จากประเด็นเหยียดสีผิว ทำให้บริษัทไอทีตื่นตัวมากขึ้นเรื่องการสร้างความหลากหลายทางเชื้อชาติในองค์กรที่ถูกวิจารณ์กันมานานว่ายังไม่หลากหลายมากพอ ล่าสุดไมโครซอฟท์ตามรอย กูเกิล และ Facebook ออกมาให้สัญญาว่าจะเพิ่มสัดส่วนคนดำในตำแหน่งสูงอย่างผู้จัดการ ตำแหน่งงานอาวุโส ให้ได้สองเท่าภายในปี 2025
ไมโครซอฟท์ยังลงทุนเพิ่ม 150 ล้านดอลลาร์ เพื่อผลักดันประเด็นความหลากหลายในองค์กร โดยในปีงบประมาณ 2021 ไมโครซอฟท์จะเพิ่มเนื้อหาเรื่องการทำความเข้าใจประสบการณ์ของชุมชนชาวอเมริกันผิวดำและชาวแอฟริกันอเมริกันให้แก่พนักงานทุกคน เพื่อให้แน่ใจว่าทุกคนเข้าใจประสบการณ์ชีวิตของคนกลุ่มนี้ให้ดียิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ไมโครซอฟท์ยังให้สัญญาว่าจะทำงานร่วมกับธุรกิจ, ซัพพลายเออร์ที่เจ้าของเป็นคนดำเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าภายในสามปีข้างหน้า รวมถึงลงทุนเป็นเงินเพิ่ม 50 ล้านดอลลาร์เพื่อสนับสนุนธุรกิจคนดำ
จากรายงานความหลากหลายของไมโครซอฟท์ประจำปี 2019 พบว่า 4.5% ของพนักงานทั้งหมดและ 2.7% ของผู้บริหาร เป็นคนดำ คนผิวขาวคิดเป็น 53.2% ของพนักงานทั้งหมด และพนักงานส่วนใหญ่ของไมโครซอฟท์ร้อยละ 72.3 เป็นผู้ชาย จะเห็นได้ว่าแม้แต่ไมโครซอฟท์ก็ยังห่างไกลกับความหลากหลายในองค์กร
ที่มา - Engadget , ไมโครซอฟท์
Comments
ตกลงบริษัทที่บอกจะเพิ่มความหลายหลาก ปกตินี้ไม่ได้เลือกคนตามความสามารถเหรอ
ลองมองว่าเป็นการให้โอกาสดูครับ เพราะว่าถ้าไม่มีโควตานี้ก็อาจจะไม่มีโอกาส แสดง/พัฒนา ความสามารถก็ได้
ตรงไหนของข่าวที่เค้าบอกว่าเลือกเฉพาะผิวสีโดยไม่ดูจากความสามารถนะครับ
หรืออยู่ตรงหัวข่าว?
จากเป้าหมายที่ว่าจะเพิ่มสองเท่าไง
ถ้าสมมติว่า candidate มีเข้ามาคนขาว คนผิวสี แล้วคนขาวความสามารถดีกว่า เลยต้องเลือกคนขาว สุดท้ายแล้ว 2025 จำนวนคนผิวสีในระดับ management ไม่เป็นสองเท่า นั่นคือ failed นะ
ดูความสามารถ และตำแหน่งดังกล่าวจะกั๊กไว้สำหรับคนผิวสีโดยเฉพาะครับ แปลว่าถ้ามีคนขาวที่เก่งระดับเทพก็จะไม่ได้ตำแหน่งที่กั๊กไว้ดังกล่าว
มีคนขาวที่เก่งระดับเทพก็เอาไปแทนคนขาวคนอื่นที่ไม่เก่งเท่าเค้า
แบบว่าคนเก่าทำงานอยู่ดีๆ แล้วให้คนเก่าออกแล้วเอาคนใหม่ไปนั่งแทนเหรอครับ หรือยังไง ผมไม่เข้าใจที่เอาอธิบายครับ
ใช่ครับเอาคนเก่าออก เอาคนใหม่ไปนั่งแทน
น่าจะทำไม่ได้ในทางกฎหมายนะครับ เลิกจ้างไม่เป็นธรรม โดนฟ้องเละเลยครับ
