บริษัทไอทียักษ์ใหญ่หลายราย เช่น Google, Meta, Amazon, Intel, Siemens, Stripe ทยอยถอนตัวจากการเข้าร่วม Web Summit งานสัมมนาด้านไอทีที่ใหญ่ที่สุดของยุโรป หลัง Paddy Cosgrave ซีอีโอของ Web Summit โพสต์วิจารณ์นักการเมืองชาติตะวันตกที่ให้การสนับสนุนอิสราเอลในสงครามกับฮามาส
Web Summit จัดงานสัมมนาในภายทวีป แต่งานใหญ่ประจำปีคือ Web Summit Europe ที่เมืองลิสบอน ประเทศโปรตุเกส งานปีนี้จัดขึ้น 13-16 พฤศจิกายน 2023
หลังความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับฮามาสรอบใหม่ปะทุขึ้นมา Cosgrave ซึ่งเป็นชาวไอร์แลนด์ ออกมาวิจารณ์ฝ่ายอิสราเอลว่าก่อ "อาชญากรรมสงคราม" และกดไลค์ข้อความทวีตของฝ่ายสนับสนุนฮามาสหลายอัน ทำให้กลุ่มสตาร์ตอัพสัญชาติอิสราเอลไม่พอใจ และทยอยถอนตัวจากการเข้าร่วม Web Summit กัน รวมถึงส่งผลไปยังคนดังในแวดวงสตาร์ตอัพประเทศอื่นๆ ด้วย ตัวอย่างคนดังที่ถอนตัวคือ Garry Tan ซีอีโอของ Y Combinator โครงการบ่มเพาะสตาร์ตอัพชื่อดังของสหรัฐ
ปัญหาของ Web Summit ยังลุกลามไปถึงบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Meta, Google, Amazon, Stripe, Intel, Siemens ที่ถอนตัวจากการเข้าร่วมงาน (แม้ Google เป็นสปอนเซอร์ใหญ่ของงานก็ตาม)
ส่วน Cosgrave ประกาศขอโทษบนเว็บไซต์ Web Summit ยอมรับว่าใช้คำพูดผิดไปจนกระทบจิตใจของคนอิสราเอล โดยใจจริงของเขาต้องการสันติภาพและเห็นใจทั้งสองฝ่าย
ที่มา - The Independent , Bloomberg , VentureBeat , Bloomberg
โพสต์ต้นเรื่อง
I’m shocked at the rhetoric and actions of so many Western leaders & governments, with the exception in particular of Ireland’s government, who for once are doing the right thing. War crimes are war crimes even when committed by allies, and should be called out for what they are.
— Paddy Cosgrave (@paddycosgrave) October 13, 2023
ตัวอย่างคนในวงการสตาร์ตอัพอิสราเอลที่ถอนตัวจากงาน
I was looking forward to participating in and speaking at WebSummit. In light of these comments that show a complete lack of moral clarity, I have no choice but to cancel my participation. I know I am joining several other people in making this decision.I unequivocally condemn…
— Gil Dibner 🇮🇱 (@gdibner) October 15, 2023
โพสต์ถอนตัวของ Garry Tan ซีอีโอของ Y Combinator
I refuse to appear at Web Summit and am canceling my appearance. I condemn Hamas and pray for peace for the Israeli and Palestinian people. https://t.co/0m2DiDsRJI pic.twitter.com/dkyCuwuJfi
— Garry Tan 陈嘉兴 — e/acc (@garrytan) October 16, 2023
Tens of speakers & sponsors already canceled participation in @WebSummit , including @Intel , @Siemens , @Lightricks , @wiz , @sequoia , @Accel , @insightpartners , @BessemerVP , @a16z , @Gilliana and that's a very partial list. How come participants can't get a #refund ? #CancelWebSummit pic.twitter.com/sCrzp9AwCs
— Hanan Brand (@HananBrand) October 20, 2023
The founder of Web Summit infuriated key conference speakers with his tweets after Hamas’ attacks on Israel. Now he’s a case study for what not to do. https://t.co/DJDdFPBEza
— FORTUNE (@FortuneMagazine) October 21, 2023
Comments
เลือกข้างผิดชีวิตเปลี่ยน
เสรีภาพในการพูด... 😑
มันเป็นแบบนี้อยู่แล้วนะครับ เสรีภาพในการพูด หมายถึงสิทธิ์ที่จะพูดอะไรก็ได้โดยไม่ถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย แต่ผู้พูดก็ต้องรับผลของการพูดด้วยเช่นกัน
และการพูดเพื่อสร้างความขัดแย้ง, ข่มขู่, ใส่ร้าย, เหยียด หรือมุ่งหวังเพื่อทำลายทรัพย์สิน และ/หรือชีวิตของผู้อื่น ไม่ถือเป็นเสรีภาพในการพูด และผิดกฎหมายด้วย
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
เขาก็มีสิทธิ์พูดนะครับ แต่คนอื่นก็มีสิทธิ์ไม่เห็นด้วยนี่ครับ ? ไม่เห็นว่าจะมีทหารหรือใครเอาปืนไปจ่อเอากฎหมายไปขู่ไม่ให้พูดบางเรื่องเหมือนบางประเทศแถวนี้
That is the way things are.
มันเข้าใจยากตรงไหน
เขาก็ไม่ได้ห้ามพูด ไม่ได้จับติดคุก
แต่คนอื่นก็มีสิทธิ์ที่จะไม่เห็นด้วย เขาไม่เห็นด้วยก็ไม่อยากเจอหน้า เขาไม่ได้มาทำอะไรผิดกฏหมายนี้
แสดงว่า ไม่ได้สังเกตเลย ว่าแนวคิดทุนนิยมประชาธิปไตยที่เราถูกปลุกฝัง
มันแค่ย้ายอำนาจจากรัฐไปสู่นายทุน
เพื่อให้กลายเป็นรัฐพ่อค้านายทุน
เหมือนเรื่องเซ็นเซอร์
ที่ถ้ารัฐเป็นคนเซ็นเซอร์จะรู้สึกต่อต้าน
แต่ถ้าเป็น FB YT ฯลฯ ทำ จะถือว่าเป็นสิทธิของเขา
แต่กรณีนี้คือ
ถ้าพูดแล้วถูกรัฐตอบโต้ลงโทษ จะรู้สึกต่อต้าน
แต่ถ้าเป็นนายทุนที่คุมเศรษฐกิจตอบโต้ลงโทษ จะถือว่าเป็นสิทธิของเขา
นี่แหละครับ เค้าถึงบอกว่าทุนนิยมนี่มันเชี่ยจริงๆ เพราะแม้คุณจะต่อต้านทุนนิยม แต่คุณก็ต้องอาศัยประโยชน์จากมัน
ข้อเสียนี้ เป็นข้อเสียโดยตัวมันเองหรือถูก manipulate จนเกิดข้อเสียแบบนี้ขึ้น?
แล้วเราควรต้านเหมือนที่เราต้านการผูกขาด หรือ ปล่อยมันไป?
