เรียกแขกได้มากจริงๆ สำหรับนโยบายปิดกั้นผู้อพยพจากประเทศมุสลิม 7 ประเทศไม่ให้เข้าประเทศเป็นการชั่วคราว ผู้บริหารบริษัทไอทีเองก็มีปฏิกิริยาต่อต้านนโยบายดังกล่าว แม้ส่วนใหญ่เคย เข้าร่วมประชุมเป็นส่วนตัวกับทรัมป์มาแล้วเรื่องทิศทางเศรษฐกิจและบริหารประเทศ แต่ดูเหมือนนโยบายผู้อพยพจะล้ำเส้นจนต้องคนไอทีต้องออกมาแสดงจุดยืนไม่เห็นด้วย
ไล่เรียงเหตุการณ์หลังจากเซ็นคำสั่งอนุมัติ ซีอีโอ Google เรียกตัวพนักงานที่เข้าข่ายกลับสหรัฐฯ Airbnb ประกาศบริการที่พักพิงฟรีให้ผู้อพยพที่ได้รับผลกระทบ ต่อมาผู้บริหารไอทีทยอยส่ง memo ให้พนักงาน สำนักข่าว Buzzfeed ไปรวบรวมมามีดังนี้
Tim Cook ซีอีโอ Apple
Tim Cook เขียน บันทึก ถึงพนักงานว่า บริษัทตระหนักถึงความสำคัญของผู้อพยพ Apple เองก็จะไม่สามารถมาอยู่ตรงนี้ได้ถ้าไม่มีบรรดาผู้อพยพมาทำงานให้ ผมได้ยินมาว่าพวกคุณรู้สึกเป็นกังวล และจะขอยืนยันว่า นี่ไม่ใช่นโยบายที่เราสนับสนุน
Satya Nadella ซีอีโอ Microsoft
Satya Nadella เขียนบันทึกลง LinkedIn ว่า ในฐานะที่เป็นทั้งซีอีโอและเป็นผู้อพยพด้วย จึงเห็นประโยชน์ของผู้อพยพที่มีต่อบริษัทและต่อสังคมโลก พวกเราจะยังคงให้การสนับสนุนผู้อพยพต่อไป
Mark Zuckerberg ซีอีโอ Facebook
Mark Zuckerberg โพสต์ Facebook ว่า เขารู้สึกเป็นกังวลกับนโยบายนี้ และยังบอกด้วยว่า พ่อแม่เขามาจากเยอรมัน ออสเตรีย โปแลนด์ ส่วนพ่อแม่ของภรรยา Priscilla ก็เป็นผู้ลี้ภัยจากจีนและเวียดนาม สหรัฐฯคือพื้นที่ของผู้อยพ และเราควรจะภาคภูมิใจ
Elon Musk ซีอีโอ Tesla
Elon Musk โพสต์ทวิตเตอร์ ว่า นโยบายปิดกั้นผู้อพยพไม่ใช่ทางที่ดีที่สุดในการรับมือปัญหาในประเทศ บรรดาผู้ได้รับผลกระทบจากนโยบายนี้คือผู้สนับสนุนที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ พวกเขาทำในสิ่งที่ถูกต้อง ไม่สมควรจะถูกขับไล่
Many people negatively affected by this policy are strong supporters of the US. They've done right,not wrong & don't deserve to be rejected.