อาจจะทำได้ แต่ก็ต้องมีเกณฑ์แบบว่าสามารถโละคนออกทุกปี เช่น ถ้าเซลคนไหน perfermance ต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนด 2 ปีติดก็จะถูกเชิญออก
แต่ตำแหน่งอื่นๆ ไม่รู้จะว่าจะต้องทำเกณฑ์แบบไหนถึงจะสามารถเชิญคนออกได้ทุกปี
แต่อย่างนี้ก็ดูโหดไป
ที่ทำได้คือจ้างออกแบบทุ่มเงินใส่ครับ ไม่งั้นโดนฟ้องจะเสียเยอะกว่าที่จะได้
performance based layoff ยังไงก็ต้องจ่ายเงินชดเชยรึเปล่าครับ ยิ่งเป็นระดับ management แพงอยู่นะ
เพราะคนดำที่มีความสามารถบางคนเขาคิดว่าต่อให้ตัวเองเก่งแค่ไหนก็ไม่มีโอกาสจะเข้ามาก็เลยไม่ดันตัวเองเข้ามาครับ ไม่ใช่แค่ตำแหน่งอาวุโสแต่รวมตำแหน่งอื่นๆด้วย
เพราะงั้นเลยต้องมีระบบโควต้าเพื่อสื่อสารว่าคุณมีโอกาสเข้ามาได้นะนั่นแหละครับ นอกจากนี้พอสัดส่วนเยอะขึ้น อนาคตต่อให้ไม่มีระบบโควต้าคนดำที่มีความสามารถก็จะกล้าดันตัวเองเข้ามาเองครับ
ปัญหาเหยียดผิว ไม่ได้อยู่ที่คนขาวอย่างเดียว บางส่วนก็อยู่ที่คนดำเองด้วยครับ
อย่างไรก็ตาม ถึงมีโควต้าเขาก็รับคนที่ความสามารถนั่นแหละ เพราะถ้าความสามารถไม่เหมาะสมจะยิ่งถูกเหยียดหนักเข้าไปอีก
แนะนำให้อ่านอันนี้ครับ Recent pledges by Google, Facebook, Apple, and Microsoft to diversify their workforce come after years of similar claims followed by little progress
Let double the white and see how social react.
.#socialexperiment .#justaprankbros
Let's double the white and see how society react.
ขอบคุณครับ
ทำไมไม่เพิ่มโควต้าคนเอเชียด้วยละ racist คนเอเชียนี่นา
ขอเว้นคนเอเชียไว้เถอะครับ
ดูแต่ละ comments นี้อคติกันจังครับ 5555 ตั้งแต่ข่าวก่อนหน้าละ นี้ส่วนตัวผมก็ไม่ได้ชอบ SJW นะ
มันเหมือนเป็นการเอื้อให้คนดำ (หรือคนสีผิวอื่นๆ) ได้โอกาสมากกว่าคนขาวแบบกลายๆ หน่ะครับปล. ที่ บ. ก่อสร้าง ที่คนรู้จักไปทำงานเค้าเคยมีปัญหาคล้ายๆ กัน แต่เป็นในระดับพนักงาน (HR เป็น White Supremacist เลยทำให้พนักงานเกือบทั้งหมดเป็นคนขาว ยกเว้นระดับที่สูงกว่า HR) บ. แก้ปัญหาด้วยการให้ recruiter (ที่มาแทนที่ HR ที่ว่าในภายหลัง) ทำ anonymise ผู้สมัครงาน โดยลบข้อมูลที่สามารถบ่งบอกว่าผู้สมัครเป็นใคร ตอนสัมภาษณ์ก็ไม่เห็นหน้า เสียงก็ถูกปกปิดอัตลักษณ์ จะรู้อีกทีตอนมาทำงานแล้วว่าคนที่ได้เป็นใคร ซึ่งมันแก้ปัญหานี้ได้ แถมมีพนักงานหญิงเพิ่มขึ้นด้วยครับ
