ทางการตุรกีได้ทำการบล็อคการใช้งาน Twitter ของประชาชนในประเทศตามคำสั่งของนายกรัฐมนตรี Recep Tayyip Erdoğan ซึ่งจำนวนผู้ใช้งาน Twitter ที่ได้รับผลกระทบมีประมาณ 10 ล้านคน
"เราจะกำจัด Twitter" คือคำประกาศกร้าวของ Erdoğan ในระหว่างการรณรงค์เลือกตั้งที่เมือง Bursa ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกของตุรกี โดยเขายังกล่าวอีกว่า "ผมไม่สนว่าประชาคมโลกจะพูดอย่างไร, ทุกคนจะต้องประจักษ์ถึงพลังของสาธารณรัฐตุรกี"
Erdoğan อาศัยอำนาจตาม กฏหมายใหม่ ที่ผ่านการเห็นชอบจากรัฐสภาตุรกีท่ามกลางกระแสคัดค้านและไม่เห็นด้วยจำนวนมาก โดยกฎหมายดังกล่าวอนุญาตให้คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (คล้าย กสทช. ของบ้านเรา) สามารถสั่งปิดเว็บไซต์ได้เมื่อเชื่อได้ว่าเว็บไซต์ดังกล่าวได้ละเมิดสิทธิส่วนบุคคล ซึ่งนอกจาก Twitter ที่เป็นเป้าหมายของ Erdoğan แล้ว เมื่อสองสัปดาห์ก่อนเขายังได้ขู่ว่าจะปิด Facebook และ YouTube ด้วยเช่นกัน
ด้าน Twitter เองได้ตรวจสอบและยืนยันถึงการถูกปิดกั้นการให้บริการในตุรกีจริงเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา ต่อมาภายหลังทางการตุรกีได้ส่งข้อความผ่าน Twitter ระบุว่าผู้ใช้ Twitter ในประเทศตุรกียังคงสามารถรับ-ส่งข้อความได้ผ่านทางบริการ SMS ของโทรศัพท์มือถือ
ย้อนหลังไปก่อนหน้านี้ในเดือนกุมภาพันธ์ Erdoğan เคยแถลงต่อสภาตุรกีเกี่ยวกับเรื่องบอตใน Twitter โดยอ้างว่าพวกมันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อพุ่งเป้าโจมตีการทำงานของรัฐบาล เขากล่าวว่า "หุ่นยนต์จอมวิ่งเต้นนั้นถูกจัดฉากสร้างขึ้นมาและกำลังโหมถล่มด้วยข้อความทวีตจำนวนมาก" และย้ำว่า "พวกเขาสนใจแต่เรื่องการโจมตีด้วยข้อความให้เพิ่มมากขึ้น" โดยวาทกรรมครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงเดียวกับตอนที่มีข้อมูลเบอร์โทรศัพท์จำนวนหนึ่งถูกเผยแพร่สู่สังคม ซึ่งเชื่อว่าอาจมีการพัวพันกับการทุจริตในรัฐบาลของ Erdoğan
หลังจากนั้นไม่นาน Erdoğan ได้ให้สัมภาษณ์ทางโทรทัศน์เมื่อวันที่ 6 มีนาคมที่ผ่านมาเกี่ยวกับความเห็นจากหลายฝ่ายต่อกฎหมายเจ้าปัญหานี้ว่า "คนบางกลุ่มที่รู้จักกันดีได้ลุกขึ้นมาต่อต้านกฎหมายอินเทอร์เน็ตนี้ทันที" เขายังกล่าวอีกว่า "เรามีความมุ่งมั่นที่จะไม่ยอมให้ผู้คนชาวตุรกีต้องตกเป็นเหยื่อของ YouTube และ Facebook" พร้อมอ้างว่า "ผู้คนเหล่านั้น (เครือข่ายสังคมออนไลน์ต่างๆ) ปลุกเร้าความเสื่อมทรามทางจริยธรรม และจารกรรมข้อมูลต่างๆ เพื่อผลประโยชน์ของตนเอง"
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนท่าทีของบุรุษผู้นี้ดูจะสวนทางกับความเห็นของ Abdullah Gül ผู้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของตุรกี ซึ่งเคยให้สัมภาษณ์ภายหลังคำขู่ปิด Facebook และ Youtube ของ Erdoğan ไว้ว่า "การปิดกั้นสิ่งเหล่านั้น (เครือข่ายสังคมออนไลน์) ไม่อาจทำได้" และทิ้งท้ายว่า "ทั้งคู่คือแพลตฟอร์มที่สำคัญมาก, เรามีความภาคภูมิใจเสมอที่ได้เพิ่มขยายเสรีภาพ"
ที่มา - Mashable
Comments
โหดแท้
..: เรื่อยไป
เหลา...//เติมคำเพื่อ?