— Elon Musk (@elonmusk) January 29, 2017
Travis Kalanick ซีอีโอ Uber
Travis Kalanick เขียนบันทึกให้ลูกจ้าง และ โพสต์บันทึกลง Facebook ด้วยว่า นโยบายนี้กระทบผู้บริสุทธิ์มากมาย อูเบอร์ที่มีคนขับเป็นผู้อพยพได้รับผลกระทบแน่นอน ตอนนี้ทางบริษัทกำลังพิจารณาค่าชดเชยให้คนขับช่วงสามเดือนถัดไป เพื่อลดแรงกดดันเรื่องค่าใช้จ่าย รายละเอียดเรื่องนี้จะบอกให้ชัดเจนอีกครั้งเร็วๆ นี้
Logan Green และ John Zimmer ผู้ร่วมก่อตั้ง Lyft
ทั้งสองส่งอีเมลถึงพนักงาน ยืนยันต่อต้านนโยบายทรัมป์เต็มที่ ทีมกฎหมายฝ่ายบุคคลของบริษัทกำลังพิจารณาผลกระทบทางกฎหมายต่อพนักงานที่เข้าข่าย
Reed Hastings ซีอีโอ Netflix
Reed Hastings โพสต์ Facebook ว่า นโยบายทรัมป์กระทบพนักงาน Netflix ทั่วโลก นโยบายนี้ทำให้สหรัฐฯมีความปลอดภัยน้อยลงแทนที่จะปลอดภัยมากขึ้น ถึงเวลาที่เราจะร่วมมือกันเพื่อปกป้องอเมริกาดินแดนแห่งเสรีภาพและโอกาสนี้ไว้
Jack Dorsey ซีอีโอ Square ที่ทำเรื่อง Payment และเป็น ซีอีโอ Twitter
Jack Dorsey โพสต์ทวิตเตอร์ ว่า เป็นกังวลต่อนโยบายนี้ บรรดาผู้อพยพที่เป็นเจ้าของกิจการขนาดเล็กมีส่วนสำคัญในการสนับสนุน Square ผลกระทบด้านเศรษฐกิจคือของจริง พวกเรายังคงสนับสนุนผู้อพยพต่อไป นอกจากนี้ แอคเคาท์ทวิตเตอร์ ก็โพสต์ลงแพลตฟอร์มว่า ทวิตเตอร์เกิดขึ้นได้จากผู้อพยพหลากศาสนา พวกเราจะอยู่ข้างผู้อพยพเสมอ
The Executive Order's humanitarian and economic impact is real and upsetting. We benefit from what refugees and immigrants bring to the U.S. https://t.co/HdwVGzIECt
— jack (@jack) January 28, 2017
Chad Dickerson ซีอีโอ Etsy
Chad Dickerson โพสต์ทวิตเตอร์ ว่า เราเป็นประเทศผู้อพยพ ผมต่อต้านการแบ่งแยกเชื้อชาติ ศาสนา ของผู้คนในสหรัฐฯ
We are a nation of immigrants, and are stronger for it. I oppose excluding people from US based on their nationality or religion, period.
— Chad Dickerson (@chaddickerson) January 28, 2017
นอกจากนี้ยังมีปฏิกิริยาทางสัมคมของเหล่าคนไอทีอีกหลายราย รวมถึงนักลงทุนในซิลิคอนวัลเล่ย์ ที่ออกมาโพสต์ข้อความไม่เอาด้วยและไม่เห็นด้วย เมื่อคืนที่ผ่านมา เหล่าคนพัฒนาเกมก็เข้าร่วมขบวนประท้วงที่สนามบินด้วยเช่นกัน
ที่มา - Buzzfeed , Venture Beat
Comments
วีอีโอ -> ซีอีโอ
ผุ้ -> ผู้
ข้่ง -> ข้าง
ที่อเมริกาเป็นอเมริกาได้ไม่ใช่เกิดจากความหลากหลายหรือ ไม่คิดหรอว่าเมียตัวเองจะเกิดที่ไหนถ้ามีคนคิดแบบตัวเองเป็น ปธน. ตั้งยุคก่อน...
ถ้าได้อ่านข่าวว่าปลด Joseph Dunford แล้วเอา Steve Bannon มาเป็น National Security Council นี่จะคิดเลยว่า ทำไปได้ยังไงครับ
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
เป็นกระแส ถ้าซักพักมีก่อการร้าย วินาศกรรม กระแสก็ตีกลับ แต่ในเยอรมันกระแสตีกลับจุดไม่ติดเพราะผู้อพยพฆ่า/ข่มขืนรายบุคคล ไม่ได้ระเบิดหมู่ Merkel เลยยังรับมาได้เรื่อยๆ (ชื่นชมชีนะเพราะมองข้ามความเป็นชาติ)
ผมว่าเดี๋ยวก็มีครับ ออกนโยบายเหยียดเชื้อชาติแบบนี้ กลายเป็นจะรุนแรงกว่าเดิมด้วย
สุดท้ายแล้วก็เป็นไก่กับไข่อะไรเกิดก่อนกัน ระหว่าง Trump ทำเพราะผู้ก่อการร้าย หรือผู้ก่อการร้ายทำเพราะโดนเหยียด
