Tags:
Node Thumbnail

การแบ่งขั้วแยกข้างในสหรัฐฯ นับวันก็ยิ่งร้าวลึก ไม่ใช่แค่มีเรื่องให้เห็นต่างกันมากขึ้นระหว่างเดโมแครตและรีพับบลิกัน แต่ดีกรีความเห็นต่างในแต่ละเรื่องก็ทวีความเข้มข้น แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ 2 ขั้วเห็นพ้องต้องกัน นั่นคือประเด็นเรื่องจีน

ถ้าใครได้ตามข่าวต่างประเทศอยู่บ่อย ๆ น่าจะผ่านตากันมาบ้างกับประเด็นที่สหรัฐฯ พยายาม บีบให้ TikTok แยกกิจการจาก ByteDance (บริษัทแม่ในจีน) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและ วุฒิสภา เกิน 80% เห็นด้วยในเรื่องนี้ แม้สองพรรคใหญ่จะแบ่งเก้าอี้กันครึ่งต่อครึ่งในสภาทั้งสอง ย้ำชัดถึงความกลมเกลียวกับในเรื่องจีน

ต้นสายปลายเหตุของเรื่องนี้คือการที่ทางการสหรัฐฯ กังวลว่า TikTok อาจเปิดช่องให้ทางการจีนสามารถเข้าถึงข้อมูลบนแพลตฟอร์มภายใต้ข้อบังคับของกฎหมายจีน ตลอดจนอิทธิพลของพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่มีเหนือบรรดาผู้ประกอบการโดยเฉพาะบริษัทเทคโนโลยีของจีน ส่วน FBI เตือนถึงความเป็นไปได้ในการแผ่อิทธิผลด้านข้อมูลข่าวสารผ่าน TikTok

alt=

คำถามสำคัญคือ ความกังวลของสหรัฐฯ มีมูลแค่ไหน? เพื่อจะทำความเข้าใจ เราต้องลองลอกเปลือกหัวหอมออกมาดูกันทีละชั้น

เสียงเล่าอ้างจากอดีตพนักงาน TikTok

หลายคนน่าจะรู้กันอยู่แล้วว่า ByteDance คือร่มใหญ่ของแอปหลาย ๆ ตัว เช่น TikTok (แอปวิดีโอสั้นที่ดำเนินงานทั่วโลก) Douyin (แอปคล้าย TikTok ในเวอร์ชันจีน) Jinri Toutiao (แอปอ่านข่าวของจีน) และอื่น ๆ

ซึ่ง TikTok เน้นย้ำเสมอว่า การดำเนินงานนอกจีนและในจีนนั้นแยกขาดออกจากกัน

อย่างไรก็ตาม มีรายงานจาก Wall Street Journal ออกมาว่าบางครั้งพนักงาน TikTok ในสหรัฐฯ ก็แชร์ข้อมูลส่วนบุคคล เช่น อีเมล วันเกิด หรือ IP Address กับเพื่อนร่วมงานที่ ByteDance ผ่านแอปส่งข้อความที่ใช้งานกันในบริษัท เรื่องนี้อาจเป็นสัดส่วนข้อมูลเล็ก ๆ แต่นักวิจัยจาก Johns Hopkins มองว่าเป็นหลักฐานสำคัญว่า TikTok ไม่ได้จริงจังมากพอที่จะแยกการดำเนินงานในจีนและสหรัฐฯ

นอกจากนี้ เมื่อต้นปีมานี้ อดีตลูกจ้างของ TikTok ออกมาเปิดเผยกับ Fortune ว่าตนได้ทำงานเกี่ยวกับ การส่งข้อมูลจากสหรัฐฯ ไปยังจีน และยังมีสายบังคับบัญชาลับ ๆ ที่พนักงานสหรัฐฯ ขึ้นต่อผู้บริหาร ByteDance ในจีนโดยตรง

ตรงนี้เป็นข้อสังเกตเล็ก ๆ ว่า เอาเข้าจริง TikTok และ ByteDance ในจีนก็มีจุดเชื่อมต่อกันซึ่งถ้าเจาะดูในรายละเอียดก็จะเห็นภาพใหญ่ที่ชัดเจนขึ้น

