เว็บไซต์ข่าว The Information รายงานข่าวลือว่าบริษัทผลิตสายรัดข้อมือฟิตเนส Jawbone กำลังจะปิดกิจการ และขายทรัพย์สินเพื่อชดใช้หนี้ หลังประสบปัญหาการเงินมาต่อเนื่องหลายปี

ปัญหาการเงินของ Jawbone ไม่ใช่เรื่องใหม่ , เริ่มหยุดขายสินค้าไปตั้งแต่กลางปี 2016 และเมื่อต้นปีนี้ ซีเอฟโอ Jason Child ก็ลาออกไปก่อนแล้ว

ตามข่าวบอกว่า Hosain Rahman ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของบริษัทจะไปเปิดบริษัทใหม่ Jawbone Health Hub ที่ทำด้านสุขภาพแทน และย้ายพนักงานบางส่วนไปยังบริษัทใหม่แล้ว ส่วนลูกค้าที่มีสินค้า Jawbone ก็จะได้รับบริการต่อเนื่องจากบริษัทใหม่แทน

Jason Child ซีเอฟโอของบริษัท Jawbone ผู้ผลิตสายรัดข้อมือ UP ได้ลาออกจากบริษัทเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งจากโปรไฟล์บน LinkedIn บอกว่าตอนนี้ Child กำลังทำงานอยู่ที่ University of Washington โดยดำรงตำแหน่ง global advisory board ของ business school

การลาออกของซีเอฟโอในครั้งนี้ Jawbone ปฏิเสธจะให้ความเห็น แต่ก็พอจะแสดงให้เห็นได้ถึงความไม่มั่นใจด้านการเงินใน Jawbone ซึ่งทางบริษัทก็เคยมีรายงานว่า จะเลิกผลิตสายรัดข้อมือ UP กับขายธุรกิจลำโพง Bluetooth และไปเน้นผลิตภัณฑ์ด้านอื่นแทน โดยแหล่งข่าวของ The Verge เห็นว่าตอนนี้ Jawbone น่าจะเปลี่ยนจากบริษัทที่ขายสินค้าให้ผู้บริโภคทั่วไป มาเป็นการดีลกับบริษัทเพื่อขายเซนเซอร์ด้านสุขภาพแทน

สำนักข่าว Tech Insider รายงานว่า Jawbone หนึ่งในผู้ทำสายรัดข้อมือสุขภาพได้เลิกผลิตสินค้าตระกูล UP ไปแล้ว และกำลังขายของที่เหลือค้างในคลังสินค้าให้ตัวแทนจำหน่าย

Jawbone มีสายรัดข้อมือรุ่นสำคัญ เช่น UP2, UP3 และที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อปีที่แล้วคือ UP4 ซึ่งจาก 5 ปีที่ Jawbone เข้าสู่ตลาดสายรัดข้อมือสุขภาพนั้น ถือว่า Jawbone เข้าชิงส่วนแบ่งตลาดได้ไม่ดีนัก และตอนนี้ยังไม่มีรายงานว่า Jawbone จะทำสายรัดข้อมือตระกูล UP อีกหรือไม่ โดยเมื่อต้นปี Jawbone เพิ่งจะได้รับการระดมทุนมา 165 ล้านดอลลาร์ ซึ่งตอนนั้นซีอีโอ Hoasin Rahman ได้กล่าวกับ Tech Insider ว่ามีแผนจะใช้เงินจำนวนนี้ในการพัฒนาสายรัดข้อมือสุขภาพเกรดคลินิก

เมื่อไม่นานมานี้ Hosain Rahman ซีอีโอของ Jawbone เพิ่งไปขึ้นเวที Code Mobile เพื่อพูดถึงอนาคตของอุปกรณ์ไอทีสวมใส่ได้ หนึ่งในตลาดที่ Jawbone ลงทุนไปหนักในช่วงหลัง

