรการเพิ่ม ดังนั้นถ้าแบนจนไม่มีอะไรจะแบนแต่จีนยังพัฒนาได้อีก นั้นก็คือมาตรการไม่ได้ผล แต่ถ้าแบนแล้วพัฒนาของจีนหยุดลงทำให้ไม่มีอะไรต้องแบนอีกนั้นคือมาตรการได้ผล แต่คุณคิดว่าอย่างใหนหละ
แบนเขามากมายแต่เขายังพัฒนาได้ แถมตัวเองยังเดือดร้อนอีก
ถ้าแบนจนไม่มีอะไรจะแบนแต่จีนยังพัฒนาได้นั่นแหละคือเหตุผลที่ต้องแบน
อยากให้แบน tiktok
หมายถึงอยากให้แบนในสหรัฐหรือว่าในไทยครับ
both
แบนไลน์ด้วยจะดีมาก
การค้าเสรี... 😑
ถ้าจะยึดหลักนี้ก็ต้องใช้มาตรฐานเดียวกัน ไม่ใช่จีนควบคุมแต่เมกาไม่มีสิทธิควบคุมแบบนี้ก็ไม่เสรีสิ ในเมื่อไม่มีข้อตกลงกันตั้งแต่แรกแล้วจะเรียกหาเสรีอะไรงงจริงๆ
จีนไม่เคยเคลมว่าตัวเองเสรี ต่างจากอเมริกานะครับ
ไม่มีประเทศไหนในโลกนิยามว่าตัวเองเป็นการค้าเสรีในแบบที่คุณเข้าใจเอาแค่การตั้งกำแพงภาษีที่เป็นนโยบายทางเศรษฐกิจก็ไม่ค้าเสรีแล้ว
พอเห็นหนี้เมกา แล้วรู้เลยว่าทำไมจะสูญเสียความเป็นพี่ใหญ่เบอร์1 ของโลกให้ใครไม่ได้เด็ดขาด
คนซื้อก็ซื้อผ่านตัวแทนอีกทีละมั้ง สมัยก่อนอเมริกายังซื้อของฝ่ายตรงกันเลย
บางทีมันก็โจ่งครึ่มเกินไปนะ
เพราะนิสัยแบบนี้หละ ถึงมีกระแสเกลียดอเมริกันค่อนข้างเยอะ นอกจากเรื่องค่าเงินดอลลาร์, การสงคราม กับการแทรกแซงการเมืองประเทศอื่นๆ
ตอนนี้หลายๆ ชาติก็หันไปหาจีน อินเดีย รัสเซีย และชาติอื่นๆ เป็นพันฐมิตรแทน เกิดกระแสอวยต่างๆนาๆ วนเรื่อยไปไม่รู้จบ
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
ถ้าว่ากันตามตรง แต่ละคนก็ทำเพื่อประเทศตัวเอง ซึ่งเอาเข้าจริง การหันไปหาประเทศอื่นๆ อย่าง จีน ก็ไม่ได้น่ารักไปกว่ากันเท่าไร
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเร็วๆนี้ก็ Belt & Road initiative ของจีน จีนได้ประโยชน์มากจากการลากเส้นทางเดินรถไฟผ่านครึ่งโลกไปถึงยุโรป โดยแต่ในแต่ละประเทศที่ผ่าน ก็จมกับกองหนี้ (มองโกเลีย, ลาว, ศรีลังกา ฯลฯ) จนต้องอาจต้องต่อรองขอปรับโครงสร้างหนี้แลกกับสิทธิ์ที่จีนจะได้เพิ่มขึ้นไปอีก (จากเดิมที่ได้อยู่แล้ว)
หรือ กรณี 9-dash line ที่ลากยาวไปรุกเขตน่านน้ำเศรษฐกิจของฟิลิปปินส์ เวียดนาม อินโดนีเซีย โดยที่ตัวเองไม่เคยควบคุมได้มาหลายสิบปี
หันไปหา จีน อินเดีย รัสเซีย และชาติอื่นๆ เป็นพันธมิตรแทนคืออะไร?
พันธมิตรเรื่องอะไร? แล้วทำไมต้องแทน แทนทำไม ประเทศอะไรที่ตัดเมกาจากพันธมิตรแล้วไปหาสามชาตินี้แทน?