ByteDance เผยว่าหุ้นราว 60% อยู่ในมือของนักลงทุนสถาบันทั่วโลก เช่น BlackRock อีกราว 20% เป็นของผู้ก่อตั้ง และอีก 20% เป็นของพนักงานทั่วโลก (รวมถึงพนักงาน 7,000 คน ในสหรัฐฯ) พยายามนำเสนอภาพว่าตนเป็นบริษัทจีนที่มีความเป็นสากลสูง

alt=

แต่ CNN ตั้งจุดสังเกตที่อาจเผยให้เห็นสายสัมพันธ์ของทางการจีนและบริษัทเอาไว้บางส่วน ดังนี้

  • กฎหมายจีนกำหนดให้บริษัทต้องให้ความร่วมมือด้านข้อมูลข่าวสารในปี 2021 จีนริเริ่มกฎหมายความมั่นคงด้านข้อมูลฉบับใหม่ ครอบคลุมกิจกรรมนอกประเทศที่อาจเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติหรือผลประโยชน์สาธารณะ
  • หน่วยงานกำกับดูแลจีนมี Golden Share ใน ByteDanceเหมือนกับบริษัทเทครายอื่นในจีน โดยแม้จะเป็นสัดส่วนหุ้นแค่ 1% แต่เป็นหุ้นที่มีสิทธิโหวตสูง มีอำนาจกำหนดทิศทางบริษัท
  • มีคณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์ในบริษัทเหมือนกับบริษัทจีนอื่น ๆ

ถึงจุดนี้ก็พอมีช่องให้ตีความว่าทางการจีนสามารถเข้ามามีบทบาทบางอย่างหากต้องการเพราะมีกลไกไม่น้อยสอดรับอยู่

เปิดดาต้า คอนเทนต์แอนตี้จีนมีน้อยบน TikTok

คำถามต่อมาคือ หน่วยงานรัฐบาลจีนมีอำนาจ มีสิทธิใน ByteDance แล้ว ส่งผลในทางปฏิบัติของการดำเนินงานแค่ไหน?ในเรื่องนี้มีสถาบันวิจัยชั้นนำด้านการแพร่กระจายข้อมูลข่าวสารอย่าง Network Contagion Research Institute (NCRI) เข้าไปศึกษาและได้ผลสรุปที่น่าสนใจออกมา

NCRI ศึกษาโดยเปรียบเทียบว่าใน TikTok และ Instagram มีจำนวนเนื้อหาแต่ละประเภทต่างกันแค่ไหน (โดยจำแนกประเภทผ่านแฮชแท็ก) โดยใช้ฟีเจอร์ Ads Manager ของ TikTok และ Explore ของ Instagram

ในช่วงเวลาที่ศึกษา Instagram มีผู้ใช้ประมาณ 2 พันล้านราย ส่วน TikTok มีผู้ใช้ 1.5 พันล้านราย (IG มากเป็น 1.3 เท่าของ TikTok) ดังนั้น จำนวนคอนเทนต์ประเด็นต่าง ๆ จึงน่าจะถูกเผยแพร่ใน IG เป็น 1.5 - 2 เท่า TikTok

สิ่งที่พบคือ ในประเด็นทั่ว ๆ ไป เช่น วัฒนธรรมป็อป (เช่น #TaylorSwift) และการเมืองสหรัฐฯ (เช่น #Republican) จำนวนคอนเทนต์ใน IG มีจำนวนเป็น 2.2 เท่า และ 2.6 เท่าของ TikTok ซึ่งยังถือว่าปกติ

