บริษัทสตาร์ตอัพที่ร้อนแรงที่สุดรายหนึ่งในรอบ 1-2 ปีที่ผ่านมาคือ Theranos บริษัทด้านอุปกรณ์ตรวจเลือด ที่ก่อตั้งโดย Elizabeth Holmes ซีอีโอหญิง (ปัจจุบันอายุ 31 ปี แต่ก่อตั้งบริษัทตั้งแต่ปี 2003 ตอนอายุ 19 ปี)
จุดเด่นของ Theranos คือผลิตภัณฑ์ด้านการตรวจเลือดแนวใหม่ที่ไม่ต้องเจาะเลือดแบบเดิม แต่ใช้อุปกรณ์ขนาดเล็กที่เป็นสิทธิบัตรของบริษัท เก็บตัวอย่างเลือดเพียงไม่กี่หยด และได้ผลตรวจสอบอย่างรวดเร็ว ถือเป็นการปฏิวัติวงการตรวจเลือดไปอย่างสิ้นเชิง โซลูชันของ Theranos อ้างว่าลดค่าใช้จ่ายด้านการตรวจเลือดลงได้มาก บริษัทเซ็นสัญญากับร้านขายยารายใหญ่อย่าง Walgreens และระบุว่ามีสัญญากับบริษัทยารายใหญ่ของโลกอย่าง Pfizer
ความสำเร็จของ Theranos ทำให้บริษัทได้รับความสนใจอย่างมาก ระดมทุนได้มากมาย จนมีมูลค่าบริษัทเกิน 9 พันล้านดอลลาร์ ตัวของ Elizabeth Holmes กลายเป็นผู้ประกอบการหญิงที่โด่งดังแห่งยุค ลงปกนิตยสาร และขึ้นเวทีงานสัมมนามากมาย
แต่เมื่อไม่นานมานี้ หนังสือพิมพ์ Wall Street Journal ออกมาเปิดโปงพฤติกรรมน่าสงสัยหลายอย่างของ Theranos และเรื่องทั้งหมดอาจเป็นแค่ปาหี่
Elizabeth Holmes ขึ้นเวทีงานของ Forbes - ภาพจาก Theranos
บทความของ Wall Street Journal ระบุว่า Theranos อ้างถึงเครื่องเจาะเลือดที่เป็นนวัตกรรม แต่ในความเป็นจริงแทบไม่มีลูกค้าของ Theranos ได้ใช้เครื่องที่ว่านี้เลย และ Theranos เองก็แทบไม่เคยเปิดเผยข้อมูลหรือกระบวนการทำงานของเครื่องนี้ต่อสาธารณะ วงการแพทย์เองไม่เคยได้ตรวจสอบในลักษณะ peer review ตามหลักวิชาการ และยิ่งไปกว่านั้นการตรวจเลือดที่ผ่าน Theranos มีเพียง 10% ที่ใช้เครื่องเจาะเลือดที่ว่า ส่วนที่เหลือนั้นเป็นการเจาะเลือดตามปกติ และส่งผลตรวจไปให้บริษัทอื่นๆ ตรวจแทนเท่านั้น
Wall Street Journal ยังระบุว่าหน่วยงานด้านอาหารและยาของสหรัฐหรือ FDA อนุญาตให้ Theranos ใช้เครื่องเจาะเลือดเพียงบางกรณีเท่านั้น ไม่อนุญาตให้ใช้ตรวจเลือดได้ทุกกรณี
หลังการเปิดโปงของ Wall Street Journal ก็มีคนดังหลายคนออกมาร่วมแชร์ประสบการณ์การใช้เครื่องตรวจเลือดของ Theranos ตัวอย่างคนดังที่ว่าคือ Jean-Louis Gassée อดีตผู้บริหารคนดังของแอปเปิล เขียนเล่าลงบล็อกส่วนตัว ว่าเขาลองตรวจเลือดกับ Theranos และได้ผลแตกต่างกันอย่างมากการตรวจเลือดในโรงพยาบาลสแตนฟอร์ด (ด้วยวิธีปกติ) ในวันเดียวกัน เขาทดสอบตรวจซ้ำอีกรอบในวันถัดมา ผลก็ไม่ตรงกันอีก เขาส่งเมลเรื่องนี้ถึง Elizabeth Holmes และไม่ได้รับการตอบรับใดๆ
