Mark Zuckerberg โพสต์คลิปใน Instagram เล่าว่าเขาได้ทดลองแว่น Apple Vision Pro แล้ว ความเห็นของเขาคือแว่น Meta Quest ยังเหนือกว่าในแทบทุกเรื่อง ในราคาที่ถูกกว่าหลายพันดอลลาร์
Mark บอกว่าก่อนทดลอง Vision Pro เขาคาดว่า Meta Quest จะเหนือกว่าในแง่ความคุ้มค่าต่อราคา (ราคาถูกกว่ากัน 7 เท่า) แต่หลังลองแล้ว เขาพบว่าเอาแค่ตัวผลิตภัณฑ์อย่างเดียว Quest ก็เหนือกว่าแบบไร้ข้อกังขา เพราะ Quest ทำได้ดีกว่าในงานด้าน Mixed Reality ที่คนส่วนใหญ่ใช้กัน
ตัวอย่างคือคลิปนี้ถ่ายด้วยกล้องของ Quest 3 ที่เป็น Mixed Reality Passthrough เห็นวัตถุเสมือนซ้อนทับลงไปบนโลกจริง ซึ่งระบบของ Passthrough ของ Quest 3 ให้วิดีโอคุณภาพดีกว่า มุมมองกว้างกว่า, ตัวแว่นเบากว่า 120 กรัม ใส่แล้วสะดวกกว่า ไม่มีสายเกะกะ, มุมมองในแว่นกว้างกว่า ภาพคมชัดกว่า
Mark ชมแว่น Vision Pro ว่ามีจอภาพความละเอียดสูงมาก ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี แต่ก็ต้องแลกมาด้วยข้อเสียหลายอย่าง เช่น น้ำหนัก, ส่วนฟีเจอร์ Eye Tracking นั้นทาง Meta เคยลองใส่เข้ามาใน Quest Pro แล้วแต่เอาออกไปใน Quest 3 และหวังว่าจะเอากลับคืนมาในอนาคต
นอกจากตัวแว่นแล้ว Mark ยังบอกว่าแพลตฟอร์ม Quest มีคอนเทนต์หลากหลายกว่า เพราะทำงานร่วมกับสตูดิโอต่างๆ มายาวนาน รวมถึง การเป็นพันธมิตรกับไมโครซอฟท์ทำให้เล่นเกม Xbox บน Quest ได้ด้วย
Mark ทิ้งท้ายเอาไว้ว่า คนจำนวนมากคิดว่า Vision Pro จะเหนือกว่าเพราะมีแบรนด์ Apple และราคาแพงกว่า 3,000 ดอลลาร์ แต่เขาประหลาดใจที่ Quest กลับรองรับการใช้งานของคนส่วนใหญ่ได้ดีกว่า และ "แฟนบอย" จะไม่พอใจเขาที่พูดอย่างนี้ เขาบอกว่าโลกคอมพิวเตอร์ในอดีตมีโมเดลเปิด vs โมเดลปิด ถึงแม้ว่าโมเดลปิดของแอปเปิลชนะในสงครามสมาร์ทโฟน แต่ในอดีต โมเดลเปิดของไมโครซอฟท์ก็เคยชนะมาก่อนในยุคพีซี และ Meta จะเป็นโมเดลเปิดที่ชนะในการแข่งขันยุคถัดไป
Comments
ถ้าไม่ดีกว่า แล้วจะบอกว่าของตัวเองไม่ดีหรอ
มือใหม่!! ใหม่จริงๆนะ
คงไม่มีใครบอกว่าสินค้าของตัวเองไม่ดีหรอกมั้ง ในเมื่อเป็นสินค้าคู่แข่งกันนี่นา -_-
review ต่างประเทศก่อนที่ Mark จะแนะนำ ก็ไปในทิศทางเดียวกันคือไม่คุ้ม เห็นมีชาวต่างชาติมาเม้นบอกว่า Vision Pro ราคาเท่า Quest 7 ตัว ควรแต่ดีกว่ากัน 7 เท่าแต่ไม่ไง ต้องรอดูรุ่นถัดไป ต้นทุนวิจัยมันสูง ขนาด Reality lab ของ Mark ช่วงแรกๆ ยังไม่มองกำไรเลย
