ท่าอากาศยานนานาชาติดูไบ เตรียมติดตั้งเครื่องตรวจสอบความปลอดภัยสำหรับผู้โดยสารแบบใหม่ เป็นอุโมงค์ที่ให้ผู้โดยสารเดินเข้าที่ด้านในมีกล้องสำหรับตรวจจับใบหน้า
สำหรับในอุโมงค์นี้ จะมีกล้องคอยตรวจจับใบหน้าจำนวน 80 ตัวที่สามารถสแกนใบหน้าผู้โดยสารขณะกำลังเดินผ่าน และภายในอุโมงค์จะติดตั้งจอเพื่อแสดงภาพ อย่างเช่นเป็นตู้ปลา, ทะเลทราย หรือแม้กระทั่งโฆษณา โดยเหตุผลที่ภายในอุโมงค์ติดตั้งจอเพื่อแสดงภาพต่าง ๆ เพื่อให้ผู้ใช้ขยับใบหน้าไปมาเพื่อให้สแกนใบหน้าได้ละเอียดยิ่งขึ้น และเมื่อเดินผ่านอุโมงค์เสร็จเรียบร้อยแล้ว หากผู้โดยสารผ่านการตรวจสอบโดยไม่มีปัญหาใด ๆ จะแสดงข้อความว่า “have a nice trip” แต่หากมีปัญหาจะแจ้งให้พนักงานความปลอดภัยมาตรวจสอบต่อไป
ก่อนหน้านี้สหรัฐฯ เคยสั่ง ห้ามผู้โดยสารสายการบินตะวันออกกลางถืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขนาดใหญ่ขึ้นเครื่อง ซึ่งมีผลกับเที่ยวบินที่ออกจากสนามบินในตะวันออกกลางทุกแห่งไม่เว้นแม้แต่ Dubai, Abu Dabi และ Dohar ที่เป็นฮับสำคัญด้วย แต่ล่าสุดทางการสหรัฐฯ ก็ได้ออกคำสั่งใหม่โดยยกเว้นเฉพาะผู้โดยสารที่บินกับสายการบิน Etihad, Emirates และ Turkish เท่านั้น
เรียกได้ว่าเป็นดีลที่ “มาเหนือเมฆ” มากๆ เมื่อ ESL ผู้จัดทัวร์นาเมนต์ eSport ระดับโลกได้ประกาศความร่วมมือเป็นพันธมิตรกับสายการบิน Emirates บรรจุคอนเทนต์และไฮไลท์การแข่งขัน eSport ที่จัดโดย ESL ลงไปในระบบความบันเทิงบนเครื่องบินสำหรับผู้โดยสารทุกคนที่บินไปกับ Emirates โดยดีลนี้ได้เริ่มตั้งแต่ช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมาไปจนถึงเดือนมิถุนายน 2018
จากข่าวสหรัฐฯ ออกคำสั่ง ห้ามนำอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีขนาดใหญ่กว่าสมาร์ทโฟนขึ้นเครื่องบินเข้าประเทศ โดยมีผลกับเที่ยวบินจาก 8 ประเทศในตะวันออกกลาง ซึ่งรวมถึงดูไบ ที่มีสายการบินรายใหญ่ Emirates ดำเนินงานหลักด้วย
Tim Clark ประธานสายการบิน Emirates เปิดเผยว่าเพื่อให้คำสั่งนี้มีผลกระทบต่อผู้โดยสารน้อยที่สุด ทางสายการบินจะอนุญาตให้ผู้โดยสารใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ได้จนถึงก่อนเดินขึ้นเครื่องบิน โดยไม่ต้องโหลดในกระเป๋าเดินทางตั้งแต่ตอนเช็กอิน และเมื่อขึ้นเครื่องบิน ทางสายการบินจะจัดเก็บอุปกรณ์ไว้ในตู้คาร์โก้แยกเฉพาะ
ผู้บริหารท่าอากาศยานดูไบประเมินว่า จะมีผู้โดยสารเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่จะตัดสินใจเปลี่ยนสายการบินเพื่อเลี่ยงปัญหาดังกล่าว
ที่มา: Reuters
เทคโนโลยีชาร์จแบตเตอรี่ไร้สายรุดหน้าไปเรื่อยๆ และดูเหมือนจะดีพอที่หลายธุรกิจเริ่มสนใจนำไปใช้เพื่อเสริมบริการของตัวเอง ล่าสุดสายการบิน Emirates ประกาศติดตั้งแท่นชาร์จไร้สาย Qi อย่างเป็นทางการ
แท่นชาร์จไร้สาย Qi ที่ Emirates เลือกใช้นั้น จะวางไว้ในห้องรับรอง (lounge) ของผู้โดยสารชั้นหนึ่ง และชั้นธุรกิจ โดยจะมีจำนวนทั้งสิ้น 30 จุด หนึ่งจุดสามารถชาร์จอุปกรณ์ได้พร้อมกันสองเครื่อง โดยตอนนี้จะยังมีแค่ในสนามบินในดูไบเท่านั้น
หน้าตาของแท่นชาร์จไร้สายสามารถดูได้ท้ายข่าว ส่วนจะได้เป็นแบบ ชาร์จไว ที่เพิ่งเปิดตัวมาหรือไม่ คงต้องไปลองกันเองที่ดูไบครับ
ข่าวอาจจะเก่าไปสักหน่อย แต่เห็นว่ายังไม่เคยมีใครเขียนเลยเขียนถึงครับ
เมื่อปลายปีที่ผ่านมา สายการบิน Emirates ของรัฐดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ประกาศเปิดให้ใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่านไวไฟบนเครื่องบินฟรีเป็นจำนวน 10 MB ต่อผู้โดยสารหนึ่งคน จากแต่เดิมที่คิดค่าใช้จ่ายทั้งหมด และถ้าต้องการปริมาณข้อมูลเพิ่ม ก็สามารถจ่ายเงินเพิ่มได้ในราคาที่ถูกมาก โดย 500 MB จ่ายเงินเพียง 1 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 32 บาท) เท่านั้น ซึ่งอายุการใช้งานคือตลอดเที่ยวบิน
Sir Time Clark ซีอีโอของสายการบินระบุว่า ข้อมูลจำนวน 10 MB เพียงพอสำหรับผู้โดยสารที่ต้องการเช็คอีเมลหรือข้อความต่างๆ โดยระบุถึงตัวเลขเฉลี่ยว่า ผู้โดยสารแต่ละคนใช้ข้อมูลอยู่ที่ประมาณ 28 MB ต่อหนึ่งเที่ยวบิน