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
ตอนนี้กราดยิงกันด้วยคนอเมริกากันเองน่าจะยังยอดคนตายเยอะกว่าอยู่
ก่อการร้ายมันมีมานานแล้ว
มันเพิ่งจะมีครับ ผมได้ยินครั้งแรกตอนบินลาเดนชนตึกเวิลเทรด 11 กันยา 2001 นับตั้งแต่นั้นมาคำนี้ก็ใช้เฉพาะกับศาสนามุสลิมเท่านั้นสมัยก่อนจะใช้คำอื่นแทน
การก่อการร้ายมีมานานแล้ว ในเยอรมันนี่ล่าสุดก็ยิงกันที่ห้างในมิวนิคดับ 9 ศพ ขับรถบรรทุกลุยเข้าไปในตลาดในเบอร์ลินดับ 12 ศพ ที่บอกว่ามีเฉพาะ ฆ่า/ข่มขืนรายบุคคล มันไม่ใช่ละ
การก่อการร้ายมีมานานแล้วครับ ผมลองนึกเร็วๆก็เหตุการณ์กลุ่มก่อการร้ายมุสลิมแบล็กเซปเทมเบอร์บุกสังหารนักกีฬาอิสราเอล 11 คน ในกีฬาโอลิมปิกมิวนิกปี1972 แต่มั่นใจว่ามีมานานกว่านั้นอีกแน่ๆครับ
ดูแล้วตานี่ไม่น่าจะได้อยู่ครบ 4 ปีแน่ ๆ
แต่ละคนนี่ะเอาจริงๆ ห่วงผลประโยชน์ตัวเองทั้งนั้น เพราะชาวอพยพทำงานให้ เพราะเมียเป็นชาวอพยพ ถ้าสมมุติเหตุการนี้คือประเทศไทยผมสนับสนุนทรัมป์เต็มที่ นึกถึงกรณีชาวโรฮิญญษ
แต่ละฝั่งมันก็ห่วงผลประโยชน์ของตัวเองด้วยกันทั้งนั้น และผลประโยชน์จริงๆ มันก็ซ้อนทับกันอยู่ มันอยู่ที่ว่าจะสามารถเจรจาตกลงผลประโยชน์กันได้หรือเปล่าแค่นั้นเอง
ทุกคนก็ทำเพื่อผลประโยชน์ตัวเองกันหมดนั่นแหละครับ :p
ผู้อพยพ (immigrant) หมายถึงผู้ที่ย้ายรกรากย้ายไปอยู่อีกประเทศ เป็นคำกว้างๆครับ ซึ่งอาจจะไปทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ผ่านการคัดกรอง มีใบอนุญาตทำงาน หรือ ลักลอบหลบหนีเข้าเมืองไปหางานทำ (อย่างกรณ๊แรงงานเถื่อน) หรือ เป็นผู้ลี้ภัย (refugee) แล้วไม่ได้ทำงาน ก็ได้
เอาเข้าจริง ประเทศที่เจริญแล้วต้องการผู้อพยพมาช่วยผลักดันเศรษฐกิจในขณะที่แรงงานในประเทศไม่เพียงพอ อย่างเช่น สำหรับงานอาศัยทักษะชั้นสูง (ผู้บริหารระดับสูง, วิศวกร, นักบัญชี, โปรแกรมเมอร์, ฯลฯ) ที่สร้างเองไม่ทันความต้องการของบริษัท หรือ ตำแหน่งงานระดับล่างที่ตลาดแรงงานในประเทศไม่ให้ความสนใจ (งานกุลี, คนรับใช้, พนักงงานขายของหน้าร้าน ฯลฯ)
แต่การไปเหมาและตัดสิทธิ์ทั้งหมด โดยไม่สนใจว่าผู้อพยพที่จะเข้ามา เข้ามาอย่างถูกต้องตามกฎหมายหรือลักลอบเข้าประเทศ เสียภาษีถูกต้องตามกฎหมาย (ซึ่งแตกต่างกับพวกคนที่ได้ชื่อว่าเป็นคนประเทศนั้น แต่หลบหนีภาษี ไม่จดแจ้งรายได้ ไม่ต้องเสียภาษีส่งหลวงสักบาท) จะส่งผลเสีย ทั้งเพิ่มปัจจัยที่ไม่เอื้อแก่การลงทุน (ห้ามนำเข้าแรงงานต่างประเทศ) ย้ายฐานการลงทุน ซึ่งสุดท้ายจะแสดงออกด้วย ต้นทุนสินค้าและแรงงานสูงขึ้น ซึ่งผลก็จะตกอยู่ที่ประชาชนเอง
+1
เอาจริง ๆ ไอ้ฝรั่งที่มาอยู่บ้านเราก็เรียก Immegrant นะครับ ... (ไม่นับพวก Expat ที่เดี๋ยวก็กลับบ้านนะ)
ส่วนที่ US นี่เป็น Immegrant กันหมดค่อนประเทศ เหลือแค่เนทีฟอเมริกันอยู่นิดเดียวเอง
หมายถึงชาวอินเดียนแดงใช่ไหมครับ
เห็นด้วยครับ ถ้า Trump จะเอาจริงเรื่องผู้อพยพก็ต้องไล่ตัวเองรวมถึงพวกผิวขาวด้วย เพราะตั้งแต่เดิมมาเจ้าของตัวจริงคือชนเผ่าอินเดียแดงที่คุณบังคับเขาให้อยู่ที่ๆกำหนด ทั้งที่เขาเป็นเจ้าของตัวจริง
ผมเชื้อสายจีน 100% ปู่ ย่า ตา ยาย อพยพมาจากจีนหมด แต่แม่ผมและผมเกิดที่ไทย เลยได้สัญชาติไทย เชื้อชาติไทย จะนับผมเป็นผู้อพยพด้วยไหมครับ?