Tim Cook ลอง Meta Quest 3 แล้วหรือยัง
ผมเห็นด้วยนะ Vision Pro ไม่ได้มีอะไรที่ล้ำกว่าเลย แต่ใส่จอและอุปกรณ์ที่คุณภาพดีกว่า ไม่ถึง 2 เท่า ในราคาแพงกว่า 7 เท่า และข้อเสียเรื่องหนัก เรื่องสายแบต
ใส่เมต้าแล้วจะมีโพสแนะนำบอลแม่น เลขเด็ด อวยสินค้า วางขายร้าน ด้วยใช่ไหม
เทคโนโลยีที่เข้าถึงได้ในราคา 20,000บาท ผมก็โอเคนะ ถ้าแง่feature quest3 ทำได้ทุกอย่างที่Apple VisonProมีเลย สู้ไม่ได้เรื่องความละเอียดภาพ กับตอนใส่เดิน (ภาพตอนใส่เดินในquest มันจะหลอกตา บวมๆหน่อยๆ )
ถ้าซื้อมาเน้นดูหนัง ท่องเวป กดจิ้ม keyboardกลางอากาศ ได้เหมือนกัน
feature ที่ได้ต่อเม็ดเงินที่จ่าย okเลยละ ในไทย ถ้าใช้code lazada shopee แรงๆ กดไปเหลือตัวละ 18,000-19,000
แล้วด้วยความที่os มันเป็นandroid ถ้าผู้ใช้เป็นdev ก็sideload ตัว apk เข้าไปได้ครับ จะimplementเพิ่ม หรือเอาapkเถื่อนinstallได้อาจจะไม่เหมาะกับผู้ใช้ทั่วไปแต่อาจจะเหมาะกับคนITจ๋าๆ ที่อยากลองประสบการณ์ใหม่ๆ
สิ่งที่เหนือกว่าก็เห็นชัดอยู่แล้วคือความเป็นแฟชั่นนำเทรนทำให้คนแห่กันใส่มาอวดเต็มไปหมดตั้งแต่วันแรกที่วางจำหน่าย
เห็นรูปแบบการใช้งานที่ถ่ายอวดลง social แล้ว .....
จุดแข็งของ Apple คือ พลังในแง่ของลัทธิ มากกว่าความดีของตัว product ไปมาก ๆ เลย
แอบชอบ hololens มากกว่า แต่พี่ microsoft แกก็ชอบทำลายตัวเองเล่นจริง ๆ
ชอบ Hololens เช่นกัน ยังไงก็ยังชอบมองด้วยตาตัวเองมากกว่ายกเว้นในกรณีที่มีปัญหาสายตา หรือมองในที่มืด
ชอบด้วยครับ
ส่วนตัวผมชอบแบบ Google glass มากกว่าครับ ของมาก่อนกาล
บล็อก: wannaphong.com และ Python 3
Holo lens +1
ยังไม่ระเบิดอยู่กับทหารและพวกองค์ที่ซื้อ แต่ปลดคนจะทำตัว 3 ต่อไหมยังไม่แน่นอนเลย ฮ่าๆ
เสียดาย Hololens สุด ๆ
คล้ายๆไอโฟนไหมนะไม่ได้ล้ำอะไรมากกว่ามือถือดรอยด์เลย แต่ทำไมยอดขายมันสวนทางกัน อันดับ 1-10 มีของsam เข้ามาอันดับท้ายๆแถมไม่ใช่รุ่นท็อปซะงั้น
ออกนอกเรื่องแว่น
ผมขอทายแบบมั่วๆว่ายอดขายไอโฟนตัวทอป จะไม่ได้ดีแบบนี้ไปตลอดหรอก สุดท้าย(น่าจะภายใน 10 ปีข้างหน้า) จะกลายเป็นรุ่นประมาณ SE ที่ขายดีแทน เพราะราคาตอนนี้มันขายความพรีเมี่ยมของสินค้ามากกว่ามีฟีเจอร์ที่จำเป็นต่อการใช้งานทั่วไปแล้ว
