เรื่องราวทั้งหมดเริ่มจากการเปิดเผยของ The Guardian ถึงคำสั่งลับของศาลที่อนุญาตให้สภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (NSA) และสำนักงานสอบสวนกลางแห่งสหรัฐอเมริกา (FBI) สามารถเข้าถึงข้อมูลการใช้งานโทรศัพท์ (telephony metadata) ทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศจากบริการ Verizon Business Network Services ซึ่งเป็นบริษัทลูกของเครือข่าย Verizon คำสั่งดังกล่าวเป็นคำสั่งของศาลซึ่งจัดตั้งภายใต้รัฐบัญญัติสอดส่องข่าวกรองต่างชาติ (FISA) ที่ถูกแก้ไขให้เพิ่มอำนาจการต่อต้านการก่อการร้ายให้มากขึ้นในสมัยของรัฐบาลบุช หลังเหตุการณ์ 9/11
ทั้งนี้ข้อมูลที่ถูกส่งให้นั้นครอบคลุมถึงเบอร์โทรศัพท์ของต้นทางและปลายทาง ตำแหน่งเสาส่งสัญญาณที่ทำหน้าที่เชื่อมต่อสาย เวลาและระยะเวลาของการโทร และ Unique ID แต่ไม่ครอบคลุมถึงสิ่งที่พูดกันในสาย
เรื่องราวไม่จบแค่นั้นเพราะมีการเปิดเผยเพิ่มเติมถึงโครงการ PRISM ที่ไม่เคยเปิดเผยมาก่อนตั้งแต่การก่อตั้งในปี ค.ศ. 2007 โดยพบสไลด์ที่ใช้เป็นการภายในซึ่งเชื่อว่าใช้เพื่ออบรมเจ้าหน้าที่ความมั่นคงให้ทราบถึงความสามารถของโครงการเผยให้เห็นว่ามีการให้ความร่วมมือจากบริษัทต่างๆ เรียงตามลำดับการเข้าร่วมคือ Microsoft, Yahoo, Google, Facebook, PalTalk, AOL, Skype, YouTube, Apple
ทั้งนี้บริการคลาวด์อย่าง Dropbox ถูกอธิบายเพิ่มเติมว่า "เร็วๆ นี้"
ข้อมูลจากสไลด์ทำให้เรารู้ว่า NSA สามารถเข้าถึงอีเมล แชททั้งภาพและเสียง ข้อมูลที่ถูกเก็บไว้ (เช่น SkyDrive) การส่งไฟล์ VoIP ข้อมูลเครือข่ายสังคมออนไลน์ และยังสามารถร้องขอ "คำขอพิเศษ" (special request) ได้อีกด้วย
ในอดีตการจะเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้จะเป็นต้องได้รับการอนุญาตจากศาลที่เกี่ยวข้องพร้อมหลักฐานที่ว่าบุคคลหรือกลุ่มบุคคลนั้นอยู่นอกสหรัฐฯ เป็นกรณีๆ ไป แต่การเข้ามาของโครงการ PRISM ทำให้เจ้าหน้าที่สามารถใช้เพียงแค่ความสงสัยพอสมควรก็สามารถเข้าถึงข้อมูลเหล่านั้นได้โดยง่าย
มีการพบเพิ่มเติมว่าภายในปีที่แล้วมีการใช้ข้อมูลซึ่งมีฐานจากการใช้ PRISM จำนวน 24,005 ชิ้น เพิ่มเติมจากปีก่อนหน้าถึง 27 เปอร์เซนต์
ที่มา - The Guardian (1) , (2) , (3)
ดูเพิ่มเติม - คำสั่งลับของศาลที่อนุญาตให้เข้าถึงข้อมูล , สไลด์บางส่วนที่ใช้อธิบายโครงการ PRISM
Comments
ข้อมูลที => ข้อมูลที่
ขอบคุณครับ ตาดีมากๆ ^-^
คุณpanurat2000 เป็นบอทตรวจคำผิดครับ
บล็อก: wannaphong.com และ Python 3
แก้และขยายความเพิ่มแล้วครับ ขอบคุณครับสำหรับเรื่องสุดท้ายเป็นคนละกรณีกันครับ ถ้ารวมกันน่าจะกำกวมกว่าเดิม
ถ้าจะเขียน Hotmail, Facbook เป็นภาษาไทย แก้เป็น ฮอตเมล, เฟซบุ๊ก ตามลำดับ
รบกวนชี้จุดหน่อยได้ไหมครับ ผมหาไม่เจอ
ที่หัวข่าวเลยครับ
เมื่อวานเพิ่งดู HBO เรื่อง Enemy of the State
//หลอน
ของผมออกมาเป็นหนังเรื่อง Eagle Eye
samsung ใหญ่แค่ใหน ?https://youtu.be/6Afpey7Eldo
อีกเรื่อง person of interest
อีกเกม Watch dogs
โครงการนี้เขาทำรถถังกับป้อมปืนด้วยนะครับ
ดูแล้วนึกถึงเกมที่ชื่อว่า Watch dog ประมาณว่ารัฐบาลแทรกแซงระบบอินเตอร์เน็ตแบบเบ็ดเสร็จแล้วมีไอบ้าคนหนึ่งแฮกได้ เลยเป็นเจ้าโลก 555+
เป็นเจ้าโลกเลยหรอครับ
ifyouknowhatimean
"You are being watched. The government has a secret system: a machine that spies on you every hour of every day. ...." - Mr. Finch
+555
POI
อยากจะอ่านก็อ่านไปเหอะ ไม่มีอะไรให้ เอาไปใช้ได้ มีแต่ email โฆษณา
มาอ่านเลยครับ โดยเฉพาะ twitter
วันๆเห็นแต่แซะคนอื่นเขา
อย่างกับ digital fortress ถ้ามี TANKADO นี่ใช่เลย
เทรดสโตน ก็น่าจะมีจริงสินะ
เรายังจะไว้ใจบริการต่างๆ ที่บริษัทตั้งอยู่ใน USA ได้อยู่รึเปล่าครับ
Opensource - Hackintosh - Graphic Design - Scriptkiddie - Xenlism Project
จะหนี กลับมาใช้ thaimail เหมือนตอนสมัยเด็กๆดีไหมนะ
อันนี้ ฮาๆ
จำได้ว่าเมื่อก่อนมีบักไม่จำ session
เข้าเมล์แล้ว copy url ส่งให้คนอื่นเปิดเมล์นั้นๆได้เหมือนกัน โดยได้สิทธิ์ login ครบถ้วนเลย
รัฐบาลไทยจะแอบอ่านอีเมล์เหมือนอเมริกาทำหรือเปล่า ? (ล้อเล่น)
chaiyo mail ระบบดีกว่านะท่านลองดู
ผมทันแค่thaimail ครับ
บล็อก: wannaphong.com และ Python 3
ผมใช้ se-ed นะ พื้นที่เยอะดี
May the Force Close be with you. || @nuttyi
ถ้า skype กับ google hangout ไว้ใจเรื่องความเป็นส่วนตัวไม่ได้จะใช้อะไรล่ะนี่ มันต้องใช้ทุกวันเลยนะ
เขียนโปรแกรมเองและติดตั้งเซิฟเวอร์เองครับ
บล็อก: wannaphong.com และ Python 3
Slide ไม่สวยนะฮะ 55
แฟนพันธุ์แท้สตีฟจ็อบส์ | MacThai.com