แต่ถ้าเป็นประเด็นที่อ่อนไหวสำหรับทางการจีน ตัวเลขจะเป็นอีกแบบทันที เช่น

  • อุยกูร์ 11.1 เท่า (IG มากกว่า TikTok เยอะมาก)
  • ทิเบต 37.7 เท่า
  • การประท้วงในฮ่องกง 181.1 เท่า
  • เทียนอันเหมิน 81.5 เท่า
  • ทะเลจีนใต้ 20.6 เท่า
  • ไต้หวัน 15.3 เท่า

alt=alt=

ส่วนประเด็นระหว่างประเทศก็มีแนวโน้มคล้าย ๆ กัน

  • ยูเครน 8.5 เท่า (จีนต้องคงท่าทีเป็นกลาง เพราะเป็นมิตรกับรัสเซีย)
  • อิสราเอล 6.2 เท่า (จีนต้องคงท่าทีต่อต้านอิสราเอลเพื่อสร้างสมดุลกับประเทศอาหรับและคานกับสหรัฐฯ)

แต่ในประเด็นที่เป็นเผยแพร่แล้วเป็นประโยชน์กับจีน เช่น เอกราชแคชเมียร์ (เป็นประโยชน์ต่อจีนเพราะหากเกิดขึ้นแล้วจะบ่อนเซาะอิทธิพลของอินเดียในเอเชียกลางซึ่งเป็นพื้นที่อ่อนไหวของจีน) TikTok กลับมีจำนวนคอนเทนต์มากเป็น 619 เท่าของ Instagramโดยมีจำนวนโพสต์มากถึง 230 ล้านโพสต์ (เทียบกับโพสต์ในประเด็นคล้าย ๆ กันคืออุยกูร์คือมีแค่ 50,000 โพสต์)

alt=

  • หากจะบอกว่า คนเล่น TikTok ไม่สนใจการเมืองโลกก็คงไม่ใช่ เพราะจำนวนโพสต์เกี่ยวกับแคชเมียร์ ยังมากกว่าโพสต์ที่ติดแฮชแท็ก #CristianoRonaldo (7 ล้านโพสต์) และ #HarryStyles (10 ล้านโพสต์) ซึ่งก็น่าตั้งคำถามว่าทำไมโพสต์ในประเด็นโลกอื่น ๆ เช่น ทิเบตหรือยูเครนกลับถูกละเลยใน TikTok
  • หรือในอีกมุม ตัวเลข 230 ล้านโพสต์เรื่องแคชเมียร์ซึ่งค่อนข้างเฉพาะทาง (แต่กลับมีโพสต์มากกว่าประเด็นแมส ๆ) ก็ชวนให้ตั้งข้อสังเกตว่า TikTok มีส่วนเข้ามาช่วยผลักดัน (หรือเซ็นเซอร์) คอนเทนต์ในบางประเด็นตามผลประโยชน์ของจีน

TikTok ออกมาแก้ต่าง

หลังจาก NCRI เผยผลการศึกษานี้ในช่วงปลายปี 2023 ไม่นาน

  • TikTok ได้นำฟีเจอร์ค้นหาข้อมูลแฮชแท็กใน Creative Center ออกทันที
  • และยังลบแฮชแท็กหลายตัวที่ NCRI เข้าไปเก็บข้อมูล เช่น อุยกูร์ เทียนอันเหมิน และปาเลสไตน์

alt=

TikTok ยังรีบออกมาแก้ต่างโดยระบุว่าการศึกษาจำนวนคอนเทนต์ไม่ได้บ่งบอกว่า TikTok ดันหรือเซ็นเซอร์บางประเด็น เช่น ในกรณีของคอนเทนต์เข้าข้างปาเลสไตน์ที่มีมากกว่าอิสราเอลก็เพราะคนอเมริกันยุคใหม่เห็นอกเห็นใจปาเลสไตน์มากขึ้น

ประเด็นคือ ถ้าเรื่องนี้เป็นแนวโน้มในภาพรวม จำนวนคอนเทนต์สนับสนุนอิสราเอลก็ควรมีจำนวนไม่หนีกันมากในทั้ง 2 แพลตฟอร์ม แต่ตัวเลขปัจจุบันคือคอนเทนต์บน IG มีมากเป็น 6 เท่าของ TikTok (1,000,000 โพสต์ กับ 170,000 โพสต์)

alt=

นอกจากนี้ ยังมีนักวิจัยด้านสื่ออย่าง Paul Matzko ออกมาบอกอีกด้วยว่า Instagram เกิดก่อน TikTok ทำให้บางประเด็น เช่น ทิเบต ที่เคยเป็นที่สนใจในอดีตไม่เป็นที่นิยมอีกแล้วในปัจจุบัน