แต่กับยุคถัดไปที่มือถือทุกเครื่องเป็นสมาร์ทโฟนหมด แค่สมาร์ทมากน้อยต่างกัน กล้องโทรศัพท์ธรรมดาก็จะแบบว่าดีพอสำหรับการถ่ายรูปทั่วๆไป เดี๋ยวเศรษฐกิจโลกจะเป็นตัวบีบบังคับให้คนเลือกสินค้าที่ราคาไม่แพงเกินไป อย่างทุกวันนี้ เราสามรรถซื้อโน็ตบุ๊คในราคา 2-3 หมื่นกันแค่นั้น ถ้าเป็นผู้ใช้งานทั่วๆไป
Apple ชนะในตลาดสมาร์ทโฟนตัวทอป (และในแง่ของรายได้) แต่ถ้านับรวมโทรศัพท์ทั่วๆไปที่คนจนมีกระจายทั่วโลก จำนวนที่เยอะกว่าก็คงเป็น Platform ที่เปิดกว้างกว่าอย่าง Android อยู่ดี
..: เรื่อยไป
เห็นคนทายแบบนี้มาเป็น 10 ตั้งแต่ iphone 3gs แล้วครับ :-)
จริง ๆ ถ้า huawei ยังไม่โดนแบนตอนนี้ สถานการณ์ iPhone ก็น่าจะเป็นแบบนั้นไปแล้วครับ
เลยคิดว่า ไม่น่ามีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเพราะเดี๋ยวอเมริกา ก็ไปแบนเหมือนเดิม ถ้ามีคู่แข่งที่ตัวเองควบคุมไม่ได้
ผมไม่เคยมี IPhone มาก่อนเลย ไม่สนใจด้วย Tablet ที่เคย ๆ มีก็เป็นพวก Android ไม่ใช่ IPAD แต่เมื่อเช้า Quest3 มี Update Version ใหม่ ซึ่งรองรับการดู Spatial Video มีตัวอย่าง Video มาให้ 5 Video ดูแล้วกระเป๋าตังสั่นเลย เพราะอยากได้ IPhone15 Pro ซึ่งถ่าย Spatial Video ได้ ถ้าเร็ว ๆ นี้ ไม่มีมือถือไหนหรือกล้องไหนทำออกมา Funtion นี้ ผมว่าเป็นจุดขายที่ดีมากอันนึงของ IPhone รุ่น Pro เลยนะ
อย่างน้อยก็ควรให้แว่นตัวเองถ่าย spatial video ได้นะ 🥲
มันจะมีความอิยังเด็สกะอยู่หน่อยๆFebruary 7, 2024 and will be pushed to Meta Quest 3, Meta Quest Pro and Meta Quest 2 headsets.
Spatial Video GalleryIf you have an iPhone 15 Pro or Pro Max, you can now upload spatial videos to your Quest headset using the Meta Quest mobile app. Sample spatial videos are available for viewing on your Quest headset in the Spatial videos section of the Files app.
Spatial video length is limited to 20 minutes.
เขาเขียนว่าiPhone แหละ =v=)
อ่านlog update เสร็จ เหลือบไปมอง Android Studio ที่ต่อกับ Quest3 ที่debugอยู่ :)
updateหน้า ขอswift run on deviceด้วยนะple~~~
