ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีผู้ใช้งานเครือข่าย dtac ที่ใช้แพคเกจ Go NO LIMIT ซึ่งเป็นแพคเกจที่สามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตได้ไม่จำกัดและไม่ลดความเร็ว ได้ตั้งกระทู้ในเว็บไซต์พันทิป ว่าทาง dtac ได้ลดความเร็วของแพคเกจลงเหลือ 512kbps โดยไม่แจ้งให้ทราบ เมื่อใช้งานไปได้สักระยะ

โดยทาง dtac ได้ตอบในกระทู้ ยืนยันว่าแพคเกจดังกล่าวสามารถใช้งานได้ไม่อั้น แต่หากระบบตรวจพบว่า มีการใช้งานในลักษณะที่กระทบต่อการใช้งานของผู้ใช้บริการอื่นๆ โดยรวม เช่น มีการเชื่อมต่อข้อมูลปริมาณมากตลอดเวลา, การโหลดบิท, ฮอตสปอต​ใน​เชิงพาณิชย์ จะจำกัดการใช้งานอินเทอร์เน็ต เพื่อรักษาคุณภาพในการใช้งานของลูกค้าทั่วไป

การจัดอันดับอินเทอร์เน็ตโดยทั่วไปมักจะ จัดตามความเร็ว แต่รายงานฉบับล่าสุดจาก tefficient รายงานถึงปริมาณการใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์มือถือโดยคิดเป็นปริมาณ และพบว่าเจ้าตลาดสื่อสารไร้สายอย่างฟินแลนด์ยังคงเป็นอันดับหนึ่ง ด้วยปริมาณการใช้งานเฉลี่ยต่อคนถึง 7.2GB กิกะไบต์เดือน ทิ้งห่างที่สองอย่างเกาหลีใต้ (3.8 กิกะไบต์ต่อเดือน) ไปเกือบสองเท่าตัว ขณะที่อันดับรองๆ ลงมาก็ยังเกาะกลุ่มลดหลั่นลงไป

เหตุผลที่ชาวฟินแลนด์ใช้อินเทอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์มือถืออย่างหนัก เพราะระบบการคิดค่าบริการอินเทอร์เน็ตผ่านมือถือในฟินแลนด์ไม่ได้คิดตามปริมาณการใช้งานเหมือนชาติอื่นๆ แต่กลับไปคิดตามความเร็วแบบเดียวกันอินเทอร์เน็ตบ้าน

ก่อนหน้านี้ Telia หนึ่งในผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือรายใหญ่ที่สุดของประเทศสวีเดนได้ออกมาแสดงท่าทีว่าบริษัทจะเริ่มเก็บเงินผู้ที่ใช้บริการ VoIP อย่าง Skype ผ่านเครือข่ายของตนเพิ่ม เนื่องจากปริมาณการใช้แบนด์วิธที่สูงทำให้กระทบกับการใช้งานทั่วไปของผู้ใช้รายอื่น ๆ แต่หลังจากที่มีกระแสต่อต้านออกมามาก ทั้งเรื่องความเป็นกลางของอินเทอร์เน็ต (net neutrality) Telia ได้ตัดสินใจที่จะไม่เก็บเงินผู้ใช้เพิ่มเพื่อใช้งาน VoIP แต่จะเก็บค่าดาต้าผู้ใช้ทุกคนเพิ่มแทนเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน

ประเด็นโปรโมชันอินเทอร์เน็ต unlimited ของเครือข่าย AT&T ที่เปิดให้ใช้พร้อมกับการเปิดตัว iPhone รุ่นแรก และกลับลำยกเลิกโปรโมชันดังกล่าวในปี 2010 พร้อมทั้ง เริ่มจำกัด ปริมาณอินเทอร์เน็ตของผู้ใช้งานโปรโมชันดังกล่าวหลังจากใช้งานเกิน 2GB ก่อนจะ ประกาศจำกัดอย่างเป็นทางการ เริ่มต้นที่ 3GB

