NASA ประกาศว่าโครงการส่งมนุษย์ไปดวงจันทร์ Artemis ได้เลื่อนกำหนดจากแผนเดิม ทั้ง Artemis II ที่ส่งนักบินอวกาศเดินทางวนรอบดวงจันทร์ และ Artemis III ที่ส่งมนุษย์ไปลงดวงจันทร์ ด้วยเหตุผลความปลอดภัย และความท้าทายจากข้อจำกัดในการพัฒนาเทคโนโลยี
โดย Artemis II เลื่อนออกไปเป็น กันยายน 2025 (เดิม 2024) และ Artemis III เลื่อนออกไปเป็น กันยายน 2026 (เดิม 2025) ส่วนโครงการ Artemis IV ยังคงกำหนดเดิมคือปี 2028
ภารกิจ Artemis I ที่ส่งยานอวกาศแบบไม่มีมนุษย์วนรอบดวงจันทร์ เสร็จสิ้น ไปตั้งแต่ปี 2022 แต่ก็พบปัญหาบางอย่างที่ยังต้องทำการสอบสวนต่อ โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในกลางปีนี้ เพื่อให้แน่ใจว่ายานอวกาศ Orion มีความปลอดภัยพอในภารกิจถัดไป
ที่มา: NASA
Comments
Moon lander ที่เพิ่มส่งด้วย Vulcan ก็แววจะพังจนลงจอดไม่ได้แล้ว ช่วงนี้ NASA ปีชงจริงๆ
คนเก่งๆที่จ้างมาจากทั่วโลกสมัย Apollo กลับประเทศไปหมดแล้ว นักวิทย์ประเทศตัวเองเพียงอย่างเดียวคงไม่พอ
คงต้องรอจีนส่งคนไปได้ ถึงจะพัฒนาทัน ยุคนี้มันไม่ต้องแข่งขันกับใคร อะไรๆ มันก็ช้าไปหมด
ซี่รีย์เรื่อง For All Mankind ของ Apple TV ไปสร้างอาณานิคมทดลองบนดาวอังคารแล้วNASA สู้ๆ ตามซี่รีย์ให้ทันหน่อยยยย
เลื่อนเพราะข้อจำกัดทางเทคโนโลยี แล้วสมัย Apollo บินไปลงดวงจันทร์ตั้ง 6 รอบ เมื่อ 50 ปีก่อนมีคอมพิวเตอร์ เค้าทำได้ไง ? ถ้าไม่ใช่เรื่องหลอกลวงก็แปลว่าคนสมัยนั้นเก่งมาก 😅
คิดว่าสมัย Apollo แรงขับเคลื่อนโครงการมันมีเรื่องการเมืองระหว่างประเทศด้วยอ่ะครับ เรื่องทรัพยากรอาจจะให้ไม่จำกัด แต่วัตถุประสงค์การไปก็ต่างกันอ่ะครับ โปรเจค Apollo คือการ Being the First Visit ส่วนโปรเจค Artemis คือต้องการอยู่ยาวกว่าเดิมไปจนถึงตั้งฐาน Lunar Base
จากบทความของ Space Center Houston"...The Apollo-era was also fast-paced, with half a dozen lunar landings taking place over four years. Unlike the brief Apollo visits, the Artemis missions are attempting to establish a more continuous presence on the Moon via longer duration missions, and the creation of lunar bases and an orbital gateway..."
ref: https://spacecenter.org/artemis-i-how-does-artemis-compare-to-apollo/
สมัยนั้นโดนบีบให้ทำได้ก่อน สมัยนี้เอาปลอดภัยด้วยละมั้งครับ
งบประมาณต่างกัน และจุดประสงค์ต่างกันครับ
โครงการ Apollo ใช้เงินไปทั้งหมด 28 Billion ในสมัยนั้น เทียบกับสมัยนี้คือ 280 Billion USD ส่วน Artemis ใช้งบ 93 Billionจริง ๆ ตัวจรวด Saturn V กับ SLS ประสิทธิภาพไม่ได้ต่างกันมากก็จริงในเรื่องของ Payload หรือราคา
Capacity ของยานก็ต่างกัน Apollo ยานนั่งได้ 3 คน Orion นั่งได้สูงสุดถึง 6 คน ใหญ่กว่า เท่าตัว และในยานมีแม้กระทั่งห้องน้ำ ระยะเวลาในการทำภารกิจก็ต่างกันด้วยครับ Apollo ระยะเวลาทำภาระกิจ 2-3 วัน แต่ Orion อยู่เป็นอาทิตย์ ไหนจะเครื่องมือที่จะต้องส่งไปอีก (ส่งโดย SpaceX)
เพราะงั้นรอบนี้จะมีปัญหาทางเทคนิคก็ไม่แปลกครับ มันคนละโจทย์กัน
ขอเเห็นแย้งนิดนึงนะครับ
1 เรื่องงบประมาณ ปกติ US เวลาจะทำอะไรก็มักจะตั้งงบประมาณคร่าวๆเท่านั้น พอถึงเวลาจริงมักใช้เกินงบตลอด เห็นได้จากหลายโครงการที่มีทั้ง delay และงบประมาณบานปลาย ดังนั้นงบของโครงการ Artemis ยังไม่ใช่งบสุดท้ายแน่ๆ ปกติแล้ว US จะเติมงบลงไปเรื่อยๆจนกว่าโครงการจะเสร็จหรือมั่นใจแล้วว่าโครงการไม่มีวันสำเร็จ