เมื่อสื่อเริ่มสนใจประเด็น Theranos บริษัทยารายใหญ่อย่าง Pfizer และ GlaxoSmithKline ต่างก็ออกมาปฏิเสธว่าไม่เคยทำธุรกิจร่วมกับ Theranos ตามที่อ้าง ส่วนร้านยา Walgreens ก็ระบุว่าจะหยุดขยายสาขาการตรวจเลือดของ Theranos จนกว่าจะเคลียร์ตัวเองได้ ด้าน FDA ออกรายงานการตรวจห้องแล็บของ Theranos โดยระบุว่ามีหลายประเด็นที่ไม่ได้มาตรฐาน ใช้อุปกรณ์เก็บตัวอย่างเลือดที่ยังไม่ผ่านการรับรองทางการแพทย์ และกระบวนการทำงานไม่ถูกตรวจสอบ (audit) โดยผู้เชี่ยวชาญ
อุปกรณ์ตรวจเลือดของ Theranos ที่มีขนาดเล็กมาก - ภาพจาก Theranos
ฝั่งของ Theranos ออกมา ตอบโต้ข้อกล่าวหา ในบางประเด็น โดยบอกว่าจะทำงานร่วมกับ FDA เพื่อแก้ไขข้อกล่าวหา, เทคโนโลยีของบริษัทผ่านการตรวจสอบว่าใช้งานได้จริง, บริษัทมั่นใจในความถูกต้องของการตรวจเลือด และข้อกล่าวหาของ Wall Street Journal มีหลายเรื่องที่คลาดเคลื่อน
ล่าสุด Elizabeth Holmes ไปขึ้นเวทีงานสัมมนาของ Fortune ยอมรับว่าบริษัท "ยังสื่อสารเรื่องเทคโนโลยีได้ไม่ดีพอ" และยอมรับว่าบริษัทเพิ่งใช้เครื่องตรวจเลือดของตัวเองในเชิงพาณิชย์เพียงครั้งเดียวเท่านั้น แต่ก็ด้วยเหตุผลเพราะว่า FDA ยังไม่อนุมัติ เธอยืนยันว่าเทคโนโลยีของบริษัทใช้งานได้จริงๆ และมั่นใจว่า FDA จะอนุมัติการใช้งานอุปกรณ์ตัวนี้อย่างแน่นอน - Fortune
The New York Times อ้างความเห็นจากนักวิเคราะห์ด้านการเงิน Michael Cherny ว่า Holmes ดึงเอา "สูตรสำเร็จ" ของผู้ก่อตั้งบริษัทไอทีที่ยิ่งใหญ่มารวมกัน เธอเป็นนักศึกษาที่ลาออกจากมหาวิทยาลัยชื่อดังกลางคัน ใส่เสื้อคอเต่าสีดำเป็นประจำ เป็นมังสวิรัติที่ไม่ดื่มกาแฟ และดื่มเฉพาะน้ำผักใบเขียว มีภารกิจยิ่งใหญ่ที่จะเปลี่ยนโลก สร้างโลกใหม่ด้วยสโลแกนว่า "เลือดเพียงไม่กี่หยด เปลี่ยนแปลงทุกอย่าง" (One tiny drop changes everything) เดินสายพูดตามงานใหญ่ๆ และให้สัมภาษณ์สื่ออย่างต่อเนื่อง บริษัทของเธอยังดึงนักการเมืองและนักลงทุนรายใหญ่มาสนับสนุน แต่บอร์ดกลับแทบไม่มีคนจากสายวิชาการหรือการแพทย์เลย
ข้อมูลจาก Fortune , New York Times
วิดีโอ Elizabeth Holmes ขึ้นเวที TEDMED 2014 ซึ่งเป็นวิดีโอที่สร้างชื่อให้เธอ
วิดีโอ Elizabeth Holmes ให้สัมภาษณ์ CNBC ตอบโต้การรายงานข่าวของ Wall Street Journal
วิดีโอ Elizabeth Holmes ขึ้นเวทีงานของ Fortune เมื่อวานนี้ ชี้แจงประเด็นเพิ่มเติม
Comments
มังสวิรัต => มังสวิรัติ
ถ้าจริงนี่ ลวงโลกครั้งมโหฬารเลยนะเนี่ย
จะเป็นโอโบคาตะ* 2 หรือไม่ ต้องติดตามชม
( นักวิจัยญี่ปุ่น ในคดีเรื่องสเต็มเซลล์ )
ให้ความรู้สึกเหมือนดู mezz runner แล้วผู้หญิงชุดขาวออกมาพูด
แล้วก็ร่วมมือกับพวก Wicked เพื่อทำการบางสิ่งบางอย่าง...
Coder | Designer | Thinker | Blogger
......