อยากให้เป็นยังไงอ่ะครับ ด่าลูกค้า แล้วลูกค้าไม่ชอบใจ ไม่อยากใช้สินค้า ไม่อยากใช้บริการ คนนอกที่เห็นเหตุการณ์มาบอกลูกค้าไม่ควรคิดหยุมหยิม เพราะมันคือเสรีการพูด และไม่ควรขู่ว่าจะเลิกใช้บริการแม้เค้าจะด่าชาติกำเนิดของลูกค้าก็ตาม
แบบนี้เหรอ? ผมไม่ได้เถียงนะ สติปัญญาผมคิดได้แค่ว่าถ้าผู้ให้บริการทำให้ลูกค้าอิดหนาระอาใจ ผลมันก็ออกมาเป็นแบบนี้ หรือมันต้องมีมุมอื่นให้คิดด้วย? อันนี้สอบถามนะ ไม่รู้จริงๆ
การไม่เข้าร่วมงานแบบนี้มันใช้อำนาจทุนตรงไหนถึงจะเปรียบเทียบกับอำนาจรัฐ ไปด่าคู่ค้าแล้วพอคู่ค้าไม่อยากร่วมงานด้วยก็มานั่งถามหาเสรีภาพในการด่าของตัวเอง
ถอนตัวจากงานก็เสรีภาพเช่นกัลไม่ได้ไปฆ่าใครหรือวางระเบิดคนไม่เห็นด้วยอ่ะนะ
คนอื่นก็มีเสรีภาพที่จะโต้ตอบกลับอย่างสันติเช่นกัน :)
ดูเหมือนจะไม่เข้าใจแนวคิดพื้นฐานของเสรีภาพในการพูด
ตามทฤษฎี เสรีภาพในการพูด คือ สิทธิจะพูดได้อย่างเสรี ไม่ถูกกำกับด้วยความกลัวแต่เราถูกชี้นำให้ใช้กับความกลัวจากอำนาจรัฐ
และไม่เฉลียวใจกับความกลัวจากอำนาจเศรษฐกิจ
สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้จึงมีลักษณะ
สามารถด่าประนามฝังฮามาสและปาเลสไตน์ได้เท่านั้น
ถ้าใครด่าประนามอิสราเอลจะถูกประหาร/ทำร้ายทางเศรษฐกิจ
นี่คือการจำกัดเสรีภาพในการพูดผ่านระบบเศรษฐกิจ
และเข้าข่ายเลือกปฏิบัติจากแนวคิดทางการเมือง
คนที่ไม่เข้าใจคือคุณมากกว่านะครับ ? เสรีภาพในการพูดคือคุณจะพูดแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับรัฐบาลอย่างไรก็ได้โดยคุณไม่ต้องโดนกฎหมายทางอาญา ไม่ได้แปลว่าคุณจะพูดอย่างไรก็ได้โดยไม่มี consequences
อยากจะพูดอะไรโดยไม่มี consequences ก็แปลว่าคุณมองคนอื่นต่ำกว่าตัวเองหรือเปล่า คนอื่นถึงไม่เห็นด้วยกับคุณและต่อต้านคุณโดยพฤตินัยไม่ได้ ?
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
++
และนี่ไม่เกี่ยวกับอำนาจรัฐด้วยซ้ำ เป็นเรื่องของพลวัตทางสังคมล้วน ๆ ถ้าคุณแสดงความคิดเห็นสวนทางพลวัตคุณย่อมโดนพลวัตตอกกลับ จนกว่าคุณจะเปลี่ยนพลวัตได้ ตอนนี้ที่เห็นคือเจ้าตัวเปลี่ยนพลวัตไม่ได้แล้วดันร้องซะงั้น
ผมคงแนะนำเขาได้สองทางคือ หากลุ่มคนที่มีพลวัตเดียวกับตัวเองแล้วแสดงทรรศนะกับพวกเขา ไม่ก็แสดงความคิดเห็นแบบที่คนอื่นไม่เห็น/ไม่ได้ยิน
ปล. แอบหวังเล็ก ๆ ว่าคุณ McKay จะฟาดแรงกว่านี้ 55555
โคตรเบื่อใครบางคนที่พูดไปแล้ว ไม่เคยเข้าใจสิ่งที่สื่อ
แต่กลับได้ยินแต่สิ่งที่อยู่ในความคิด ในหัวตัวเอง
แล้วมโนไปว่า อีกฝ่ายพูดสิ่งที่ตัวเองคิด
แล้วตอบโต้กับสิ่งที่ตัวเองมโน ว่ามันเป็นความคิดที่ผิด
ทั้งๆที่เค้าไม่ได้คิดแบบนั้นตั้งแต่แรก
แถมเหมือนโรคจิต เคยบอกไปแล้วว่าไม่ต้องการคุยด้วยก็แล้ว
แต่ก็ยังพยายามมาตอแย
ทำตัวหน้ารังเกียจ
จะเรียกว่าเป็นคนที่พูดไม่รู้เรื่องก็ว่าได้
ตรงกับที่ผมพูดไหมครับ xD ถ้าคุณไม่อยากได้ consequences การด่าจากผม ก็แค่ไม่ต้องคอมเมนต์ หรือคอมเมนต์ให้มี logic หน่อยครับ
คุณไม่สามารถบังคับให้ผมทำอะไรหรือไม่ทำอะไรได้ครับ ชีวิตของผมไม่ใช่ชีวิตของคุณ
ew
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
pattern ของคุณคือ
เปลี่ยนสิ่งที่อีกฝ่ายพูด ให้กลายเป็นสิ่งที่ไม่สมเหตุสมผล
แล้วออกมาแย้งว่าอีกฝ่ายไม่สมเหตุสมผล
อย่างกระทู้นี้คือ
กลุ่มคนที่มีอำนาจทางเศรษฐกิจล้นเหลือไปแล้ว
ถ้าเป็นภาษาเกมคือ มันเสียสมดุล มัน OP ไปแล้ว
การตอบโต้ทางเศรษฐกิจจากคนกลุ่มนี้ อยู่ในระดับสร้างความหวาดกลัวได้พอๆกับอำนาจรัฐ
แถมมันเป็นการใช้ตามใจแบบไม่มีกฎเกณฑ์ให้เห็นเหมือนกฎหมายด้วย
มันจึงควรจะต้องมีการปกป้องคนที่ถูกเลือกปฏิบัติจากคนกลุ่มนี้
คุณก็เปลี่ยนให้กลายเป็นว่า
เฮ้ย พวกเรามาดูนี่ดิ
นาย Hoo บอกว่าจะให้พูดอะไรก็ได้ ไม่ต้องมี consequence จากการพูดใดๆเลย
คนที่มาอ่านก็เข้าใจผิด มาผสมโรงว่า
เออ จริงๆ การพูดจะไม่มี consequence ได้ไง
Hoo นี่มันงี่เง่าจริงๆ
ซึ่งสิ่งเหล่านี้มันเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เตือนไปก็หลายรอบว่าจริงๆแล้ว คุณไม่เคยคุยกับผมเลย
คุณกำลังพูดกับบุคคลในจินตการในหัวคุณที่คิดว่าเป็นผม
จนผมเหนื่อยหน่าย บอกกับคุณตรงๆว่า
ผมจะไม่คุยกับคุณ แต่คุณก็ยังไม่เลิกมาตอแย
อย่างน้อยก็ควรทุเรศตัวเองบ้างนะครับ
ew
ปกป้องยังไงครับ ขอวิธีทำ? และมีหลักเกณฑ์ยังไงว่าบุคคลไหนสมควรถูกปกป้องหรือไม่สมควรถูกปกป้อง?
มนุษย์เป็นสัตว์สังคมครับ สังคมที่เราอยู่มันไม่ได้ perfect แบบทุกคนเป็นคนดีหรือมีแนวคิดที่ดี หรือแม้แต่คำพูดและแนวคิดที่ดี(แต่เป็นจริงไม่ได้)บางอย่างยังส่งผลเสียต่อสังคมโดยรวมได้เลย
ปล. ได้อ่าน thread บน twitter บ้างแล้วหรือยังครับที่มา comment แบบนี้นี่? เอาง่ายๆคุณรู้เรื่อง Hamas กับ Israel บ้างหรือเปล่า?