แต่ข้อวิจารณ์นี้อาจเจือจางลงไปเพราประเด็นที่เกิดขึ้นในเงื่อนเวลาคล้ายกันกับทิเบต (คือเป็นกรณีที่เกี่ยวพันกับจีนมานาน) อย่างกรณีแคชเมียร์กลับได้รับความนิยมใน TikTok อย่างล้นหลาม ส่วนประเด็นที่ถือว่าเก่าแก่เมื่อเทียบกับแพลตฟอร์มทั้งสองอย่างเทียนอันเหมินกลับมีจำนวนโพสต์น้อยแค่ใน TikTok เท่านั้น

บริษัทเทคโลก = สมรภูมิโลก?

ท่ามกลางความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนในหลากหลายสมรภูมิ TikTok กลายเป็นอีกหนึ่งหัวหาดของความกังวลด้านความมั่นคงทางข้อมูลและการแผ่อิทธิพลทางการเมือง แม้ว่า TikTok จะพยายามยืนยันถึงความเป็นอิสระจากการแทรกแซงของรัฐบาลจีน แต่หลักฐานบางส่วนก็มีน้ำหนักให้ฝากสหรัฐฯ เป็นกังวลและเริ่มท่าทีเชิงรุก

ในขณะที่การถกเถียงเรื่องนี้ยังคงดำเนินต่อไป สิ่งที่ชัดเจนเสมอมาคือบริษัทยักษ์ใหญ่บนเวทีโลกต่างสื่อถึงให้เห็นนัยยะทางการเมืองโลกได้มากแค่ไหน

ในอดีต Sharp, Panasonic, Toyota เป็นตัวแทนความรักและชังระหว่างสหรัฐฯ และญี่ปุ่น

ต่อมา Samsung ก็เน้นให้เห็นความสำคัญของเกาหลีใต้ที่ห้ามละสายตา TSMC ในตอนนี้ก็เป็นดั่งสมรภูมิชี้ขาดของสหรัฐฯ และจีน

ส่วน TikTok คืออีกยุคของความขัดแย้งที่วัดด้วยข้อมูลข่าวสาร ซึ่งไม่ว่าใครก็ไม่อยากแพ้

อ้างอิง: NCRI , TikTok , NYTimes , Fortune , Washington Post , Bloomberg

Get latest news from Blognone

Comments

By: 0FFiiz
Windows Phone Android Windows
on 5 September 2024 - 18:08 #1321275
0FFiiz's picture

โดนอเมริกาจ้องมานานจนชินแล้วล่ะครับล่าสุดคุยกับรุ่นพี่เรื่องรั้วไฟฟ้า เปิด facebook ปุ๊บ โฆษณา เด้งขึ้นมาเลย 😂

By: TeamKiller
Contributor iPhone
on 5 September 2024 - 21:50 #1321283
TeamKiller's picture

เจอทีวีจีน Firewall ดัก Traffic ได้เจอยังไปคุยกับ Server พวก service จีนอยู่เลย ขนาดใช้ DNS ภายในเองก็เรียก dns ข้างนอก ไม่รู้ firewall ตีความมั่วเปล่า

By: ds2kGTS
Contributor Android Symbian Ubuntu
on 6 September 2024 - 02:14 #1321290
ds2kGTS's picture

ในช่วงเวลาที่ศึกษา Instagram มีผู้ใช้ประมาณ 2 พันล้านราย ส่วน TikTok มีผู้ใช้ 1.5 พันล้านราย (IG มากกว่า TikTok 1.3 เท่า) ดังนั้น จำนวนคอนเทนต์ประเด็นต่าง ๆ จึงน่าจะถูกเผยแพร่ใน IG มากกว่า TikTok 1.5 - 2 เท่า

