ยูสเซอร์ Developer-Y ได้สร้าง repository บน GitHub รวมคอร์สเรียนวิทย์คอมและโปรแกรมมิ่งออนไลน์แบบมีวิดีโอเป็นภาษาอังกฤษจากมหาวิทยาลัยชั้นนำทั่วโลกมาไว้ในที่เดียว ตั้งแต่ปี 2016 ปัจจุบันมีคอร์สเรียนกว่า 800 คอร์ส จากผู้มีส่วนร่วม 49 คนที่ช่วยกันอัพเดต
วิชาที่รวมมา มีตั้งแต่บทนำสู่วิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์, โครงสร้างข้อมูลและอัลกอริทึ่ม, แมชชีนเลิร์นนิ่ง, ควอนตัมคอมพิวเตอร์ ไปจนถึงวิชาการเงินเชิงคำนวณ (Computational Finance), ชีวะวิทยาเชิงคำนวณ (Computational Biology), โรโบติกส์ วิชาการพัฒนาบล็อกเชน และอื่นๆ อีกมากมาย
ผู้ที่สนใจสามารถเข้าไปดูได้ที่เว็บไซต์ GitHub หรือถ้าสนใจด้านอื่นๆ Developer-Y ยังได้รวมคอร์สวิดีโอทั้งวิชา วิทย์-คณิต วิชา Java ไปจนถึง วิชาสถาปัตยกรรมซอฟต์แวร์แบบสเกลได้ (Scalable Software Architecture) ไว้ให้ใน GitHub อีกด้วย ถือเป็นคลังความรู้ที่น่าจะมีประโยชน์อย่างมากสำหรับวิศวกรซอฟต์แวร์และนักพัฒนาในปัจจุบัน
ที่มา - GitHub
Comments
ส่วนตัว อยากให้กระทรวงศึกษา หรือ หน่วยงานซักหน่วย
เอาคอร์สพวกนี้มาแปลไทย
จะแบบใส่ซับ หรือ พากษ์ไทยไปเลย ยิ่งดี
ไม่รู้ว่าต้นทุนจะแพงมั๊ย (ค่าลิขสิทธิ+ค่าแปล+ค่าพากษ์)แต่คิดว่าน่าจะคุ้ม
ไม่คุ้ม ไม่จำเป็นครับศัพท์เทคนิคทั้งนั้น อย่าแปลเป็นไทยจะเข้าใจง่ายกว่า
+1ตอนผมเรียนคือหลับในห้องเรียนตลอดครับ แล้วไปอาศัยอ่าน text เอาเอง บวกกับติวให้เพื่อนอีกนิดหน่อย ดีกว่าเยอะครับ
+1 อย่าแปลคำศัพท์เทคนิคเป็นภาษาไทยเลย
เคยอ่านตำราวิชา Data Structure ภาษาไทย เจอคำว่า "แถวคอยบุริมภาพ" ถึงกับมึนตึ๊บ ต้องไปอ่านโค้ดถึงจะเข้าใจว่าหมายถึง Priority Queue
ตัวแปรโครงสร้าง + ตัวชี้ + คณิตกร = เหวอ
น่าจะเล่มเดียวกัน ผมเจอตัวแปรแบบพลวัต
ผมทันยุคตำราคอมพิวเตอร์มีแปลไทยเต็มชั้นวางหนังสือใน se-ed ยุคนั้นเป็นสวรรค์มากสำหรับเด็กที่อยากศึกษาคอมพิวเตอร์ Microsoft press และตำรา Linux, Borland ฯลฯ เยอะแยะมาก เด็กๆ แบบผมที่ยังไม่เก่งภาษาอังกฤษยังเอามานั่งอ่านลองทำได้
ผมคิดว่าหากเราไม่สนใจหรือไม่คุ้มค่าในมุมเราก็ได้แหละ
แต่ผมคิดว่าควรสนับสนุนในการแปลและทำออกมาเพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงสิ่งเหล่านี้
ผมเห็นด้วยตรงควรเพิ่มโอกาสในการเข้าถึง