เห็นภาพเลย...
maze runner ครับ
mess runner ต่างหากครับ
ตึ่งโปะ
วงการแพทย์ใช้ evidence based อย่าคิดว่าใส่เสื้อฮิปๆสปีชดีๆแล้วจะรุ่งเหมือนวงการมือถือ (แต่ก็รุ่งไปแล้วนะเพิ่งมาถูกจับได้ 55555)
อ่านแล้วนึกถึง จีที200
ดีน่ะที่ยังไม่ได้ใส่แว่นกรอบกลม
"ใส่เสื้อคอเต่าสีดำเป็นประจำ" ได้เทรนแฟชั่นมาแน่ๆ เลย
หรือบริษัทอื่นอยากได้เทคโนโลยี เลยออกข่าวด้านลบมาโจมตี เพื่อต้องการให้บริษัทเปิดเผยตัวเครื่องและวิธีการทำงานก็ได้ แต่ก็อาจจะเป็นการลวงโลกแบบนักวิจัยเกาหลีเรื่องการโคลนนิ่งก็ได้
ผมว่าไม่เกี่ยวนะครับ
เพราะประเด็นคือยังไม่ผ่านการตรวจสอบของ FDAซึ่งอุปกรณ์/ยาทางการแพทย์ต้องผ่านการตรวจสอบ/ทดลองและได้รับการรับรองจาก FDA ก่อนเสมออยู่แล้ว
ในประเด็นนี้ ไม่ว่าจะเป็นของจริงหรือของปลอม บริษัทก็ไม่จำเป็ต้องเปิดเผยเทคโนโลยีแก้สาธารณะเลยครับแต่ต้องให้ข้อมูลแก่ FDA (ไม่แน่ใจว่าต้องเปิดหมดไหม หรือแค่บางส่วน)
ข่าวละเอียดมากเลยครับ อ่านจนจบแล้ว "รู้สึกอึ้ง"
กรรมพึ่ง share เรื่องของเธอไปเอง
ตกลงคือใช่ไม่ได้ แม่คนนี้โกหกเหรอ แล้วคนที่่ให้ทุนอาจไม่ได้ตังคืนเหรอ
เช้ดดดด... ถ้าเป็นการลวงโลกจริงนี่
ถือว่านางเก่งมวากกกกกกกก ที่มาไกลได้ขนาดนี้
เงิบครั้งมโหฬาร...
อ่านดูแล้วเห็นเค้าลางของการลวงโลกค่อนข้างชัดเลย
คือถ้ามันทำได้จริงและมีประสิทธิภาพจริง FDA ก็น่าจะให้การรับรองไปนานแล้ว และโรงพยาบาลก็น่าจะเอาเข้ามาใช้งานกันบ้างแล้ว เพราะมันลดงานของห้อง lab ไปได้เยอะเลย
นึกถึง GT200 ขึ้นมาทันที
ไม่ถึงขั้นนั้นครับ แต่ขั้นโฆษณาเกินจริงนี่ชัดเจนแล้ว
ไปๆ มาๆ ไปหาข้อมูลเพิ่มเติมมา FDA อนุมัติแค่ทดสอบการติดเชื้อโรคเริมตัวเดียว แต่ดันโฆษณา+รับทดสอบซะ 240
Shut up and ヽ༼ຈل͜ຈ༽ノ raise your dongers ヽ༼ຈل͜ຈ༽ノ
ตอนนี้เหมือนแผนแก้เกมของเธอคือ จะงด ให้บริการ test อันอื่น แล้วให้บริการแค่ทดสอบ herpes อย่างเดียวแทน
ส่วนแถลงตอบโต้ WSJ ก็ออกแนว "ยิงหุ่น" อย่างเดียว
เริ่มมีกระแส feminist อีกนิดนึง ซึ่งอันนี้ไม่แน่ใจว่าเป็นพวกคลั่ง Feminist ออกมาเล่นเอง หรือเป็นวิธี Crisis Management ของบริษัท
แต่ที่เธอไม่เปิดเผยเลยคือ ผลเทส... ไม่เปิดเผยเรื่อง Data หรือ Scientific Journal ของตัวเองเลย
โดยส่วนตัวลักษณะพฤติกรรมเหมือน เด็ก Grad ที่ทำ research มานานพอควรแล้วกำลังจะโดนหยุดให้ทุน เลยต้องเผยแพร่ผลงานออกไปก่อน ใช้การคลุมเครือในการสรุปผลแล้วไปเอาตัวรอดกันตอน present เพียงแต่นี่เป็นในวงการ industrial ไม่ใช่ Academic
Shut up and ヽ༼ຈل͜ຈ༽ノ raise your dongers ヽ༼ຈل͜ຈ༽ノ
ประเทศโน้นไม่มีหมอPornDriftหรือ
ใครช่วยสรุปให้ผมหน่อย มันตรวจเลือดเอาไปทำอะไร ทำไมผมจับใจความไม่ได้เลยว่าเจ้าเครื่องนี้มันทำงานยังไง?
ขอบคุณครับ สรุปแล้วเป็นเครื่องเจาะเลือดที่เป็นนวัตกรรม อะไร ยังไง เจาะไปทำไมก็ไม่มีคนรู้แต่มีคนบริจาคทุน มันดูสับสนๆ งงๆ งวยๆ
จะเหมือนที่โกนหนวดเลเซอร์ไหมนะ