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
ก็รู้มาตั้งแต่สมัย นศ.อิสราเอล ลอบสังหารนายกสายพิราบ ยิสซัค ราบิน เพราะพยายามจะเซ็นสัญญาสันติภาพกับปาเลสไตน์ นั่นแหละเลยสนใจประวัติศาสตร์ทั้งหมด
เห็นชัดว่าอิสราเอลก็บ้าเลือดไม่แพ้กันหรอก
แนวคิดอิสราเอลคือ ตรงนั้นจะไม่มีทางสงบจนกว่าอิสราเอลจะยึดได้ทั้งหมดตามความเชื่อของเขา
เพราะถ้าสงบ = ก่อสงครามยึดเพิ่มไม่ได้
และคุณคงไม่รู้ว่า
โลกเราเพิ่งผ่านจุดที่คนรวยสุดในโลก 1%มีทรัพย์สินเท่ากับ คน 60% ล่างของโลกรวมกันเมื่อช่วงโควิดนี่เอง
(จากที่เคย 40% ช่วงปี 2006, 50% ช่วง 2015)
ผมถึงบอกว่า สมดุลอำนาจทางเศรษฐกิจ มันเสีย
ถ้ายังเพิกเฉยให้ใช้อำนาจทางเศรษฐกิจต่อการแสดงความเห็นได้
เสรีภาพการแสดงความเห็นจะถูกริดรอนผ่านอำนาจเศรษฐกิจ
ซึ่งการมี awareness จะเป็นจุดเริ่มต้นเพื่อออกกฎควบคุมเหมือนนายจ้างไม่มีสิทธิไล่ลูกจ้างออกเพราะจุดยืนทางการเมือง
คุณกำลังบอกว่า ทุกคนถูกซื้อให้แสดงความคิดเห็นไปทางเดียวกันหรือเปล่า หรือว่าทุกคนถูกอิสราเอลซื้อไปแล้วและพวกเห็นต่างจะถูกถล่ม ไม่มีอำนาจแสดงความคิดเห็น?
เอาจริงผมมึนมากเลยว่าอำนาจเศรษฐกิจมันมีผลกับการแสดงความคิดเห็นยังไงในเมื่อมันไม่ใช่การเปิดอภิปรายของผู้แทนรัฐ และการแสดงความคิดเห็นพวกนี้ไม่ได้เปลี่ยนแปลงกระแสการพัฒนาของสังคมโดยรวมด้วย
หรือคุณจะบอกว่า ทุกคนต้องแสดงความคิดเห็นไปทางสนับสนุนอิสราเอล ไม่อย่างนั้นจะโดนถล่ม คุณคิดผิดแล้ว เรื่องของอิสราเอลและปาเลสไตน์มันซับซ้อน แต่การก่อการร้ายของฮามาสเป็นของจริง และนั่นคือประเด็นที่คนกำลังพุ่งเป้าอยู่ การแสดงความคิดเห็นที่ไม่เกี่ยวกับประเด็นหลักที่คนอื่นกำลังพูดคุยอยู่ (+ผสมอคติของตนเองที่เป็นปฏิปักษ์ต่อกระแส) นอกจากจะไม่ช่วยทำให้คนเข้าใจประเด็นที่กำลังเกิดขี้นแล้วยังดูสะเหล่ออีกด้วย
และนั่นคือสิ่งที่เจ้าตัวในข่าวกำลังได้รับผลกระทบอยู่ กระแสหายไปแล้วค่อยมาพูดทีหลังก็ไม่สายแต่เขาเลือกเป็นน้ำเชี่ยวขวางเรือเอง
อำนาจเศรษฐกิจมันมีผลกับการแสดงความคิดเห็นยังไง
ก็น่าถามกลับว่า ถ้าคนที่เป็นข่าวประนามปาเลสไตน์
จะโดนถอนสปอนเซอร์มั๊ย?แล้วเกิดเหตุแบบนี้ ยังมีใครที่มีอาชีพแนวนี้ จะกล้าประนามอิสราเอลมั๊ย?
เห็นชัดนะว่ามันส่งผลให้ไม่มีข่าวประนามอิสราเอลในสังคมอีก
หรืออย่าง การจัดการเซ็นเซอร์ใน Social Media
ถ้าเป็น Hard censor ก็คือโดนลบหายไปถ้าเป็น Soft censor ก็คือลด reach
ผลคือ "คุณมีสิทธิจะพูด แต่จะไม่มีใครได้ยิน"
และเรื่องที่ผมพูดก็ไม่ได้คิดมั่วๆขึ้นมาเอง
เรื่องพวกนี้มันมีการพูดกันมาระยะนึงแล้ว
โดยเฉพาะเรื่อง Ethics for AI ที่มีการเตือนเรื่อง manipulate information โดยเอกชน
ซึ่งจะส่งผลชี้นำความคิดคนจำนวนมาก และส่งผลต่อระบบประชาธิปไตยที่จะทำให้สังคมตัดสินด้วยข้อมูลที่ไม่ครบถ้วน
จนเรื่องที่เอกชนต้องการผ่านสภาในที่สุด
จะมี awareness เรื่องพวกนี้กันบ้างหรือจะมองว่าผมเป็นพวกสวนกระแสก็แล้วแต่คุณ
ใครประณามปาเลสไตน์? แยก Entity ออกจากกันให้ได้ก่อน ปาเลสไตน์ ≠ ฮามาส ประเด็นปาเลสไตน์และอิสราเอลโต้เถียงกันมานานแล้วแค่สงครามกระตุ้นให้คนหันมาพูดถึงมากขึ้นไปอึก ถึงมีอินฟลูเอนเซอร์บางรายพูดอยู่ว่าเรื่องนี้อย่าออกตัวแรง เพราะประเด็นมันซับซ้อน ซึ่งนายคนนี้ออกตัวแรงไงถึงโดนตอกกลับ มันไม่ได้เกี่ยวกับที่เรื่องที่คุณว่ามาเลย
คุณมองภาพใหญ่แต่ไม่มองรายละเอียดของเรื่อง ถ้ามองรายละเอียดยังไม่เข้าใจ (เหมือนกับหลาย ๆ ท่านในนี้ที่ไม่ได้ออกตัวแรงแค่แสดงทรรศนะไปตามเนื้อผ้า) ก็อย่าไปพูดอะไรมั่วๆ
ทั้งนี้ทั้งนั้นผมก็ยืนยันคำเดิม เสรีภาพไม่เท่ากับว่าคุณจะทำอะไรก็ได้โดยที่ไม่มีผลกระทบตามมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับพลวัตทางสังคม สิ่งที่คุณคิดว่าจะถูกผิดอย่างไรก็ตามไม่มีผลกับพลวัต การมาบอกว่า เสรีภาพไม่มีอยู่จริงเพราะยังไงก็ต้องแสดงความคิดเห็นตามอิทธิพลทางเศรษฐกิจจึงใช้ไม่ได้ เพราะเสรีภาพและพลวัตคือคนละเรื่องกันตั้งแต่แรกแล้ว
อืม เหมือนพยายามยัดให้ได้ว่า
ผมเชียร์ปาเลสไตน์ ต้านอิสราเอล
และต้องการเสรีภาพระดับไม่ต้องรับผลใดๆเลย
ทั้งๆที่ผมย้ำแล้วย้ำอีกว่า
คนกลุ่มนึงมีอำนาจทางเศรษฐกิจจนกระทบเสรีภาพในการพูดอย่างเป็นระบบแล้ว
ด้วยการใช้อำนาจเศรษฐกิจสร้างพลวัต
แล้วอ้างพลวัตเพื่อชอบธรรมในการใช้อำนาจเศรษฐกิจในการสร้างพลวัตต่อไป