ในงาน Milken Institute’s Global Conference นาย Randall Stephenson ประธาน และซีอีโอ AT&T ได้ขึ้นพูดบนเวทีด้วย ซึ่งเขาแสดงความเสียใจที่เปิดตัวโปรโมชันอินเทอร์เน็ต unlimited ด้วยราคาเพียง $39 เท่านั้น ทั้งที่ความจริงแล้วควรตั้งราคาที่แปรผันตามปริมาณการใช้งานอย่างที่เป็นอยู่ปัจจุบันมากกว่า

ช่วงหลังมานี้ บริษัทที่ดูจะมีปัญหากับผู้ใช้งานโปรโมชันอินเทอร์เน็ตแบบ Unlimited มากที่สุดคงหนีไม่พ้น AT&T ที่ล่าสุดเพิ่งเริ่มจำกัดความเร็วอินเทอร์เน็ตของผู้ใช้หลังจากใช้เกิน 2GB ไปแล้ว

Wall Street Journal รายงานว่า AT&T ผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือในสหรัฐกำลังพัฒนาระบบที่ทำให้ผู้พัฒนาแอพสามารถจ่าค่าดาวน์โหลดข้อมูลบนมือถือให้แก่ลูกค้าตัวเองได้ ซึ่งบริการลักษณะนี้ไม่ต่างไปจากบริการโทรฟรี (เบอร์ 1-800 ทั้งหลาย) ซึ่งผู้ให้บริการจะจ่ายเงินแทนลูกค้า

ทั้งนี้ ระบบดังกล่าวอาจจะทำให้ลูกค้าสามารถสตรีมข้อมูล และดาวน์โหลดภาพยนตร์ต่าง ๆ ได้โดยไม่ต้องกังวลว่าแปลนมือถือที่ตัวเองใช้อยู่จะมีโควต้าในการดาวน์โหลดให้เพียงพอหรือไม่ หากจะเปรียบเทียบการซื้อภาพยนตร์มาดูบนมือถือแบบออนไลน์นี้เข้ากับโลกแห่งความจริง ก็เปรียบเสมือนบริการ "ส่งฟรีถึงบ้าน" นั่นเอง

แม้ว่าตอนนี้ AT&T จะไม่มีโปรโมชั่นอินเทอร์เน็ต Unlimited สำหรับลูกค้าของตัวเองแล้วก็ตาม แต่ยังมีกลุ่มลูกค้าจำนวนหนึ่งที่สมัครใช้ไอโฟนตั้งแต่ไอโฟนรุ่นแรก ที่ยังสามารถคงสิทธิในการใช้อินเทอร์เน็ตไม่จำกัดได้ แต่สุดท้ายแล้ว AT&T​ ก็ไม่สามารถให้บริการแบบไม่จำกัดได้อีกต่อไปและแจ้งให้ลูกค้าตัวเองทราบว่าลูกค้าที่ใช้งานมากี่สุด 5% ของจำนวนลูกค้าทั้งหมด ที่ดาวน์โหลดข้อมูลมากถึงเดือนละ 10-12GB ต่อเดือนจะถูกจำกัดความเร็ว (throttling) หลังจากใช้งานมากถึงจุด ๆ หนึ่ง

ตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายนนี้เป็นต้นไป AT&T ผู้ให้บริการรายใหญ่อันดับ 2 ของอเมริกาจะเปลี่ยนแผนให้บริการจากเดิมที่ลูกค้าสามารถใช้ data ได้ไม่จำกัด โดยจ่ายเดือนละ US$29.99  เป็น 2 แผนใหม่

ในข่าวประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการเพิ่มประสิทธิภาพเครือข่ายของ AT&T ล่าสุด ได้มีข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับปริมาณการใช้งานเครือข่าย 3G นั่นคือโดยรวมแล้ว มียอดการใช้งานข้อมูลบน 3G ทั่วประเทศสหรัฐอเมริกาสูงขึ้นถึง 4 เท่าในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา โดยเขตที่มีอัตราการใช้งานเพิ่มขึ้นสูงสุดคือ San Francisco มีตัวเลขอยู่ที่ 20 เท่า