2 พันล้าน มากกว่า 1.5 พันล้าน แค่ 33% เองนะครับ (0.3 เท่า) ไม่ใช่ 130% (1.3 เท่า)น่าจะใช้คำประมาณว่า "IG มีจำนวนคิดเป็น 1.3 เท่าของ TikTok" มากกว่า

By: big50000
Android SUSE Ubuntu
on 6 September 2024 - 02:24 #1321291
big50000's picture

นอกจากนี้ ยังมีนักวิจัยด้านสื่ออย่าง Paul Matzko ออกมาบอกอีกด้วยว่า Instagram เกิดก่อน TikTok ทำให้บางประเด็น เช่น ทิเบต ที่เคยเป็นที่สนใจในอดีตไม่เป็นที่นิยมอีกแล้วในปัจจุบัน

ตรงนี้แหละที่สำคัญ เพราะว่าประเด็นสำคัญทางการเมืองบางอย่างมันไม่เป็นที่นิยมแล้ว และ TikTok เองก็ไม่ได้โด่งดังนานขนาดนั้น ประเด็นเหล่านี้ยังถือว่าไม่ได้บ่งชี้แบบสุดประตูว่า TikTok ลำเอียงสูงจริง ๆ

แต่ผมไม่ได้ตัดประเด็นที่ TikTok เช็ดมูลออกนะ แค่บอกว่าประเด็นนี้ไม่ควรมองข้ามเฉย ๆ

By: jakapong
iPhone Android Blackberry Windows
on 6 September 2024 - 08:27 #1321298

ไม่ต้องไกลครับ ในไทยเราพรรคที่นิยมๆอยู่ ก็ใช้ IO กันหนักมากๆ แต่ไม่รู้ตัว หรือรู้แต่โดนตกไปแล้ว แล้วไปด่าคนอื่นว่า IO

By: Fourpoint
Windows Phone Android Symbian
on 7 September 2024 - 23:31 #1321413 Reply to:1321298

กลุ่มสาวกที่โดน master mind พูดชุดความคิดที่โดนจัดตั้งมาแบบชี้นำผิดๆ ถือเป็นอีกฟากของ IO ด้วยไหม?

หรือเราเรียก IO เฉพาะที่รัฐจ้างหรือเป็นฝ่ายตรงข้ามเรา?

ป.ล. นึกถึงเคสดังไม่นานมานี้ ที่เครือข่ายเพจสายdarkโดนแฉ ว่าเป็นเครือข่ายกลุ่มblackmail แรกๆก็ช่วยชาวบ้านสู้ผู้มีอิทธิพล หลังๆเรียกเงินทั้งสองฝั่ง(ทั้งฝั่งเหยื่อและอีกฝั่ง)ใครจ่ายก็จะกลายเป็นฝ่ายถูก ลงคลิปลับจากทนายฝ่ายที่จ่ายเงินเพื่อโจมตี คนช่วยแชร์ช่วยด่าระดมกำลังล่าแม่มดก็ฟิน นึกว่ากำลังทำดีช่วยรักษาความยุติธรรมในสังคม...พวกนี้่จะลงข่าวพร้อมๆกันหลายเพจชุดข้อความชี้นำไปเหมือนกันหมด เพราะเป็นเครือเดียวกัน