ผมเพิ่งลองเข้าไปดูวิดีโอตัวอย่าง ภาพแตกเป็นบางจุด ขยับแล้วเป็นเงาเพียบ แงคือตัวอย่างนี่น่าจะเอาของดีๆ ใส่มาดึงดูดกันหน่อย 🥲
ระบบเปิด แต่ถูกปิดด้วยโฆษณา กับการแอบมองข้อมูลส่วนตัวของเฮียมาร์ค 555
KiKuNhi
ชอบนะ เวลา CEO บริษัทใหญ่ ๆ พูดแบบนี้ มันดูมีความกล้า มีความมั่นใจดี ที่เหลือก็รอแค่เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ 5555
ที่เค้าพูดมาในแง่มุมนั้นก็ถูกนะ คือตอนนี้มันเหมือน Prototype นั่นแหละ แต่ก็พอเห็น Vision ของแอปเปิ้ลกับอุปกรณ์พวกนี้นะว่ามันจะเป็นไปในแนวทางไหน มันดูเป็นสินค้าใช้งานทั่วไปมากกว่า Meta ที่เน้นเรื่องเกมและกลุ่มลูกค้ากลุ่มใดกลุ่มนึง
รอดู Gen 2, 3, 4 เค้าได้เลยครับคุณ Mark เพราะชิพแอปเปิ้ลฝั่ง Mobile มันแรงจริงไรจริง แล้วข้อได้เปรียบคือเค้าทำเองด้วยไม่ต้องรอ Qualcomm พัฒนา
ถ้าตัดข้อเสียของ vision pro เรื่อง น้ำหนักตัวเครื่อง กับราคาที่ยังคงแพง อย่างอื่นก็เหนือกว่า meta นะผมว่า
เข้าใจที่ Mark ออกมาพูดนะ เป็นทั้งการสร้างความมั่นใจให้ทีมงาน และก็ลูกค้าด้วย แต่ด้วยราคาที่ต่างกันขนาดนั้น ไม่น่าจะไปเทียบกันตรง ๆ เหมือนที่ปรกติก็คงไม่มีใครเอารถ Toyota Honda ราคาเกือบล้านไปเทียบรถหรู 7 - 8 ล้าน แล้วก็บอกว่า Honda Toyota มันดีกว่ากลุ่มผู้ใช้งานมันคนละกลุ่มกัน
ด้วยราคาประมาณ 2 หมื่นกว่า ยอมรับเลยกว่า Quest 3 ดีจริง ยังเซ็งไม่หายดันซื้อรุ่น 128 GB ลบเกม ลงเกมจนเบื่อเลย จะซื้อเครื่องที่ 2 เป็น 512 GB ก็กลัวอีก 8 เดือนข้างหน้าออกรุ่นใหม่มา
ซักพัก Apple ออกโฆษณา ถ้าไม่ใช่ Vision Pro ยังไงก็ไม่ใช่ Vision Pro
รายนี้อวยสินค้าตัวเองแบบจะอ้วก เห็นหลายทีละ
สิ่งที่ Apple แตกต่างคือ ถึงจะยังไม่สำเร็จ ก็ไม่ลอยแพง่ายๆ ต้องลองผิดลองถูกอีกพักใหญ่ บริษัททั่วไปเห็นไม่ทำกำไรก็ยุบทีม ลอยแพแล้ว
จะเปิด จะปิด จะหนัก จะเบา จะร่วง จะปัง เอาเป็นว่า ผู้บริโภคจะตัดสินให้เอง
แพ้อยู่เรื่องเดียว คือ ราคา
ผมไม่เคยลองใส่แว่น VR เลยอยากสอบถามว่า ใส่ได้นานที่สุดกี่ชั่วโมงครับก่อนจะปวดตากัน ?
ส่วนตัวผมไม่คิดว่าสินค้าแนวนี้จะเกิดง่าย ๆ เพราะเทคโนโลยีน่าจะยังไม่ถึง ภาพยังไม่ละเอียดเท่าการมองด้วยตาจริง ๆ และแหล่งกำเนิดแสงอยู่ใกล้ตา ก็น่าจะมีผลทำให้สายตาเสื่อมเร็วกว่าปกติได้
That is the way things are.