แม้ว่า Jawbone จะออก UP ซีรีส์อุปกรณ์ไอทีสวมใส่ได้มาถึงรุ่นที่ 4 แล้ว แต่ทว่า Rahman ก็ยังให้ความเห็นว่าตัวอุปกรณ์ไอทีสวมใส่ได้ยังคงยากที่จะโน้มน้าวให้ผู้คนมาใช้อุปกรณ์แนวนี้มากขึ้น โดยเฉพาะกับแผนต่อไปของ Jawbone ที่วาดภาพว่าจะทำเซ็นเซอร์เก็บข้อมูลสุขภาพรูปแบบใหม่ที่ใช้งานด้วยการให้ผู้ใช้กลืนเข้าไปในร่างกาย หรือฝังไปในเส้นเลือด ซึ่งจะเก็บข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพกว่าแนวทางสายรัดข้อมือในปัจจุบัน ในขณะเดียวกันก็ยากต่อการจะให้ผู้คนมาใช้ด้วยเช่นกัน

หลังจากที่มีข่าวเมื่อวานนี้ว่า Jawbone จะร่วมมือกับ American Express มาวันนี้ ทั้งสองบริษัทได้แถลงข่าวยืนยันความร่วมมือนี้อย่างเป็นทางการ พร้อมกับการเปิดตัว UP4 และ UP2 สองสายรัดข้อมือเพื่อสุขภาพตัวล่าสุดจากทาง Jawbone

เริ่มที่ UP4 ก่อน ซึ่งโดยเนื้อแท้แล้วก็คือ UP3 แต่เพิ่มคุณสมบัติ NFC เข้าไป ทำให้สามารถทำธุรกรรมทางการเงินผ่านสายรัดข้อมือได้ทันที ส่วน UP2 ถ้าให้เทียบง่ายที่สุดคือเป็น UP24 ในร่างของ UP3 ขนาดเล็กนั่นเอง

The Wall Street Journal รายงานว่า Jawbone และ American Express เตรียมที่จะประกาศความร่วมมือกันในสัปดาห์นี้ เพื่อพัฒนาระบบการชำระเงินโดยใช้สายรัดข้อมือเพื่อสุขภาพในการทำรายการชำระเงิน โดยลูกค้าของ American Express จะสามารถใช้สายรัดข้อมือของ Jawbone ในการทำธุรกรรมได้ทันที

ความร่วมมือดังกล่าวนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่ Apple ประกาศว่า Apple Watch จะสามารถใช้ทำธุรกรรมต่างๆ ได้ ผ่านแพลตฟอร์ม Apple Pay นั่นเอง แต่ข่าวร้ายก็คือความร่วมมือนี้ยังไม่สามารถใช้ได้กับสายรัดข้อมือเพื่อสุขภาพตัวล่าสุดที่กำลังจะวางจำหน่ายอย่าง Jawbone UP3 ได้

ทั้งนี้ยังไม่มีข้อมูลว่า Jawbone กำลังคุยกับผู้ให้บริการทางการเงินรายอื่นๆ อย่าง Visa หรือ MasterCard หรือไม่

ตลาดอุปกรณ์ไอทีแบบสวมใส่เรียกได้ว่าเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ในรอบปีที่ผ่านมา Jawbone เองก็เป็นรายหนึ่งที่เข้ามาร่วมวงกับตลาดนี้ตั้งแต่แรกด้วยซีรีส์ Jawbone UP ที่เพิ่งออกสองรุ่นใหม่ทั้ง UP3 รุ่นใหญ่และ UP MOVE รุ่นเล็กราคาเบาๆ ไปเมื่อปลายปีก่อน วันนี้เราจะมาเล่น UP MOVE กันครับ

Jawbone UP MOVE เป็นน้องใหม่ของซีรีส์ UP ที่ออกแบบมาให้ขนาดเล็กลง และราคาที่ย่อมเยายิ่งขึ้่น โดยเน้นไปที่การใช้งานสามแบบใหญ่ๆ คือการเก็บข้อมูลออกกำลังกาย การนอนหลับ และฟีเจอร์ครูฝึกส่วนตัว (Smart Coach)

ฮาร์ดแวร์

ตัวกล่องใส่ของ UP MOVE มาแบบเรียบๆ ด้านในมีตัวเครื่องใส่อยู่ในเคสสำหรับหนีบมาตั้งแต่แรก