By: shub on 9 September 2024 - 15:32 #1321514 Reply to:1321413

นิยามของIOมันคือปฏิบัติการหรือสงครามของข้อมูลข่าวสารไม่ว่าจะป้อนข้อมูลที่ผิดหรือถูกก็นับเป็นIOได้หมดไม่เกี่ยวกับฝั่งที่ใช้แต่ที่บ้านเราเริ่มหยิบคำนี้มานิยมใช้ครั้งแรกก็มาจากIOของรัฐ(ที่จ้าง?)จะว่าจ้างโดยตรงก็ไม่ถูกซะทีเดียวเพราะส่วนใหญ่คือบังคับเกณฑ์มาจากหลายๆภาคส่วนมาทำงานให้โดยมีทหารเข้าไปควบคุมให้ทำอีกที เนื่องจากความไร้คุณภาพของIOเหล่านี้ที่รัฐจัดสร้างมาขำขันถูกใจชาวเน็ตมาก คำว่าIOเลยมักนิยมใช้เรียกIOของรัฐส่วนจริงๆจะให้เรียกIOว่าฝ่ายไหนมันก็ต้องมาดูบริบทกันอีกทีแต่หลักๆก็นิยมใช้เรียกIOของฝั่งรัฐกันนั่นแหละ

By: Fourpoint
Windows Phone Android Symbian
on 12 September 2024 - 14:54 #1321895 Reply to:1321514

ผมแค่ถามว่ากลุ่มจัดตั้ง ที่ไม่ใช่รัฐจ้างมา/หรือเป็นคนของรัฐจะเรียกอะไรดี? พลังบริสุทธิ์?

เอกชนก็ทำ propaganda ได้เช่นกัน และหลายคนที่คิดว่ากำลังทำดีจริงๆก็ทำยิ่งกว่า IO ซะอีก

By: YongZ on 6 September 2024 - 12:16 #1321327

รัฐคอมถ้าจะล้วงเอกชนในจีนคือต้องได้ อยู่ที่จะทำเมื่อไหร่

By: suriyan2538 on 6 September 2024 - 13:46 #1321337
suriyan2538's picture

ส่วนตัวไม่เคยโหลด TikTok ลงเครื่องเลยแฮะ เพราะไม่ชอบเนื้อหาสั้นๆ และเนื้อหาบางอย่างก็ไม่ถูกรสนิยมส่วนตัวเท่าไหร่

แต่เคยใช้งานผ่านเว็บบ้าง 3 - 4 ครั้ง พบว่าการเข้าถึงมันยังไม่ดีสำหรับคนตาบอดเท่าที่ควร (ซึ่งก็เป็นปัญหาของแพลตฟอร์มฝั่งจีนอยู่แล้ว)

By: YF-01
Android Ubuntu
on 6 September 2024 - 16:06 #1321346

เทียบแบบนี้ แปลว่ามั่นใจว่าข้อมูลใน IG เป็น Organic ล้วน 100% รึเปล่าครับ?

ส่วนตัวผมเชื่อว่า Tiktok กับรบ.จีน มีนอกมีในกันแน่นอนล่ะแต่การสรุปโดยเอา Product อเมริกามาเทียบ Product จีน แล้วฟังธงว่า Product จีนไม่ Organic ก็แปลว่าผู้เขียนมีความเชื่อว่า Product ของอเมริกานี่ Organic แท้ๆนะครับ

By: shub on 6 September 2024 - 16:43 #1321348

ก็ไม่ไว้ใจกันทั้งคู่นั่นแหละแค่จีนอำนาจเด็ดขาดแบนไปก่อนตั้งนานแล้วส่วนเมกายังยึกยักกันอยู่ว่าจะเอายังไง

By: hisoft
Contributor Windows Phone Windows
on 6 September 2024 - 17:24 #1321355
hisoft's picture

ช่วง TikTok ขึ้นให้การต่อสภา ที่ว่าโดนสว. ถามแปลกๆ คลิปพวกนั้นขึ้นมาในฟีดรัวๆ เลย ปัดข้ามเร็วๆ ก็ยังขึ้นมาอีก

By: maxmin on 6 September 2024 - 21:53 #1321366

ถ้าด่าจีนเป็นเผด็จการกับพรรคเดียวสหรัฐอเมริกาก็เผด็จการสองพรรคแหละว้าาาา ระบบเลือกตั้งของอเมริกาเอิ้อต่อพรรคใหญ่ 2 พรรค กีดกันพรรคเล็กไม่ให้ได้ผุดได้เกิด