เราจึงควรมี awareness เรื่องนี้ได้แล้ว
ถ้ายังอ่านแล้วจับประเด็นกันไม่ได้
ได้ยิน/พูดตอบกับบุคคลที่อยู่ในหัวตัวเอง แต่คิดว่าเป็นผมแบบนี้
ผมขอหยุดคุยต่อ
เพราะผมพูดไป คุณก็จะได้ยินแต่สิ่งที่บุคคลในหัวตัวเองพูด
แล้วที่คุณพูดโต้ตอบออกมาก็คือตอบบุคคลในหัวตัวเอง
ไม่ได้ตอบผม
คำพูดของคุณมันย้อนกลับเข้าตัวคุณทั้งหมดเลยนะตอนนี้
อันดับแรก ไม่มีใครยัดเยียดว่าคุณเชียร์ปาเลสไตน์ด่าอิสราเอล
อันดับสอง คุณเริ่มเข้าใจว่าพลวัตหมายถึงอะไรแต่ยังไม่เข้าใจเหมือนเดิมว่าเสรีภาพกับพลวัตคือคนละเรื่อง
อันดับสาม ต่อให้อำนาจเศรษฐกิจมีอิทธิพลต่อพลวัตเบ็ดเสร็จ ตราบใดที่มันไม่ได้ยึดอำนาจปกครองของประชาชน เสรีภาพคุณยังมีครบถ้วน ฉะนั้นมันก็ไม่เกี่ยวกันเหมือนอันดับสอง
อันดับสี่ คุณไม่ใช่คนเดียวที่รูัว่าอำนาจเศรษฐกิจมีผลต่อพลวัต เรื่องพรรค์นี้คุยกันมาเป็นชาติแล้วตั้งแต่สมัย UFO โน่น และมันก็เป็นประเด็นกันมาเรื่อยๆ แต่อำนาจนั้นไม่มีผลใดๆ กับเสรีภาพตราบใดที่ผู้คุมอำนาจไม่ได้มีจุดมุ่งหมายในการเปลี่ยนระบอบการปกครองของรัฐ ไม่ต่างจากโฆษณาชวนเชื่อ ยกตัวอย่างที่ไม่เกี่ยวข้องง่ายๆ เลย ในสหรัฐอเมริกามีประเด็นเรื่อง LGBTQ+ และ Trans Rights หนักมาก แต่ถึงกระนั้นคนก็ยังมีสิทธิแสดงการต่อต้านกลุ่มคนเหล่านี้ได้ ตราบใดที่คุณไม่ก่อความรุนแรง แต่คุณก็โดน Cancel จากการแสดงการต่อต้านของคุณได้เช่นกัน นั่นแหละเสรีภาพ
ตอนนี้คือคุณต่างหากที่พยายามยัดเยียดว่าคนอื่นกำลังถูกข่าวฝ่ายเดียวหลอก ทั้งที่ไม่ได้รู้เหมือนกันว่าทุกคนคิดกับเรื่องนี้จริงๆ อย่างไร และข้อเท็จจริงที่เป็นข้อเท็จจริง "จริงๆ" ก็ยังไม่มีใครรู้ด้วยซ้ำ คุณย้อนแย้งในตัวเองมาก
โอเค
1) ถ้าคุณยืนยันว่าคุณ ไม่ได้ยัดเยียดว่าเชียร์ปาเลสไตน์ด่าอิสราเอล
ก็ขอโทษด้วยละกัน
2),3),4) อันนี้คือสิ่งที่เรามอง อำนาจเศรษฐกิจที่มีอิทธิพลต่อพลวัต ต่างกัน
คุณเห็นว่า "อำนาจเศรษฐกิจที่มีอิทธิพลต่อพลวัต ต่อให้มีอำนาจเบ็ดเสร็จ ก็ไม่ได้จำกัดเสรีภาพ"
แต่ผมมองว่า "อำนาจเศรษฐกิจที่มากเกินไป จะมีอิทธิพลต่อพลวัต และกระทบเสรีภาพด้วย"
ซึ่งตรงนี้เข้าใจกันก่อนว่าเป็นมุมมองที่ต่างและไม่ได้มีใครงี่เง่า จากการเห็นต่างตรงนี้
ย่อหน้าสุดท้าย คุณคิดไปเองว่าผมยัดเยียด ย้อนแย้ง
ผมแค่ยืนยันข้อเท็จจริง ให้เห็นว่า"มันมีกลุ่มคนที่มีอำนาจเศรษฐกิจล้นเกิน ทำการลงโทษทางเศรษฐกิจ จนส่งผลให้คนไม่กล้าแสดงออก"
"มันมีการ censor โดยอำนาจทางเศรษฐกิจของคนกลุ่มนี้ ทั้ง Hard และ Soft บน Social" ด้วย
เหมือนกับการรายงานช่องโหว่ที่มีการโจมตีเกิดขึ้นจริงแล้ว โดยหวังว่าจะออก patch แก้ไขกัน
สิ่งที่ต่างคือคุณยังยืนยันว่ามันเป็น feature ของระบบ ไม่ใช่ bug/ช่องโหว่ จึงไม่คิดว่าต้องแก้
ส่วนผมยืนยันว่าถ้าไม่แก้ก็จะโดนโจมตีจากช่องโหว่นี้เรื่อยๆ
ก็เท่านั้นเอง
"ข้อเท็จจริง" ที่คุณกล่าวอ้างมาว่า "มีการแทรกแซงด้วยอำนาจทางเศรษฐกิจจนกระทบกับเสรีภาพ" ผมไม่เรียกมันว่าข้อเท็จจริงหรอกนะเพราะอย่างน้อยๆ แม้แต่บทอภิปรายกับข้อเท็จจริงอื่นๆ ข้อความข้างต้นก็ยังไม่มีอะไรรองรับ นั่นเรียกได้มากสุดเป็นเพียงข้อสันนิษฐาน (Assumption) และสิ่งที่คิด (Speculation) เท่านั้น
ตัวอย่างข้อเท็จจริง:
1. ฮามาสยิงจรวดถล่มข้ามแดน อิสราเอลทิ้งระเบิดตอบโต้สนั่นฉนวนกาซา ( มีบันทึกเหตุการณ์รองรับ )
2. บริษัทไอทียักษ์ใหญ่ถอนตัวจากงาน Web Summit ที่ลิสบอน หลังซีอีโอโพสต์วิจารณ์อิสราเอล ( มีบันทึกเหตุการณ์รองรับ )
อย่างที่บอกไปตั้งแต่ในเม้น ไม่ใช่คุณคนเดียวที่รู้เรื่องนี้ และผมก็ยืนยันคำเดิมว่ามันไม่กระทบกับเสรีภาพ คนประเภทแบบนี้ก็แค่อยากจะแสดงความคิดเห็นสวนกระแสและตัวเองไม่อยากโดนถล่มกลับก็แค่นั้น
ผู้ที่กุมพลวัตสังคมได้ย่อมได้รับชัยชนะในสงครามโฆษณาชวนเชื่อ คุณไม่เข้าใจตรงนี้ หรือคุณแค่หงุดหงิดที่ได้เห็นว่าฝ่ายที่คุณเห็นว่า "แย่กว่า" กำลังควบคุมพลวัตนั้นอยู่ คุณควรไปโทษไอ้คนที่คุณเห็นว่า "ดีกว่า" เสียยังดีกว่าว่าทำไมถึงควบคุมพลวัตได้ห่วยแตกขนาดนี้ ทำไมถึงปล่อยให้ "ไอ้พวกนั้น" ควบคุมสื่อจนน่ากลัวได้ขนาดนี้ หรือมันมีเหตุผลอะไรที่มากกว่า "พวกนี้กำลังใช้อำนาจเศรษฐกิจ bullshit เข้าควบคุมเสรีภาพของคนอื่น" อยู่หรือเปล่า
กะผิด
ตอบผมก่อนครับว่าปกป้องยังไง และมีหลักเกณฑ์ยังไงว่าบุคคลไหนสมควรถูกปกป้องหรือไม่สมควรถูกปกป้อง
สมมติผมพูดว่า
ผมควรถูกปกป้องไหมครับ?