ชาวเขากลุ่มชาติพันธุ์ เขาอยู่ตามเขาลำเนาไพรมาตั้งแต่หลายร้อยปีที่แล้ว ก่อนประเทศไทยจะชื่อว่าประเทศไทยหรือสยามเสียอีก อยู่ดี ๆ ก็มีคนมาขีดเส้นว่าตรงนี้เป็นเขตไทยนะ ตรงนี้เขตพม่านะ ตรงนี้เขตลาวนะ แต่ชาวเขาพวกนี้เขาไม่ได้รู้เรื่องด้วย ก็ใช้ชีวิตอยู่ของเขาต่อไป ไป ๆ มา ๆ กลายเป็นคนไร้สัญชาตไปซะอย่างนั้น ลูกหลานที่เป็นคนรุ่นใหม่ก็เริ่มพยายามขอสัญชาติ แต่จนปัจจุบันจะแก่ตายกันแล้วก็ยังไม่ได้สัญชาติ แบบนี้เรียกผู้อพยพไหมครับ?
ป.ล. โรฮิญญาก็มีที่มาคล้ายๆ กลุ่มชาติพันธุ์ที่ไม่ได้สัญชาติซักทีในไทยนี่แหละ แต่เขาซวยกว่าที่ไม่มีใครเอา แถมยังขับไล่ให้ไปจากบ้านเกิดเขาอีกต่างหาก ไม่เถียงหรอกว่าโรฮิญญาที่นิสัยไม่ดีก่อความวุ่นวายไปทั่วมันก็มีเยอะ แต่คนกลาง ๆ กับคนดี ๆ มันก็มีอยู่มั้ย? แล้วถ้าเราไปขับไล่กลุ่มชาติพันธุ์ของไทยออกไปบ้าง แล้วเขาฟิวส์ขาด ก่อความวุ่นวายขึ้นมานี่จะบอกว่าเขาเลวฝ่ายเดียวมั้ย?
ป.ล.2 ถ้าจะเอาจริง ๆ ย้อนไปไกล ๆ มีแต่อินเดียนแดงเท่านั้นแหละที่เป็นเจ้าของอเมริกาจริง ๆ น่ะ อเมริกันไปปล้นที่เขามาไม่ใช่หรืออย่างไร?
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
คนรุ่นแรกๆเรียกผู้อพยพ คนรุ่นที่สองมักจะกลายเป็นเนทีฟ แต่ก็มีบ้างที่ไม่เป็น
ชาวเขาในไทยทางเหนือส่วนมากอพยพมาจากประเทศจีน ส่วนทางตะวันตกอพยพมาจากพม่า
คนเลวไม่ว่าจะเลวเพราะอะไรก็คือคนเลว
สมมุติอยู่ๆมีคนเข้ามาอยู่ในบ้านคุณ แล้วคุณเลยพยายามไล่ไปคุณเป็นคนเลวหรือไม่
ถ้าย้อนกลับไปไกลมากๆ อินเดียแดงก็อพยพมาจากเอเชียนี่เอง
ก็นั่นล่ะครับ ลากกลับไปยาว ๆ จริง ๆ ก็แทบจะไม่มีใครอยู่กับที่ อพยพย้ายถิ่นฐานหนีตายกันมาทั้งนั้น ด้วยเหตุผลใดเหตุผลหนึ่ง และถ้าคนเลวเข้าบ้านผมก็ไล่คนเลวออกจากบ้านผมอยู่แล้ว แต่ผมคงไม่ไล่ลูกเมียที่เป็นคนดี ทำงานให้บ้านผมไม่ขาดตกบกพร่องไปด้วยนะ
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
ผมว่านโยบายนี้ก็ถือเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้มีคนเลือก Trump นะ คนอเมริกันเองก็มองว่าผู้อพยพมาแย่งงานตัวเองทำ แถมทำให้ผู้ก่อการร้ายแอบแฝงเข้ามาได้ด้วย