มีรายงานว่าแอปเปิลนำสายรัดข้อมือเพื่อสุขภาพ Nike FuelBand และ Jawbone UP24 ออกจากหน้าร้าน Apple Store โดยคาดการณ์กันว่าอาจเป็นเพราะสินค้าเหล่านี้เป็นคู่แข่งโดยตรงกับ Apple Watch ที่กำลังจะวางจำหน่ายในไม่ช้านี้ อย่างไรก็ตามอุปกรณ์แนวสุขภาพอื่นๆ ที่ไม่ใช่รูปแบบสายรัดข้อมือยังคงมีจำหน่ายอยู่ เช่น Jawbone UP Move

กูเกิลเตรียมดันตัวเองเข้าสู่ตลาดอุปกรณ์ไอทีสวมใส่อีกรอบ หลังจากการปล่อย Android Wear และแพลตฟอร์มเพื่อสุขภาพอย่าง Google Fit เมื่อปีก่อน ล่าสุดมีรายงานว่ากูเกิลกำลังจะลงทุนทางพันธมิตรกับผู้ผลิตรายใหญ่อย่าง Jawbone ในเร็ววัน

การเข้าเป็นพันธมิตรกับ Jawbone น่าจะช่วยให้กูเกิลสามารถเข้าถึงตลาดสายรัดข้อมือเพื่อสุขภาพได้ดีขึ้น เนื่องจากตัว Android Wear นั้นรองรับเฉพาะสมาร์ทวอทช์ และ Jawbone เองก็เป็นหนึ่งในผู้นำของตลาดอุปกรณ์ไอทีสวมใส่ได้ (ที่ไม่ใช่สมาร์ทวอทช์) จากซีรีส์ UP ที่วางขายไปแล้วหลายรุ่น หลายราคา

วันนี้ (ตามเวลาประเทศไทย) Jawbone ผู้ผลิตอุปกรณ์เครื่องเสียงและอุปกรณ์ไอทีแบบสวมใส่ เปิดตัวอุปกรณ์ไอทีแบบสวมใส่เพื่อสุขภาพชุดล่าสุด จำนวน 2 รุ่น ได้แก่ UP3 และ UP MOVE อย่างเป็นทางการ

โฆษกของ Jawbone เผยกับเว็บไซต์ Engadget ว่า Jawbone เตรียมที่จะออก API สำหรับ Jawbone Up สำหรับแพลตฟอร์มอื่น ๆ โดยจะรองรับแพลตฟอร์มใหม่ ๆ ประกอบด้วย Android Wear, แพลตฟอร์ม Apple HealthKit, Windows Phone 8 และ Pebble ซึ่งก็แปลว่า ถึงไม่ได้สวม Jawbone Up ก็ยังคงสามารถใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ ขณะที่ผู้ใช้งาน Windows Phone ก็จะสามารถใช้งาน Jawbone Up24 ได้โดยตรง

ทั้งนี้ Jawbone มีแผนที่จะออกแอพในแพลตฟอร์มใหม่ ๆ ภายในเดือนนี้ ส่วนแอพบน iOS และ Android จะแบ่งเป็น 2 แอพ คือแอพสำหรับคนใช้สายรัดข้อมือ Up กับคนทั่วไปที่ไม่ได้ใช้สายรัดข้อมือ (ไม่แน่ใจว่าจะส่งผลไปยัง Windows Phone หรือไม่)

Jawbone ผู้ผลิตอุปกรณ์ไอทีต่าง ๆ เช่น ลำโพงไร้สาย, หูฟังบลูทูธ หรือแม้แต่สินค้าที่สร้างชื่อมากที่สุดอย่างตระกูล Jawbone Up สายรัดข้อมือเพื่อสุขภาพชื่อดัง ประกาศขยายการจัดจำหน่าย Jawbone Up24 สายรัดข้อมือเพื่อสุขภาพแบบไร้สาย (ที่คล้าย ๆ กับ Fitbit, FuelBand) ไปยังประเทศอื่น ๆ ในทวีปยุโรป, เอเชีย และออสเตรเลีย หลังจากที่ขายแค่ในสหรัฐอเมริกาก่อน

โดยรายชื่อประเทศต่าง ๆ นั้นมี 29 ประเทศ อย่างเช่น สหราชอาณาจักร, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, อิตาลี, จีน, ไต้หวัน, ญี่ปุ่น, ออสเตรเลีย รวมถึง ประเทศไทย