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
หลักเกณฑ์จะถูกสร้างหลังจากมี awareness
อย่างประโยคHoo เป็นหมาเลียเท้าทักษิณ
มันก็เข้าข่าย หมิ่นประมาทโดยไม่เป็นความจริง
ซึ่งหมิ่นประมาทโดยไม่เป็นความจริงมันมีการ awareness มาก่อนหน้านี้
และถกกันจนเกิดเกณฑ์นี้ขึ้นมาว่าเคสนี้ไม่ควรปกป้อง
ถ้าไม่คิดจะมี awareness ก็จะไม่มีการคิดจะถกเถียงเพื่อสร้างกฎเกณฑ์
ซึ่งตอนนี้คือมี awareness เรื่องการใช้อำนาจเศรษฐกิจที่ล้นเกินจนกระทบเสรีภาพและเริ่มมีการเรียกร้องให้สร้างเกณฑ์ควบคุม
เหมือนๆกับเกณฑ์ป้องกันการผูกขาด
ที่เกิด awareness ว่าคนที่มีอำนาจเหนือตลาด
ถ้าไม่ควบคุมก็จะครองตลาดอย่างสมบูรณ์ในที่สุด
เอิ่ม awareness ?
คือเรื่องแบบนี้ที่คุณรู้เพียงคนเดียวถือเป็น awareness ด้วยหรือครับ? หรือยังไงก็ต้องอาศัยพลวัตในการตัดสิน awareness อยู่ดี?
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
เดี๋ยวๆ ทำไมถึงคิดว่าผมรู้เพียงคนเดียวในเมื่อผมบอกชัดๆว่ามันเริ่มมี awareness จาก Ethic forum?
และการมี awareness หรือไม่มี awareness ของแต่ละคนในเรื่องนี้
ไม่ได้ทำให้ใครฉลาดกว่าใคร หรือ งี่เง่ากว่าใครนะ
มันแค่แสดงว่าคนๆนั้น สนใจ หรือ ไม่สนใจ ในเรื่องนี้ เท่านั้นเอง
ส่วนพลวัต มันเป็นเรื่องจำนวนคนที่มากพอมันจะกลายเป็นพลวัต
ถ้าคน awareness กันเยอะ มันก็กลายเป็นพลวัต
เท่านั้นเอง
งั้นกลับไปต้นข่าวและคำว่าเสรีภาพที่คุณพูดครับ
การ blame อิสราเอลฝ่ายเดียว(มาสามวันก่อนจะมาแก้ต่างภายหลัง)และกด likeเนื้อหาของ Hamas มันขัดกับ awareness กับพลวัตหรือไม่ครับ?
สรุปการกระทำนี้สมควรถูกปกป้องไหม?
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
ขอตอบรวบตรงนี้ละกันว่า
ต้นโพสคือ ข้อเท็จจริง ว่า
มีคนจัดงาน IT โพสประนามอิสราเอลก็โดนถอนสปอนเซอร์กดดันจนต้องลาออก กลายเป็นคนตกงาน
แต่ถ้าใครโพสประนามฮามาส จะไม่โดนอะไร
ผมมองว่า
นี่เป็นการคุกคามเสรีภาพการพูดผ่านระบบเศรษฐกิจมันสร้างความหวาดกลัวในการพูดต่อฝ่ายเดียว
ซึ่งไม่ควรเกิดขึ้น ต่อให้เขามีอำนาจเศรษฐกิจมหาศาล ก็ไม่มีสิทธิคุกคามตรงนี้
คุณ big50000 มองว่า
คนมีอำนาจเศรษฐกิจย่อมทำแบบนี้ได้
ไม่ถือว่าขัดหลักเสรีภาพในการพูดใดๆ
คุณ McKay มองว่าการโพสประนามอิสราเอล กด like ฮามาสแบบนี้ ก็สมควรโดนแล้ว
เนื้อที่เราพูดกันมาทั้งหมดน่าจะมีแค่นี้แหละ
ที่เหลือคือพยายามดราม่าหาว่าผมไม่มีตรรกะ
ซึ่งผมแสดงให้เห็นแล้วว่า ตรรกะของผมคืออะไร
ถ้าวันนึงเกิดเหตุการณ์เดียวกัน
คือลูกน้องโพสเห็นด้วยกับสีนึง
แต่นายจ้าง/คู่ค้านายจ้างเป็นอีกสีนึง
เลยโดนให้ลาออก มันสมเหตุสมผลหรือไม่?
ขอให้คิดกันเอาเอง ไม่มีใครเปลี่ยนใจใครได้
ผมแค่แปลกใจว่าจะเอาสังคมแบบนั้นกันจริงๆเหรอ?
ยกตัวอย่างได้แย่มาก มันคนละเรื่องเลย นั่นเป็นการเลิกจ้างโดยไม่ชอบธรรม ลูกจ้างสามารถฟ้องได้ตามกฎหมาย แต่นายในข่าวเลือกที่จะออกเอง (เนื้อข่าวแยกต่างหากจากข่าวนี้) และคู่ค้าได้ Cancel ความร่วมมือด้วยสิทธิตามกฎหมายไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม เขามีสิทธิที่จะทำเช่นนั้น บริบทโคตรจะต่างกัน
ถ้าคุณคุ้นเคยกับสังคมอินเทอร์เน็ตในต่างประเทศมากพอคุณจะรู้ได้ทันทีว่าไม่ว่าใครก็ย่อมมีฝั่งเป็นของตัวเองและแสดงออกอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีใครมานั่งกลัวการโดน Disrupt หรอก (เหมือนกับตัวอย่าง LGBT และ Trans Rights ที่ผมยกตัวอย่างไปนั่นแหละ) แต่นี่เป็นเรื่องคอขาดบาดตาย สังคมสากลโลกไม่มีใครยอมรับได้ ขนาดชาติอาหรับระดับทางการยังไม่เอา การแสดงออกของนายในข่าวไม่มีใครบอกว่าขัดกับหลักเสรีภาพ แต่ขัดกับหลักมนุษยธรรมและความเห็นอกเห็นใจ (Empathy) เป็นอย่างยิ่ง เขาแสดงโดยกลาย ๆ ว่าเขาเป็นปฏิปักษ์กับฝั่งที่ถูกฆ่า มันสมควรหรือไม่ในเวลาแบบนี้ ฝั่งคู่ค้าจึงแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ต่อต้านนายคนนี้ก็เท่านั้นเอง และเขาก็มีสปิริตมากพอที่จะตอบโต้กลับด้วยการลาออกเพื่อบ่งบอกว่าเขาได้ทำผิดในเรื่องที่สังคมยอมรับไม่ได้ ก็เท่านั้นเอง
และย้ำอีกครั้ง หลักเสรีภาพยังทำงานได้ถูกต้องทุกประการในกรณีนี้ ทุกคนได้ใช้สิทธิของตนเองในการแสดงออกโดยไม่ขัดกับกฎหมาย แค่ต้องยอมรับให้ได้ว่าสิ่งที่คุณพูดและกระทำต่อสังคมย่อมมีผลตามมาในอนาคต นอกเสียจากว่าคุณศรัทธาในอนาธิปไตย (Anarchy) ที่คุณคิดว่าจะทำอะไรก็ได้แบบ 100%
มโนทัศน์ของคุณคือ
อิสราเอลเขารักสงบ เขาอยู่ของเขาดีๆ ฝั่งปาเลสไตน์ก็มาไล่ฆ่าจึงเกิดพลวัตที่ถ้าใครมีท่าทีสนับสนุนปาเลสไตน์ หรือ ด่าอิสราเอล