แต่ก็โหดจริงๆนั่นล่ะ มันคือการปิดกั้นสิทธิและเสรีภาพการแสดงความเห็นของประชาชนเต็มๆเลยนะครับ ผมไม่รู้นะครับว่านายกฯตุรกีทำไมถึงต้องทำแบบนี้
แค่มนุษย์คนนึงที่อยากรู้เกี่ยวกับวงการไอที
วิธีคิดล้าหลังสุดกู่ แบบนี้ไม่รอดแน่ ๆ
คนนี้สินะที่เคยบล็อคยูทูบไป 2 ปี
ก็ไม่รู้สินะ
ไม่รู้จริงๆ
มันต้องมีเบื้องลึกเบื้องหลังมากกว่านั้นแน่ๆ
มีคลิปเสียงโทรศัพท์ของนายกคนนี้หลุดออกมาครับ ลองค้นหาดูกันเองนะครับ ยิ่งร้อนตัวออกมาบล็อคกันแบบนี้คนยิ่งสรุปกันได้เลยว่าคลิปเสียงนั้นเป็นของจริงแน่นอน
คือนายกคนนี้ทำภาพกับคลิปลับตัวเองหลุดแล้วต้องการปกติความอับอาย .. มะโนล้านๆ ^^
เหมือนได้กลิ่นตุๆ ของความวุ่นวายในตุรกี
Writer no.59 เพื่อสังคมแห่งการแบ่งปันความรู้
T ถ้าเป็นพยัญชนะใช้ ท แต่ถ้าใช้เป็นตัวสะกดใช้ ต << สิ่งที่ผมสงสัยคือ Bot ควรใช้ยังไง? เพราะบางคำมีการยกเว้นด้วย..............................
ปิดกั้นกันสุดฤทธิ์แบบนี้ มันจะมีผลให้ประชาชนออกมาต่อต้านไหมน้อ?
ขออย่าให้เมืองไทยมีวันแบบนี้เลย แต่สงสัยอีกสักพัก คงจะมี
เอาจริงๆ ทั้งเฟซบุค ทวิตเตอร์ มีส่วนสำคัญอย่างมากในการปฏิวัติ ยุคหลังๆ โดยเฉพาะโลกอาหรับเลยนะครับปิดคราวนี้ ผมว่าคงไม่ได้มีแค่เหตุผลเดียว
ระบอปเผด็จการมันเป็นแบบนั้นแหละครับ ตั้งองค์กรณ์สูงสุดขึ้นมา (คุณสมบัติคือ สั้งใครก็ใด้ ถอดถอนใครก็ใด้ แต่ตั้งใครก็ใด้ แต่ไม่มีใครฟ้องใด้) จากนั้นไช้การแต่งตั้ง เอาคนของตัวเองเข้ามาควบคุมทุกอย่าง
ระหว่างนี้อาจยอมให้มีการเลือกตั้ง แต่ก็ไช้กลไกลควบคุมกำหนดผู้ชนะซึ่งเป็นพวกของตนเอง และล้มการเลือกตั้งถ้าคนของตัวเองไม่ชนะ หรือมีหน่วยงานที่ควบคุมผู้ที่ใด้รับเลือกตั้งอีกชั้น สุดท้ายก็เข้าควบคุมประชาชนผ่านกลไกลต่างๆ ลึกลงไปถึงความคิดและจิตรใจ
สื่อที่เสรีที่ปิดบังตัวตนใด้ ไม่เลือกข้าง เปิดให้ทุกคนแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ทำให้คนเริ่มคิดและรับข้อมูลด้านอื่นๆนอกจากที่ควบคุมเอาไว้ และทำลายเปลือกของระบอปเผด็จการ หลายประเทศที่ไช้ระบอปเผด็จการจึงไม่ชอบ
samsung ใหญ่แค่ใหน ?https://youtu.be/6Afpey7Eldo