By: keanus
Android
on 7 September 2024 - 22:46 #1321411

ถ้าจะทำ ทำได้ทั้งนั้น ทั้งจีนและอเมริกา

By: macxide
iPhone Android
on 8 September 2024 - 18:11 #1321428

ส่วนตัวมองว่าจีนควบคุมทุกอย่าง ทุกเสี่ยววินาที ชาติแห่งการกอบโกย มีรึจะไม่เอา ไม่เข็ค เป็นไปแทบไม่ได้

By: Architec
Contributor Windows Phone Android Windows
on 9 September 2024 - 10:25 #1321468

คำว่า "มั่ว" แทบจะเป็น automated response ของ IO ฝ่ายขวาเลยล่ะมั๊งเนี่ย

By: whitebigbird
Contributor
on 9 September 2024 - 10:29 #1321469
whitebigbird's picture

อืม ทั้งๆ ที่ผมรู้ว่าอะไรที่พิมพ์ไปในกูเกิลมันก็ถูกใช้มาทำการตลาดกับเราทุกอย่าง แต่ผมดันไม่กังวลเท่ากับการคิดว่าข้อมูลผมถูกส่งไปจีนแฮะ นี่แค่คิดเฉยๆ ยังกังวลเลย

หรือผมโดน io เล่นงานซะแล้ว

By: 0FFiiz
Windows Phone Android Windows
on 9 September 2024 - 11:34 #1321479 Reply to:1321469
0FFiiz's picture

ปั่นกันเข้มมาก ๆ เลยครับตอนนี้ แบบ จะมั่วแค่ไหนก็ไม่สนใจเลย

จะมีคนมาด่า มาแหก เอาข้อมูลมาแย้ง ก็ไม่สนใจ
ใช้วิธีแบบ เน้นพูดบ่อย ๆ พูดเยอะ ๆ พูดในหลาย ๆ ช่องทาง
ทำไปเรื่อย ๆ สักวันคนก็จะคิดว่ามันเป็นความจริงไปเอง

แล้วไม่มีใครทำอะไรได้ด้วย แบบ เฮ้ออออ

By: hisoft
Contributor Windows Phone Windows
on 9 September 2024 - 14:26 #1321500 Reply to:1321479
hisoft's picture

จะมีคนมาด่า มาแหก เอาข้อมูลมาแย้ง ก็ไม่สนใจ
ใช้วิธีแบบ เน้นพูดบ่อย ๆ พูดเยอะ ๆ พูดในหลาย ๆ ช่องทาง
ทำไปเรื่อย ๆ สักวันคนก็จะคิดว่ามันเป็นความจริงไปเอง

ที่น่ากลัวสุดคืออันนี้ และคนที่ตามอะไรแบบนี้

By: 0FFiiz
Windows Phone Android Windows
on 9 September 2024 - 17:13 #1321529 Reply to:1321500
0FFiiz's picture

จริง ๆ เราอาจเป็นคนที่โดนแบบนั้น โดยที่เราอาจไม่รู้ตัวนะครับ

และแน่นอนว่า สื่อหลักรวมถึงนักข่าวที่มีชื่อเสียงมาก ๆ
ตอนนี้ก็กำลังทำแบบนั้นเหมือนกันครับ
จริง ๆ พวกเขาก็ทำแบบนี้มาตลอด หุหุหุ

ส่วนตัวตอนนี้แบ่งเป็น 2 ส่วน
1. อันไหนที่คิดว่าไม่ค่อยสำคัญ ก็ skip ไปเลย2. อันไหนที่คิดว่าสำคัญ ต้องตาม ดูทั้งสื่อหลัก สื่อแปลก ๆ youtuber
เก็บ keyword มา search check เพิ่ม แล้วเอามารวมกัน แต่ก็ใช่ว่ามันจะเป็นความจริง 100%

By: hisoft
Contributor Windows Phone Windows
on 9 September 2024 - 18:33 #1321538 Reply to:1321529
hisoft's picture

จริง ๆ เราอาจเป็นคนที่โดนแบบนั้น โดยที่เราอาจไม่รู้ตัวนะครับ

ใช่ฮะ อันนี้เข้าใจ