มาตั้งทฤษฎีสมคบคิดกาวๆอะไรทำไมไม่ชี้มาเลยว่าเรื่องอะไรประเทศไหนทำอะไรยังไง
มาพูดคลุมเครือจับแพะชนแกะแบบนี้งงมาก
ถ้าแค่เรื่องเกลียดชาติโน้นชาตินี้จีนกับรัสเซียที่ว่ามาน่าจะเยอะกว่าเมกาอีกนะ
ที่ผมออกความเห็นเนี่ย มันมีคนคิดแบบนี้จริงๆ ส่วนอันที่ผมยกตัวอย่างมา ก็อ้างอิงมาจากเรื่องจริง แล้วก็จากการกระทำของสหรัฐฯ ทั้งดีและร้ายที่เกิดขึ้นมาอย่างยาวนาน มันก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่จะเกิดทฤษฎีสมคบคิดขึ้นมา
อย่างค่าเงิน USD ก็มีความพยายามจากธนาคารกลางให้คงค่าเงินไว้อยู่ รวมถึงการปรับดอกเบี้ยด้วย ในขณะที่หนี้สินของรัฐบาลสหรัฐฯ มันสูงขึ้นเรื่อยๆ ส่วนหนึ่งก็มาจากตรงนี้ - ตรงนี้ก็เลยเกิดกระแสไปหาเงินหยวน รูเบิล หรือแม้แต่ Crypto ที่โม้กันสารพัดว่าจะเบียด USD จนตอนนี้ไม่เหลือค่าอะไรแล้ว
เรื่องสงครามและการแทรกแซงทางการเมืองก็มีอยู่เรื่อยๆ ทั้งอัพกานิสถาน อีรัก ไต้หวัน จีน รัสเซีย ล่าสุดก็อิสราเอล มันมีมาเรื่อยๆ ครับ แล้วต่อให้ทางสหรัฐฯ จะมีวัตถุประสงค์หรือเหตุผลแบบไหนออกมา ต่อให้เป็นฝ่ายถูก มันก็เกิดกระแสตอบรับและต่อต้านได้อยู่ครับ
ส่วนการแบนการนำเข้า และ/หรือ ส่งออกสินค้าและเทคโนโลยี ก็มีอยู่เรื่อยๆ ครับ ไม่ใช่แค่จีน กับรัสเซีย แล้วก็เมื่อก่อนก็มีการกีดกันการค้าจากชาติที่เป็นมิตรกับสหรัฐฯ มาแล้ว ทั้งการจำกัดการนำเข้าและเพิ่มมาตรการภาษี ยกตัวอย่างตอนน้ำมันขาดแคลนในสหรัฐฯ ช่วงยุค 70 ก็น่าจะเห็นภาพอยู่ ส่วนปัจจุบันก็เห็นได้ชัดจากสงครามการค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯ ตรงนี้มันเลยเกิดกระแส Anti-US เพิ่มขึ้นไปอีก
ในส่วนของเรื่องพันฐมิตร มันเป็นได้หลายแบบ ทั้งการทหาร การฑูต การท่องเที่ยว การเงิน การค้า และการพัฒนาโครงสร้าง เป็นต้น ซึ่งเกิดได้จากผลประโยชน์ ความร่วมมือทั้งสองชาติ และกระแสสังคมในประเทศด้วย ในบ้านเราก็มีโครงการรถไฟความเร็วสูงที่มีความร่วมมือกับจีน การยกเว้นภาษีนำเข้ารถจากจีน และการสนับสนุนนักท่องเที่ยวจีนเข้าประเทศในช่วงโควิด เป็นต้น
ทั้งหมดที่กล่าวมา ผมแค่อธิบายเฉยๆ ว่าทำไม และเหตุอะไรมันถึงเกิดกระแส Anti-US ขึ้นมาแค่นั้นเอง ไม่ได้เข้าข้างใครด้วย ไม่ได้อวยใครทั้งนั้น แล้วที่ผมออกความเห็นเนี่ย ก็กรองมาจากข่าวสาร และสารคดีตาม Youtube ที่ผมตามๆ อยู่มาหลายปี
ปล. แล้วทำไม่ต้องมาด่าในความเห็นผมด้วย ก็เพราะความเห็นแบบนี้แหละ ผมถึงไม่ค่อยอยากออกความเห็นสักเท่าไหร่ ไม่ว่าจะเว็บไหนก็ตาม
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
รัฐเมกา มีอำนาจ เหนือ บริษัท ด้วยเหรอ สั่งบังคับได้ด้วย
เป็นการใช้อำนาจรัฐผ่านทางกฏหมายครับ แตกต่างกับจีนที่เรียกได้ว่าสั่งบริษัทโดยตรง
lewcpe.com , @wasonliw
เดี๋ยวจีนก็ทำเองได้หมดอยู่ดี ของก็ไม่ได้ขาย
ละเมิดสิทธิบัตร หรือเครื่องหมายการค้า ก็ฟ้องแพ้อยู่ดี จีนทำได้แน่นอน
ในทางกลับกัน จะได้เห็นวันที่จีนแบนเทคโนโลยีกับเมกาบ้างไหมเนี่ย ฮา
google facebook ทำไปก่อนนานแล้ว และประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีด้วย ทำให้หลายเจ้าขึ้นมาใหญ่(ในจีน)ได้เท่ากับ google หรือ facebook เลย