ก็สมควรโดนแบบในข่าว และคนที่โดนก็ยอมรับผิดแล้ว ด้วยการลาออกไปเอง
แต่ผมตามข่าวมาตั้งแต่สมัย นายกอิสราเอลสายพิราบ ยิสซัค ราบิน ถูกลอบสังหาร
โดย นศ.อิสราเอลหัวรุนแรงเอง เพราะกำลังจะเซ็นสัญญาสงบศึก
ถ้าสงบ = ทำสงครามขยายดินแดนไม่ได้
แล้วอิสราเอลสายเหยี่ยวก็ขึ้นมามีอำนาจยาวๆ
ขณะที่เยสเซอร์ อาราฟัต ผู้นำฝั่งปาเลสไตน์ที่เคยหัวรุนแรง
กลายเป็นสายพิราบมาตั้งแต่นั้น
แต่ตลอดร่วม 30ปีที่ผ่านมา อิสราเอลทุบสายพิราบฝั่งปาเลสไตน์ตลอด
อาราฟัตเองก็โดนยิงจรวดใส่ห้องทำงานหมายปลิดชีพ แต่ก็ยังเลือกจะไม่ตอบโต้จนปาเลสไตน์เริ่มทนไม่ไหว ไม่ฟังอาราฟัตอีกต่อไป
จนอาราฟัตตาย สายพิราบฝั่งปาเลสไตน์ก็ตายตามไปอย่างสมบูรณ์
เห็นชัดว่าฝั่งอิสราเอลสายเหยี่ยวที่มีอำนาจมานานนี่แหละ ที่ฆ่าพิราบทั้งฝั่งตัวเองและปาเลสไตน์
ที่สถานการณ์มันมาถึงวันนี้ โอเค มันแรง
แต่จะโทษฝั่งปาเลสไตน์ฝ่ายเดียว แบบมีมโนทัศน์ว่า
อิสราเอลรักสงบแล้วอยู่ดีๆก็มาโดนไล่ฆ่า
มันไม่ถูกต้อง ไม่ตรงกับความเป็นจริง
แล้วทีนี้ใครที่พอมีชื่อเสียงแล้ว call out ประณามอิสราเอล
ทุนใหญ่อิสราเอลทั้งหมดจะใช้อำนาจเศรษฐกิจกดดันทันที
ที่เจ้าตัวลาออก ไม่ใช่เพราะยอมรับผิด
แต่ถูกบีบให้ออก เพราะถ้าอยู่ต่อองค์กรจะเจ๊ง
และเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดูว่า
ถ้าใคร call out ประนามอิสราเอลจะโดนแบบนี้
ซึ่งจะไม่มีใครกล้าอีก
ไม่รวมทุนใหญ่อิสราเอลที่ครองสื่อ+social mediaก็ทำหน้าที่ hard+soft censor มาโดยตลอด
นี่คือการใช้อำนาจเศรษฐกิจควบคุม/สร้างพลวัตแต่ฝ่ายเดียว
จนคนจำนวนมากมีมโนทัศน์ว่า
"อิสราเอลเขารักสงบ เขาอยู่ของเขาดีๆ ฝั่งปาเลสไตน์ก็มาไล่ฆ่า"
ผมถึงบอกว่า ต้องหยุด การใช้อำนาจเศรษฐกิจควบคุม/สร้างพลวัต แบบนี้มันเป็นการ manipulate เสรีภาพในการพูดอย่างนึง และก็เห็นชัดเจนแล้วว่ามันได้ผล
ผิดมหันต์เลย ผมยังไม่เข้าใจต้นสายปลายเหตุทั้งหมดด้วยซ้ำว่าเรื่องตั้งแต่หลายพันปีก่อนเป็นอย่างไรบ้าง และไม่คิดจะออกตัวแรงกับเรื่องที่ซับซ้อนแบบนี้ ผมเองไม่เคยชอบอิสราเอล (คนรู้ประวัติศาสตร์จะเข้าใจได้ทันที) หนำซ้ำคุณเองก็เผยความคิดจริง ๆ ของคุณออกมาแล้วว่าคุณคิดเห็นกับเรื่องนี้อย่างไร และเอาจริง ๆ คุณกำลังตอกย้ำตัวเองว่าคุณเองก็ถูกอิทธิพลของสื่อเล่นงานเหมือนกัน
และย้ำอีกครั้งว่า เรื่องนี้มันไม่ได้เป็นแค่เรื่องของอิสราเอลและปาเลสไตน์ แต่มันคือเรื่องของผู้ก่อการร้ายที่เข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์จากหลากหลายชาติในพื้นที่เล็ก ๆ พื้นที่เดียว และมีหลักฐานเชิงประจักษ์ และนี่คือสิ่งที่ทุกคนกำลังเพ่งเล็ง คุณเองจะมีความคิดเห็นอย่างไรก็ได้ (ส่วนตัวผมเองไม่ได้ชอบอิสราเอลมาตั้งแต่แรกแล้ว) และคุณเองมีความรู้จำนวนมาก แต่กลับมองข้ามเรื่องมนุษยธรรมขั้นพื้นฐานเพียงเพราะว่า "ไอ้ฝั่งนั้นก็ทำกับทหารปาเลสไตน์เหมือนกัน" อย่างนั้นหรือ ลองถามใจคุณเองดูนะว่า การใช้เพียงมันสมองเพียงอย่างเดียวมันเพียงพอกับการตัดสินทุกเรื่องหรือไม่
คนกำลังไว้อาลัยกับการสูญเสีย และประณามการกระทำของฮามาส มันใช่เรื่องหรือเปล่าที่จะมาแสดงความคิดเห็นสวนกระแสโดยที่ตัวเองยังเป็น Public Figure อยู่ มันไม่ต่างกับการตบหน้าคนที่กำลังเสียใจ "อย่างเป็นทางการ" อยู่เลย เป็นบุคคลสาธารณะต้องคิดให้มาก ๆ ถ้าเสี้ยนมากก็สร้างบัญชีหลุมแล้วพ่นน้ำลายซะจะได้ไม่โดน Disrupt ประเด็นมันมีแค่นี้เอง แต่คุณกลับอยากให้ Public Figure พ่นอะไรก็ได้โดยที่คนอื่นห้ามตอบโต้ มันสมเหตุสมผลหรือ
ผมไม่ได้ออกตัวแรงอะไรทั้งนั้น
ผมแค่มีชุดความคิด (.exe)ว่า
"อำนาจเศรษฐกิจที่มากล้นของคนกลุ่มนี้กำลัง ควบคุม/บิดเบือน พลวัติ มันอันตรายแล้ว"
และชุดข้อมูล (.dat) คือ
"เคยมีความพยายามสันติของปาเลสไตน์มาตลอดอย่างน้อยที่ผมเห็นก็ >20ปี
แต่กลับโดนอิสราเอลกระทำมาตลอด และไม่เคยเป็นข่าว
มันจะเป็นข่าวก็ต่อเมื่ออิสราเอลโดนกระทำเท่านั้น"
ผมถึงเห็นว่า "สิ่งเกิดขึ้นในข่าว เป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิด"
ส่วนคุณมีชุดความคิด (.exe) ว่า
"การใช้อำนาจเศรษฐกิจมาควบคุม/บิดเบือน พลวัต เป็นสิ่งที่ทำได้"
ในขณะที่ชุดข้อมูล (.dat) ก็เน้นย้ำที่
"ตอนนี้ปาเลสไตน์บุกโจมตีอิสราเอลอย่างโหดเหี้ยมก่อน"
คุณจึงสรุปว่า "สิ่งเกิดขึ้นในข่าว เป็นสิ่งที่ทำได้"
การตอบโต้การแสดงความคิดเห็นมันควรจะตอบโต้ด้วยการแสดงความคิดเห็น ทั้ง ชุดความคิด & ข้อมูล มาเสวนากัน
คิดว่า .exe เสรีนิยมแบบต้านอำนาจรัฐ แต่ยอมรับอำนาจเศรษฐกิจ เป็น บัค/ช่องโหว่ มั๊ย?