2 เรื่องภาระกิจจุดประสงค์ถึงแม้จะต่างกัน แต่ความท้าทายไม่ได้ต่างกันเลย มันไม่ได้หมายความว่าการผลิตยานเพื่อบรรทุก 3 คนในสมัยนั้นจะง่ายกว่าผลิตยานที่บรรทุก 6 คนในสมัยนี้ ในสมัยนั้นเครื่องไม้เครื่องมือและองค์ความรู้น้อยกว่าสมัยนี้มาก เผลอๆความยากและความท้าทายในยุคนั้นมีมากกว่ายุคนี้ซะอีก
แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าโครงการ Artemis จะมีข้อจำกัดทางเทคโนโลยีไม่ได้นี่ครับ จะมาบอกว่า Apollo หลอกลวงเพราะเทคโนโลยีสมัยปัจจุบันยังทำไม่ได้มันไม่ใช่นะครับ นอกจากจะยานใหญ่ขึ้นแล้ว มันนานขึ้นด้วยนะครับ โจทย์มันต่างกัน เลยใช้ Knowhow สมัยก่อนไม่ได้นะครับ ไม่ใช่ว่าเมื่อก่อนทำได้ ทำไมตอนนี้ทำไม่ได้นะครับผมว่ามันไม่แฟร์
เหมือนจะบอกว่า สมัย Windows 95 มีมาตั้งนานแล้ว ทำไม Windows 11 ยังมีบักอยู่
ส่วนตัวว่าโครงการ Artemis สำเร็จแน่นอนครับ แต่ผมแค่บอกว่าโครงการ Apollo ถึงแม้จะมีภาระกิจแตกต่างกันแต่ไม่ได้ง่ายกว่าหรือใช้งบมากกว่า(เมื่อเทียบเงินเฟ้อ) โครงการ Artemis ตอนนี้มันมีปัญหาแต่ไม่ใช่เรื่องเงินหรือเพราะยากกว่า Apollo แน่นอน
ตามที่คาดไว้ ผมยังคาดว่า 3 จะไม่ทัน 2026 ด้วยซ้ำไป
ความพร้อมตอนนี้ยังน้อย มีอะไรไม่ทันเยอะแยะเลย
Gateway ก็ล่าช้า, ยานเอกชนก็ล่าช้า, SLS-Orion ล่าช้า ขนาด spaceship ของ spaceX ก็ยังล่าช้า
การแข่งขันไม่มีก็ไม่กระตือรือร้น
จริงๆ แล้ว ตอนนี้ก็มีหน่วยงานด้านอวกาศตั้งหลายเจ้าแข่งขันกันอยู่นะ ทั้งภาครัฐกับเอกชน ไม่ว่าจะจีน รัสเซีย อินเดีย ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ SpaceX ESA หรือแม้แต่ Amazon ก็มาเอง เยอะกว่าตอน 60 ที่มีแค่ US กับ USSR เสียอีก
แต่ทำไมมันไม่ค่อยกระเตื้องหรือเห็นความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วเหมือนตอนนั้นแล้วหละเนี่ย แล้วก็ความได้เปรียบที่ US เคยมีตอนแข่งส่งจรวดไปดวงจันทร์ก็เหมือนจะหายเกลี้ยงหมด กลับมาเหมือนตอนเริ่มต้นยุคอวกาศยังไงไม่รู้
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
หรือเพราะคนเก่งๆกระจายไปอยู่กันหลายๆที่
ยุคโน้นช่วง 60 ต้นๆ อเมริกาตกเป็นผู้ตาม เลยต้องอัดฉีดกันหนักครับ
แต่ตอนนี้จะดูเหมือนแข่งกันเยอะ แต่ต่อให้ NASA ดีเลย์ไปลงดวงจันทร์ได้ปี 2030 ก็น่าจะยังไม่มีชาติไหนไปลงก่อนอยู่ดี งบกับแรงกระตุ้นมันเลยไม่แรงเหมือนสมัยโน้น
อาจจะยกเว้น spaceX ที่มีลุ้นลงได้ก่อน 2030 อยู่เจ้านึง
50 ปีที่แล้วยุคหลอดสูญญากาศ ไปลงได้ไง หรือว่าทฤษฎีสบคบคิดที่ว่า การไปในอดีต เป็นเรื่องลวงโลก
ดูจะไม่ใช่หลอดสูญญากาศแล้วนะครับ
https://en.wikipedia.org/wiki/Apollo_Guidance_Computer
รอ Nintendo Switch 2 ออก แล้วเอาไปเช่นบนอวกาศ
ไม่ผิดไปจากที่คาดกันไว้รู้อยู่แล้วว่ายังไงก็จะต้องเลื่อน เผลอๆ Artemis III ก็ไม่ทัน 2026
หลังจากยุบโครงการ Constellation ก็เกิดเป็นโครงการ Artemis เพียงเพราะไม่ต้องการให้เกิดการเลิกจ้างขนานใหญ่ในวงการ ดังจะเห็นได้ว่าชิ้นส่วนอุปกรณ์จำนวนมากใช้ของเดิม/ปรับปรุงเล็กน้อย จากโครงการกระสวยอวกาศนู่นเลย แถมพยายามกดงบประมาณไว้(แม้จะยังเกินงบอยู่ดีด้วย) ทำให้โครงการมีความคืบหน้าน้อย แบบค่อยๆเป็นค่อยๆไปสุดๆ
ความหวังคง ไปอยู่กับ จรวดอีลอนมัส ละ 2026 ไม่ทันแน่
ไม่แปลกใจกับที่ล่าช้า แถมปีนี้เลือกตั้งสหรัฐเผลอๆNASAจะโดนตัดงบลงอีกยิ่งมีโอกาศล่าช้าเข้าไปใหญ่ความหวังเดียวตอนนี้คงอยู่ที่ Spacex กับ จีน ส่วน Boing...ก็ตามสภาพ Blueorigin ต้องรอดูผลทดสอบจรวดใหม่