ถ้าแบบเข้มงวดขึ้นผมเห็นด้วย เพราะว่าบางคนมีความสามารถแต่อยู่ผิดที่ แต่แบบเหมารวมไปเลยนี่ผมไม่เห็นด้วยอย่างเด็ดขาดครับ
นายทุนมองว่าทำให้สามารถหาคนง่าย ส่วนคนทั่วไปก็มองว่าทำให้มีคนมาแย่งงานแถมด้วยก่อการร้าย
แหม่ รับตำแหน่งได้ไม่นานก็สร้างความบันเทิงซะขนาดนี้ละ
อิมแพคมันแรง แถมสับสนอลหม่านขนาดนี้ เพราะประกาศใช้ปุบปับด้วยล่ะถ้ามีเวลาให้เตรียมตัวก่อนซักพักคงไม่ขนาดนี้ เพราะน่าจะมีมาตรการจากทั้งสายการบินเพื่อยกเลิกผู้โดยสาร แล้วก็ทาง ต.ม. ที่จะจัดการคนตกค้างด้วย
ผมไม่รู้ว่าเขานับผู้ลี้ภัย(พวกจำเป็นต้องย้ายเพราะสงคราม/ภัยพิบัติ) กับพวกที่ต้องการมาอยู่/หางานทำ เป็นพวกเดียวกันหรือเปล่า เพราะถ้าเป็นกลุ่มแรกมันก็จะกลายเป็นเหมือนยุโรปตอนนี้ที่มีปัญหาอยู่ เพราะถ้ารับเข้ามามากก็จะมีปัญหาที่วัตนธรรมต่างกัน ศาสนาก็ต่างกัน
คนที่ได้กรีนการ์ดเหมือนจะโดนหางเลขไปด้วยนะครับ
ประเทศมุสลิมมีเยอะกว่า7ประเทศนี้ ผมว่า ถ้านี่เป็นคำสั่งเดียวที่แบนชั่วคราว ก็พอจะเข้าใจได้อยู่
แต่หากมีแบนเพิ่มเติมอันนี้ต้องเริ่มคิดหนักได้เลย
ถ้าประเทศไทยเราเป็นมหาอำนาจและออกนโยบายแบบนี้บ้างเห็นด้วย
ผู้ก่อการร้ายแฝงเป็นคนที่อพยพเข้ามาก่อเหตุแบบราชประสงค์
จำเป็นต้องเล่นบทพ่อพระ แล้วประเทศโดนระเบิด
ประเทศเรารวมมิตรเลยจริงๆครับ ถ้าดูจากแฟ้มอาชญากรโลก มีอยู่ช่วงปีไหนไม่รู้ที่ใครๆก็เรียกแดนสวรรค์อาชญากร ตัวบิ๊กเบิ้มมาอยู่ไทยกันเยอะเชียว
ไม่ใช่แค่ผู้อพยพครับ แค่ไปเที่ยวก็ไม่ได้อีกหน่อยจะแบนยูเออี,กาตาร์ พวกสายการบิน Emirates, Etihad และ Qatar airway เตรียมเจ๊ง
ลงลึกในรายละเอียด ปลีกย่อย หลายฝักฝ่าย ต้องทดลอง ดูผลลัพธ์
นโยบายปิดประเทศ?
ไม่น่าอยู่ถึง 4 ปีแน่ๆ
อายุขัยนะครับ
คนว่า Trump ไม่ทีทางที่จะทำตามที่หาเสียงกัน ทุกสือ เจอตนทำจริงมี เงิบ
ก็คนบ้านี่ครับนโยบายหาเสียงแต่ล่ะอัน กวนประสาททั้งนั้น ฝรั่งยังบ่น
ในความเป็นจริง คนที่เลือกก็ไม่ได้เห็นด้วยกับนโยบายแค่อยากลองของใหม่+เห็นแก่ตัวเป็นที่ตั้งผมว่าโดนเองเสียบ้างจะได้สำนึกว่าไม่ควรเลือกคนบ้ามาบริหาร
เล่นเลือกเอาคนนโยบายขวาจัดมาทำงานก็แบบนี้แหละครับเดือดร้อนกันไปทั่ว
แบบนี้คงอยู่ได้ไม่นาน รอดู
ไม่ใช่นโยบายเรียกแขกแล้ว มันนโยบายไล่แขก