แม้ว่านี่จะเป็นข่าวเล็กๆ ของโทรศัพท์มือถือเจ้าหนึ่งในสหรัฐฯ แต่น่าจะเป็นสัญญาณที่แสดงให้เห็นถึงการเติบโตของตลาดสมาร์ทโฟนในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาที่โตขึ้นอย่างรวดเร็ว และส่งผลต่อความต้องการในการใช้บริการข้อมูลความเร็วสูงที่เพิ่มขึ้นตามไม่แพ้กัน จนแม้แต่ในประเทศอย่างสหรัฐอเมริกา ก็อาจจะไม่สามารถขยับขยายได้ตามความต้องการอย่างทันท่วงที

นายอัลเบอร์โต (ไม่เปิดเผยนามสกุล) ชาวอเมริกันได้ให้สัมภาษณ์ ผ่านสำนักข่าวซีเอ็นเอ็น ว่า ไม่นานนี้เขาได้ไปเที่ยวประเทศเม็กซิโก และได้ดาวน์โหลดหนัง Wall-E ผ่าน data card ให้หลานนั่งดูบนโน้ตบุ๊ก แต่พอกลับบ้านก็ถึงกับช็อก เมื่อเจอใบเรียกเก็บค่าบริการที่สูงถึง 62,000 เหรียญสหรัฐ

ด้วยจำนวนผู้ใช้บริการบรอดแบนด์ไร้สายในประเทศเกาหลีใต้ ที่เพิ่มขึ้นกว่า 42 ล้านรายเมื่อสิ้นพฤษภาคม 2550 และสัดส่วนการกระจายตัวของจำนวนผู้ใช้ต่อจำนวนประชากรทั้งหมดของประเทศราว 87% ทำให้ผู้คนในวงการ บรอดแบนด์ทั่วโลกกำลังจับตาดูทิศทางการพัฒนาว่าจะไปในทิศทางใด

เกาหลีเปิดให้บริการบรอดแบนด์ไร้สายด้วยโครงข่ายไร้สาย 3 ชนิดด้วยกันคือ โครงข่าย CDMA, WCDMA/HSDPA และ WiBro

จำนวนผู้ใช้บริการ HSDPA กำลังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วแต่ละเดือน และเพิ่มขึ้นกว่า 1.5 ล้านรายภายใน 4 เดือน นับตั้งแต่เปิดให้บริการมาตั้งแต่ต้นปี 2550

หลังจากโครงข่ายสื่อสารไร้สาย 3G เติบโตมาได้พอควรแล้ว และผู้ให้บริการสื่อสารไร้สายกำลังเร่งให้เป็นเทคโนโลยีสื่อสารไร้สายที่เป็นทางเลือกใหม่ที่เหนือกว่าไว-ฟาย นั้น ส่วนหนึ่งกำลังมุ่งไปที่การพัฒนาบริการ บรอดแบนด์ไร้สายยุคใหม่ หรือ 4G ที่คาดว่าจะทำความเร็วในการสื่อสารข้อมูลได้ 100 Mbps หรือสูงกว่านั้น

ทว่าเกิดการต่อกรของเทคโนโลยีคู่ใหม่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมสื่อสารไร้สายที่กำลังก้าวไปสู่เส้นทางการพัฒนา 4G ระหว่างเทคโนโลยีไวแมกซ์ (WiMAX) ซึ่งพัฒนาโดยบริษัทอินเทล กับเทคโนโลยี LTE (long Term Evolution) ของ 3G โดยบรรดาผู้เกี่ยวข้องในวงการต่างลงความเห็นว่า ทั้งสองเทคโนโลยีดังกล่าวเป็นคู่แข่งขันที่เหมาะสม