ด้าน .dat ใครเป็น super set ใคร หรือ
เป็นคนละส่วน ที่ควรเอามาประกอบกัน
เหมือน ตาบอดคลำช้าง ควรเอาข้อมูลทั้งหมดมาประกอบกัน จนรับรู้ช้างทั้งตัวได้
เป็นวิถีที่ทำให้มนุษย์ก้าวหน้าไปได้จริง
ไม่ใช่ต่างคนต่างถือว่าช้างคือเสา คือเชือก คือแผ่นใบ ในแบบของตัวเองแล้วแยกย้ายกันไป
แบบนั้น มนุษย์จะไม่ก้าวหน้า
การ พูดจาไม่ถูกใจ ไม่ตรงกับ ชุดความคิด&ข้อมูล ตัวเอง จึงไม่ใช่จะมีสิทธิตอบโต้ด้วยวิธีใดๆก็ได้
ถ้าตัวเองมีสิทธิมีอำนาจ(รัฐ/เศรษฐกิจ) ก็ใช้มันบี้อีกฝ่ายให้เดือนร้อนลำบากซะก็ได้อันนี้ผมไม่เห็นด้วย มันเป็นวิถีคิดแบบอำนาจนิยม ที่เสรีนิยมรังเกียจนักหนา
แค่มาในรูปอำนาจเศรษฐกิจเท่านั้นเอง
นี่แหละประเด็นที่ผมต้องการจะสื่อมาตลอดผ่านโพสแรกของผมว่า "เสรีภาพในการพูด.."
ไม่ใช่ จะมาออกตัวแรง เชียร์/แช่ง/เห็นใจ ฝ่าย ปาเลสไตน์/อิสราเอล ใดๆ
หรือพยายามนำเสนอหลักการว่าใครจะพูดอะไรก็ได้โดยไม่ต้องรับผลอะไรเลย
แบบที่คุณพยายามจะยัดให้ผมเป็น
ที่เถียงกันมายาวๆ นี่ถ้าสังเกต คือ ผมปกป้อง/ยืนยันความคิดผมเอง และแสดงตัวว่า ตัวเองคิดอย่างไรกันแน่
แต่คุณนี่แหละที่ไม่หยุดยัดเยียดในสิ่งที่ผมไม่ได้เป็นมาโดยตลอดการสนทนา
จนผมต้องคอยย้ำตลอดว่า มันไม่ใช่ ผมไม่ได้คิด ไม่ได้พูดแบบนั้นเลย
แต่ก็ยังวนกลับไปว่า "Hoo หนะเป็นแบบนั้น ยอมรับเถอะ"
ซึ่งมันเป็นอาการของคนที่ ได้ยินและคุยกับบุคคลที่มโนในหัวตัวเอง
ไม่ได้คุยกับคนที่อยู่ตรงหน้าเลย
เหมือนคุณยิ่งตอกย้ำตัวเองหนักเรื่อย ๆ เลยนะ และคุณเป็นคน ๆ เดียวที่ไม่เข้าใจประเด็นหลักเลยแม้แต่นิดเดียว และไม่มีใครผลักคุณไปคิดแบบนี้แบบนั้นเลยสักนิด ใจความของเรื่องมันง่ายมาก
ไม่มีใครพูดถึงคุณเลย มีแต่คุณคนเดียวที่ชักแม่น้ำทั้งห้าพยายามอธิบายว่า ทำไมฝั่งนี้จึงมีความคิดที่ถูกต้อง และทุกคนกำลังถูกหลอก คุณลองย้อนกลับไปอ่านข้อความ Reply เริ่มต้นของตัวเองดู แล้วดูเองว่าใครกันแน่ที่ "ได้ยินและคุยกับบุคคลที่มโนในหัวตัวเอง" และ "ยัดเยียด" ความคิดให้คนอื่นอยู่
คุณบอกว่า
สั้น ๆ เลย "ผิดกฎหมายข้อไหน" ผมมองว่าไอ้พวกที่คิดแบบนี้มีแต่พวกขี้ขลาดที่กลัว Criticism ทั้งนั้น คนมันจะคิดอย่างไรแสดงความคิดเห็นอย่างไรก็แสดงอย่างตรงไปตรงมาสิ และอย่าไปกลัวพวกที่ Criticise หรือตอบโต้กลับ มันจะตอบโต้อะไรอย่างไรก็เรื่องของมัน นายคนนี้ในข่าวจะไม่ออกจากตำแหน่งก็ได้ตราบใดที่ผู้ถือหุ้นไม่บีบออก ไม่มีใครไล่บี้ทั้งนั้น คนอื่นที่เป็น Partnership เขาก็ Cancel ตามสิทธิที่เขามี ทำไมคนอื่นจะ Cancel Partnership ไม่ได้ในเมื่อเขารู้สึกไม่ดี เหมือนยกเลิกพรีออเดอร์สินค้าถ้าไม่ถูกใจ มันไม่ได้ต่างกันเลย ทำไมมันกลายเป็นเรื่องของอำนาจเศรษฐกิจไปได้ในเมื่อไม่ได้มี Entity ไหนเป็นผู้มีอำนาจระดับรัฐเลย หรือคุณจะบอกว่าบริษัททั้งหมดทั้งมวลที่ Cancel นายคนนี้ รัฐบาลประเทศ XYZ กำลังชักใยใช้อำนาจเศรษฐกิจเพื่อ Disrupt ความคิดคนอื่นอยู่ ซึ่งมันก็จะวกย้อนกลับไปหาคุณอีกอยู่ดี ว่าใครกันแน่เป็นคนที่ยัดเยียดความคิดคนอื่นอยู่
เรื่องพรรค์นี้ไม่ได้มีแค่เรื่องสิทธิเสรีภาพ แต่เขามองถึงระดับความเป็นมืออาชีพของบุคคลด้วย นอกจากไอ้คนนั้นจะเป็นหัวหอก (ระดับเจ้าของกิจการ) ขององค์กรเอง (เช่น Elon Musk ก็ไม่ได้กลัวอะไรเลย โดน Cancel ขนาดนั้นเจ้าตัวยังเฉย ๆ มาจนถึงทุกวันนี้) ใครมันจะอยากได้คนที่ปากแกว่งเท้าหาเสี้ยนเข้ามาอยู่ในองค์กรกัน หาเรื่องเดือดร้อนเข้าองค์กร เกิดมีการประท้วงจากชาวอิสราเอลเข้ามาถล่มในงาน Summit ใครรับผิดชอบ ถ้าคุณยังมองตรงนี้ไม่ขาด คุณคือคนที่ไม่เข้าใจประเด็นและหลงอยู่กับความคิดของตัวเองจนไม่สนใจประเด็นหลักมาตั้งแต่แรก
เอาจริง ๆ คุณเลื่อนลงไปหนึ่งความคิดเห็น คุณก็จะพบกับความคิดเห็นที่เข้าใจในใจความของข่าวนี้แล้ว
อย่างที่คุณ McKay ถามคุณนั่นแหละ ถ้าเขา (คุณ McKay) ปากพล่อยสบประมาทถึงคุณ เขาควรถูกปกป้องไหม คุณก็ยังไม่เข้าใจ มีแต่ย้ำว่า "เราควรพูดได้ทุกเรื่องโดยที่ไม่กระทบกับชีวิตหน้าที่การงานสิ" โธ่คุณถ้ามนุษยชาติเป็นแบบนั้นทั้งหมดเราไม่มีทางมีสงครามเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์หรอก มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีอารมณ์ความรู้สึก และอคติกันทุกคน (รวมถึงผมด้วย) คุณจะมาคาดหวังให้ทุกคนเป็นเหมือนหุ่นยนต์ ใช้เหตุผลตรรกะล้วน ๆ ไม่ได้
"ไม่มีใครพูดถึงคุณเลย มีแต่คุณคนเดียวที่ชักแม่น้ำทั้งห้าพยายามอธิบายว่า ทำไมฝั่งนี้จึงมีความคิดที่ถูกต้อง"
ขอโทษนะครับ
ขึ้นไปดูให้ดี
เป็นพวกคุณที่เริ่มก่อนพยายามจะทัวร์ลงใน Reply ผม หาว่าผมไม่มีตรรกะเหตุผลนะครับ
ผมเลยต้องออกมาอธิบายว่า ผมคิดอย่างไร มีข้อมูลอะไร
ทำไมถึงมี Reply แบบนี้ขึ้นมา
การที่ผมขยายความ Reply เพื่อตอบ กลายเป็นหาว่าไม่มีใครพูดถึงผมเลย มาพูดทำไม มนุษย์ไม่ได้มีเหตุผลเยอะขนาดนั้น?????