จะใส่นานหลายชั่วโมงก็ไม่ปวดตาหรอกครับ ใช้ได้เหมือนระดับที่เราใช้จอคอมทั่วไปปัญหามันอยู่ที่สายที่ใส่มันกดทับเพราะออกแบบไม่ดีน้ำหนักไม่สมดุล ไปถ่วงจุดใดจุดหนึ่งมากกว่า
ส่วน VR ความละเอียดแบบไกล้เคียงมองด้วยตาจริงๆ ก็มีครับแบบพวก varjo ที่ทำตลาด pro พวกนี้ต้องต่อคอมและแพงกว่า Vision Pro ไปอีกระดับ
แฟนผม ก็พูดประเด็นนี้ตลอด เวลาผมใช้งานนาน ๆ แต่เวลาเค้าเล่น เค้าก็ไม่เคยบ่นว่าปวดตาอะไรนะ เค้าเล่นแค่ตกปลา Real VR Fishing เล่นแบบไม่ใส่แว่นด้วย เล่นที่กว่าจะเลิกก็แบตหมด ประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง
ส่วนผม ถ้ายืนเล่น จะเล่นประมาณ 2.5 ชั่วโมงก็เลิกละ เพราะว่าเมื่อยขา แต่ไม่ใช่เพราะปวดตา
หรือถ้านั่งเล่นแบบเอาเกมขับรถพวก WRC Grid Forza หรือเกมพวก Yakuza เกม 3D ใน Steam ไปเล่นใน VR ส่วนใหญ่จะเลิกเพราะนั่งจนเมื่อย หรือหิว หรืออยากเข้าห้องน้ำแต่ไม่ได้เลิกเพราะปวดตา แต่ผมใส่แว่นกรองแสงช่วยนะ
แต่ละคนไม่เหมือนกันเลยครับ
แต่ส่วนตัวเล่นนาน ๆ แล้วอาการอย่างอื่นมันมาก่อนปวดตาครับ ปวดตานี่ท้าย ๆ เลย
ตั้งแต่ ร้อนหน้า เหงื่อออก ยืนเล่นเมื่อยขา นั่งเล่นบางเกม Motion sickness
ผมไม่ได้ใช้ VR แต่ใช้แว่น Xreal น่าจะตอบเรื่องตาได้อยู่
เรื่องปวดตาส่วนตัวแล้วผมไม่มีปัญหาเลยครับ ใช้งานได้ยาวๆดูหนังจบได้สบายๆ ไม่ต่างจากจอทั่วๆไป ผมเข้าใจว่าที่ปวดตาส่วนใหญ่น่าจะเป็นเพราะสายตาโฟกัสวัตถุใกล้ๆ (เดาเอา) แต่แว่นพวกนี้มันมีเลนส์ทำให้เราไม่ได้โฟกัสสายตาที่ใกล้ๆ เรามองไกลเหมือนจอปกติ ก็เลยไม่ได้ปวดตาอะไรเป็นพิเศษครับ
เรื่องความละเอียดจอถึงมันจะยังไม่เท่าตาแต่ผมว่ามันก็น่าจะเพียงพอจะใช้งานได้แบบไม่หงุดหงิดนะครับ อย่างแว่น Xreal เนี่ย PPD สูงว่า Visio Pro เสียอีก (แต่ FoV แคบกว่า) ส่วนตัวแล้วผมไม่ได้รู้สึกว่าความละเอียดมันไม่เพียงพอเลย
แต่ถ้าเอามามันฉายกล้องแบบ passthrough ผมว่าปัญหาน่าจะเป็นเรื่องอื่นอย่างพวก dynamic range หรือ noise หรือ latency อะไรพวกนี้มากกว่า ไม่แน่ใจว่า Vision Pro ทำเรื่องนี้ได้ดีแค่ไหนเหมือนกัน แต่น่าจะดีสุดในตลาดตอนนี้แล้วล่ะ ชิปแรงขนาดนั้น
** เปลี่ยนตำแหน่ง reply **
That is the way things are.
โอ้ ขอบคุณทุกความเห็นมาก ๆ ครับ
That is the way things are.
ถ้ามอง Quest 3 กับ Vision Pro เป็นสมาร์ทโฟน
Quest 3 คือแอนดรอย spec ระดับกลางๆ ที่มีแอพมากมายให้เลือกใช้ แอพคุณภาพก็มากมาย แล้วยังสามารถทำตัวเป็น Remote ที่สามารถรันแอพที่มากมายบน Pc (PCVR) ที่ gpu เหนือกว่าสมาร์ทโฟนได้
Vision Pro เหมือนสมาร์ทโฟนเรือธง ที่ spec แรงสุด จอความละเอียดสูงสุดในรุ่น ที่มาพร้อมกับ os ระบบปิด มีฟีแอพติดเครื่องเจ๋งมาจำนวนหนึ่ง แต่เวรกรรมดันไม่มีซอฟต์แวร์ที่จะรีดประสิทธิภาพของเครื่องให้ใช้งาน รูปแบบแอพที่เล่นได้ก็จำกัดแค่การใช้มือ (และตาที่ฟังก์ชันเดียวกับใช้มือ)