แต่วิธีที่ผมคิดต่างออกหน่อย คือจะทำได้ต้องมีอำนาจทางการเมืองครับ- ให้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการ เรียนกันให้ native แบบภาษาไทยไปเลย
- บรรจุวิชา IT เป็นวิชาสามัญ เริ่มสักม. 4 แบบเคมี ชีวะ ฟิสิกส์
ถ้าทำได้ไม่ต้องเสียเวลาแปลเลยครับ
เอาจริงๆ ภาษาอังกฤษที่ใช้ในการเรียน CS ไวยกรณ์มันง่ายว่าที่ใช้คุยกับคนอีกครับเพราะผมก็อังกฤษไม่คล่อง แต่พอไปอ่านอะไรที่เกี่ยวกับ programming ที่แปลไทยนี่จะไม่ค่อยเข้าใจน่ะครับ
แต่การกระทำแบบนั้น คือเราทิ้งคนที่ไม่ได้ภาษาไว้ข้างหลังก็อย่างน้อย 2-3 เจนเลยนะ
มันต้องปูพื้นฐานตั้งแต่รุ่นลูกรุ่นหลาน และนี่พึ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น หลักสูตรใหม่ของระดับประถมศึกษาบรรจุวิชาวิทยาการคำนวณไว้เรียบร้อยแล้ว แต่มัธยมยังไม่กระเตื้องเท่าไร แล้วการศึกษาภาษาอังกฤษของบ้านเรามันเข้าขั้นวิกฤต (อาจจะยังไม่เท่าญี่ปุ่น แต่ก็ถือว่าอยู่ในระดับที่น่าเป็นห่วง) แล้วรากของปัญหามันมาจากระบบการศึกษาเอง ยังต้องแก้ปัญหากันอีกยาวเลย
สำหรับผมเองที่ได้ภาษาอังกฤษนี่ต้องขอบคุณพ่อแม่ที่พยายามปูพื้นฐานให้กับลูกตั้งแต่ยังเล็ก ๆ (ทั้งคู่ไม่ได้รู้เรื่องภาษาอังกฤษเลย) ทำให้สนใจเรียนทั้งในห้องเรียน (ที่ยังจัดว่าแย่) และนอกห้องเรียน (หนังสือวิชาการ + อินเทอร์เน็ต) แต่กับครอบครัวอื่น ๆ หลาย ๆ ครอบครัวไม่ได้มีโอกาสเช่นเดียวกับผม (พ่อแม่ขาดการเอาใจใส่, ไม่มีเวลา, ขาดความสนใจในเรื่องนี้) เด็กโดนปล่อยตามยถากรรมกันหลายครอบครัวเลย
ใช่ครับ
feel มันจะประมาณยุคตำราคอมฯ se-ed
คือ ศัพท์เฉพาะก็ทับศัพท์ไป แต่ส่วนเนื้อหาแปลอธิบายเป็นไทย
อย่าง ญี่ปุ่นหรือไต้หวัน ก็ใช้วิธีนี้
ทำให้สร้างคนสายเทคฯได้ โดยเฉพาะเด็ก-วัยรุ่นที่ยังไม่เก่งภาษา
ซึ่งระยะยาว เมื่อเข้ามหาลัย-วัยทำงาน ภาษาเขาาจะแข็งพอจะอ่าน text ได้พอดี
ไม่รวมถึงผู้ใหญ่ที่ต้องการเปลี่ยนสายอาชีพ
มีสมองด้านตรรกะและความเข้าใจที่ดี แต่อ่อนภาษาก็จะอัพความรู้ด้านนี้ควบคู่เรื่องภาษาได้
เพื่อให้เปลี่ยนงานได้เร็วกว่าต้องไปอัดภาษามาก่อน
ถ้าแปล ไม่ควรแปลในส่วนศัพท์เทคนิค ให้ใช้ทับศัพท์ไปเลย
ถ้าต้องเรียนศัท์เทคนิค จะภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษก็พอกัน แต่ถ้าเรียนศัพท์เทคนิคภาษาไทยแล้วเอาไปศึกษาต่อยอดยาก ส่วนที่เป็นคำอธิบายนั่นแปลไปเลย
ดีงามครับ
..: เรื่อยไป