+1 การปิดสื่อเป็นตัววัดที่ดีของระบอบเผด็จการ คือในโลกที่ก้าวหน้าทุกคนมีความรู้ เขาเชื่อกันว่าทุกคนจะมีวิจารณญาณและกรองการรับสื่อเองได้ การปิดสื่อเพื่อความมั่นคงจึงไม่มีความจำเป็น เหมือนเมืองไทย ตอนนี้มีสื่อของทุกค่ายเลือกรับกันตามสบาย สุดท้ายคนก็ฉลาดเอง ถ้าเมื่องไทยเริ่มมีการปิดเมื่อไร ให้สงสัยไว้ว่าเริ่มเข้าระบอบเผด็จการอีกแล้ว และคิดว่ามันคงจะจวนแล้ว ถึงวันนั้นคงไม่มีใครขำออก ว่าประเทศตรู ก็เป็นเหมือนกัน
Google+ รอด ควรดีใจไหม
พี่ไทย เดี้ยวเราตามไป
ใครจะบล็อกยังไงก็ช่าง มุดอุโมงค์ VPN กับหัวหอม โลด :P
บล็อกส่วนตัวที่อัพเดตตามอารมณ์และความขยัน :P
อยู่ตรงนี้พูดใด้ แต่อยู่ตรงนั้นกล้าหรือไม่ ... อย่าลืมว่าไม่นานมานี้
สาวซีเรียถูกลงโทษโดยการปาหินให้ตายหลังถูกจับได้ว่าใช้เฟซบุ๊คhttps://www.blognone.com/node/53437
samsung ใหญ่แค่ใหน ?https://youtu.be/6Afpey7Eldo
มีครับ ทำไปแล้วด้วย
บล็อกส่วนตัวที่อัพเดตตามอารมณ์และความขยัน :P
ถ้าเป็นเผด็จการก็ทำใด้แค่นั้นและทำใด้ไม่นานครับ เดี่ยวทั้ง dns และ proxy ก็จะโดน block
แต่ ตุรกี เป็นประเทศประชาธิปไตย คงต้องดูต่อไปแหละครับ
samsung ใหญ่แค่ใหน ?https://youtu.be/6Afpey7Eldo
ความกลัวจะทำให้คนนั้นเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง
ส่วนเราก็รอคนดีมาปกครองประเทศครับ เชื่อว่าเขาจะไม่มาทำอะไรแบบนี้ อิอิ
"… สามารถสั่งปิดเว็บไซต์ได้เมื่อเชื่อได้ว่าเว็บไซต์ดังกล่าวได้ละเมิดสิทธิส่วนบุคคล …"เอ่อ การสั่งปิดนู้นปิดนี่มันไม่ละเมิดสิทธิส่วนบุคคลเลยเนอะคุณเอ๋อฯ
เริ่มมีการตอบโต้จากประชาชนแล้วครับ
โดยการพ่นเสปรย์ DNS 8.8.8.8 กับ 8.8.4.4 ไว้ทั่วๆบอกให้ใช้ตัวนี้
เอ ว่าแต่เขาบล็อคแค่ DNS เหรอ
เพื่อศีลธรรมอันดี...
:-)
จะว่าไปเมืองไทยก็มี block เยอะแยะไปนะครับ คนที่รู้ว่าใครอะ
ตั้งแต่ชาวตุรกีประท้วงในช่วง Arab Spring นี่ก็ยิ่งทำให้ Social Media อย่าง Twitter, Facebook ฯลฯ ถูกเหล่าผู้นำเผด็จการอำนาจนิยม หรือแม้กระทั่งผู้นำในประเทศประชาธิปไตย พวกนี้ต้องระแวดระวังอยู่ตลอดอยู่แล้ว เพราะกลัวประชาชนบางกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลปลุกระดมต่อต้าน วิพากษ์วิจารณ์ทำให้รัฐบาลเสียชื่อเสียง หรือสร้างความกดดันอื่น ๆ
อย่าให้เกิดขึ้นกับประเทศไทยเลย