โอเคครับ จะได้จัดว่า คุณเป็นบุคคลที่คุยไม่รู้เรื่องอีกคนนึงก็แล้วกันบายครับ
ผมว่าเขาเลอะเลือนของจริงแล้วล่ะ มันมีสักประโยคไหมเนี่ยที่เป็นจริงสัก Reply
เอ้าแล้วเมนต์มาทำไม นี่บอร์ดสาธารณะ และใครบอกคุณว่าคุณไม่มีเหตุผล แค่เขาไม่เห็นด้วยว่าสิ่งที่คุณบอกมีความสัมพันธ์กับเสรีภาพ คุณดึงข้อมูลที่ไม่มีความสัมพันธ์กันอยู่เลยมาอ้าง ไม่มีผลการศึกษาตัวไหนบ่งชี้ บอกคนนอกมันก็คือทฤษฎีสมคบคิดชัด ๆ คุณจะเชื่อข้อมูลนั้นมันก็เรื่องของคุณ แต่มาโวยวายตอนคนอื่นมาหักล้างไม่ได้นะ
เนี่ย ยิ่งตอกย้ำหนักว่าคุณไม่เข้าใจประเด็นหลักตั้งแต่แรก ย้อนกลับไปตั้งแต่อำนาจเศรษฐกิจบ้าบออะไรของคุณก่อนเลย ดึงประเด็นนี้ออกมาทำไมทั้ง ๆ ที่มันไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องนี้ เรื่องของความรู้สึกคนอยากจะบอยคอต ถ้าหาข้อมูล (ที่เกี่ยวข้องจริง ๆ เช่นงานวิจัย ผลสำรวจ ไม่ใช้ประวัติศาสตร์ที่แทบจะละในฐานที่เข้าใจได้ว่าผู้ชนะย่อมได้เขียนมัน) มารองรับไมได้ แล้วจะบอกทำไม และที่อาการหนักเลยถ้าคุณลองอ่าน Reply ตัวเองอีกครั้ง ย้อนกลับไปหาถึงที่คุณตอบคุณ McKay เลย แล้วคุณจะสังเกตเห็นได้ทันทีว่าคุณพยายามหา Pattern ที่จะหักล้างจนลืมประเด็นหลัก นี่ไม่ใช่การโต้วาที ไม่ต้องไปอ่าน Pattern การตอบของคน คุณหลุดอาการนี้มาหลายรอบมาก โฟกัสกับประเด็น (?) ตัวเองให้ได้ก่อน อธิบายให้ได้ก่อนว่าไอ้คนคุมอำนาจเศรษฐกิจคนนั้นเป็นใคร หรือ Entity ไหน ทำไมไอ้คนพวกนี้ถึงได้ทำให้คนหลงเชื่ออิสราเอลนักหนา คุณไม่ได้อธิบายอะไรพวกนี้เลย ผมพยายามทำความเข้าใจการอธิบายของคุณหลายรอบมาก แต่ผมหาความเชื่อมโยงกับ "เรื่องนี้" ไม่ได้เลย และผมไม่ได้คิดว่าผมเป็นอยู่คนเดียวแน่ ๆ
ยินดีด้วยครับ คุณเป็นหนึ่งในผู้โชคดีที่ได้อยู่ในบัญชีดำ เนื่องจากได้รับรู้ว่าเขาเป็นโรค npd xD
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
จริงๆคุณไม่อยากคุยกับใครไม่จำเป็นต้องบอกก็ได้นะครับ นอกจากจะอยาก assert dominance
อ้อคำพูดของคุณไม่มีผลกับผมครับ มั่วๆมาอีกยังไงก็โดน reply อยู่ดี โทดทีนะครับ
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
จริงๆคุณอยากคุยกับใครคุณไม่ต้องขอโทษก็ได้นะครับ นอกจาก assert annoyance
555 ขอโทษครับ ผมอดเกรียนไม่ได้
xD
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
ผมมองแบบนี้นะ
1.คุณพยายามยัดเยียดชุดความคิดของตัวเองให้คนอื่นเช่นกัน เรื่องที่ว่ากลุ่มเศรษฐกิจมีอำนาจกำหนดพลวัตของสังคมได้ เป็นเรื่องอันตราย แต่คนส่วนมากจะมองว่าเป็นเรื่องปกติของพลวัตที่จะต้องมีกลุ่มใหญ่กลุ่มเล็ก กระแสหลักกระแสรอง ตราบใดที่ไม่ได้บังคับกันไม่ผิดกฎหมาย เรื่องพวกนี้ก็สามารถกระทำได้ ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีคนเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย การยกเลิก partnership ก็เป็นเรื่องพึงกระทำได้
2.คุณต้องลองคิดให้ละเอียดนะว่าชุดข้อมูลที่คุณมีมันละเอียดครบถ้วนพอแล้วไหม ถ้าย้อนไปแค่ 20 ปีมันสั้นไปไหม ทำไมไม่ย้อนไปดูตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 1 หรือไปไกลยิ่งกว่านั้นคือสมัยโมเสส อาจจะได้เห็นมุมมองอื่น
That is the way things are.
จ้ะ 5555555
หืม ?
That is the way things are.
ฮาอันนี้
-..-
That is the way things are.
เป็นผู้นำ สมองต้องไวกว่าปาก ถ้าปากไว หรือคีย์บอร์ดไวกว่า ก็พาชีวิตลำบาก มันทำให้ผู้นำหลายๆ คนเลือกที่จะเงียบ ถ้าไม่ได้ถามเฉพาะเจาะจงมาที่ตนเอง
ปวดหัวกับบางคอมเม้นแยกไม่ออกจริงๆ หรือแค่พยายามหาเหตุผลมาหักล้าง values ที่ตนเองไม่ชอบ
คนยิวอยู่บริษัทใหญ่เยอะนะ พูดไม่ระวังก็เรียบร้อยอีกอย่างเขาสู้กันบาดเจ็บล้มตาย มันใช่เรื่องที่น่าเอามาพูดหรอ
ตลกดี คนไทยทะเลาะกันเพราะเรื่องประเทศอื่น
ก็เป็นแบบนี้กับทุกข่าวทุกที่เลยครับ สมกับวลี "ยามสงบเรารบกันเอง" 😅
ข่าวไทยเองก็ไม่ย่อยนะครับ ผมยังจำข่าว Hyperloop ร้อยกว่าเม้นได้ดี ^ ^"
ข่าวจบ คนไม่จบ แต่จบกันที่ “หมดโควต้า” เลยใบ้กินไป 1 วัน