ผมว่าส่วนตัวเป็นวิธีที่ดีเลยครับ แต่คงใช้กับ บ ใหญ่ๆ ไม่ได้เพราะโดน SJW โวยวายไปหน่อย แต่ผมก็เห็นด้วยที่ว่าควรจะเปิดใจกันมากกว่านี้
แบบนี้เห็นด้วยครับ
ประเด็นที่เค้าตั้งใจ allocate ตำแหน่งไว้สำหรับ minority especially black people and non-male เพื่อเป็นการแสดงความตั้งใจให้เกิดความเท่าเทียมครับ
แต่มันไม่ใช่ความเท่าเทียมในแง่โอกาสที่ทุกคนมีเท่ากันขอแค่มีความสามารถ แบบที่เราๆ ท่านๆ เข้าใจ สิ่งที่เค้าต้องการคือสร้างระบบที่มีความเท่าเทียมในเชิงอัตราส่วนซึ่งคำนวณจากสัดส่วนของประชากรตาม race, sex, ethnicity etc. (และนั่นทำให้วิธีการ recruit แบบ non or less biased แบบที่คุณ osmiumwo1f เล่าให้ฟังน่าจะต้องถูกเอามาปรับเปลี่ยน เช่น เป็นคนดำ แต่ปกปิดหน้าเพื่อให้ไม่รู้ว่าเพศอะไร ขอแค่เป็นคนดำพอ)
สาเหตุที่ทำแบบนี้เพราะก่อนหน้านี้ แม้จะไม่ปิดกั้นผิวสีอื่นๆ แต่ความหลากหลายในองค์กรมันก็ไม่เข้าเป้าที่ตั้งไว้ซะที ก็เลยต้องตั้งใจแบบสุดๆ แบบนี้แหละครับ
ปล. อันนี้อธิบายถึง motivation จาก move รอบนี้ขององค์กรต่างๆ แบบไม่ได้สนับสนุน หรือต่อต้านนะครับ
ประเด็นเรื่องเป้าหมายนี่เข้าใจอยู่ และผมก็เห็นด้วย เพียงแต่วิธีการที่ MS จะใช้เพื่อให้ไปถึงเป้าหมายมันเริ่มจะฝืนเกินไปหน่ะครับ เพราะถ้าสมมุติว่าผู้สมัครมีคุณสมบัติเท่ากันทุกประการ แต่คนแรกเป็นคนขาว อีกคนเป็นคนดำ การที่จะมาเลือกคนดำเข้ามาเพื่อให้เกิดความหลากหลายฯ ขึ้น มันจะไม่ค่อยแฟร์กับคนขาวเท่าไร หรือกรณีเลวร้ายสุดๆ แบบต้องคนดำไว้ก่อน คุณสมบัติค่อยว่ากันทีหลังนี่ ความบรรลัยอาจจะมาเยือนได้ครับ
ผมเองก็เชื่อว่า approach นี้จะ backfire ในภายหลังครับ แต่ยังไม่สามารถกลั่นออกมาเป็นคำอธิบายได้
ส่วนเหตุผลที่คุณให้มา ก็มีคนมาโต้แย้งเสมอๆ ว่าที่เรามองว่าไม่ยุติธรรมกับคนขาวอ่ะ มันเป็นสิ่งที่คนดำ และ minorities อื่นๆ เจอมาตลอด เพราะตามบริบททางสังคมแล้ว คนขาวได้ advantage มาตลอดจนรู้สึกปกติ, minorities ถูกกดทับ ฯลฯ
ผมฟังแล้วผมเข้าใจสิ่งที่เค้าพูด แต่ผมไม่เห็นด้วยกับวิธีการ เพราะแทนที่จะเป็นการลด discrimination ต่อ minorities กลายเป็นว่าไปเพิ่ม discrimination ที่ majority แทน
ซึ่งผมอาจจะคิดสั้นไป หรืออาจคิดไม่ครบ ส่วนตัวพยายามลดการแซะเรื่องที่เกี่ยวข้องให้เยอะๆ พยายามตีมือตัวเองครับ แต่อดไม่ค่อยไหวจริงๆ เพราะบางอย่างมันเริ่มกลับหัวกลับหาง กลายเป็นกระแส bash คนขาว แทนที่จะเป็นกระแสเรียกร้องความเสมอภาคอ่ะ