กระทรวงยุติธรรมสหรัฐ ร่วมด้วย 15 รัฐ และวอชิงตัน ดี.ซี. ยื่นฟ้องแอปเปิลต่อศาลกลางนิวเจอร์ซีย์ ข้อหามีพฤติกรรมผูกขาดทางการค้า ตามที่ มีข่าว เมื่อวานนี้
Merrick B. Garland อัยการสูงสุดสหรัฐ กล่าวว่า iPhone เป็นธุรกิจที่แข็งแกร่งมากของแอปเปิล เป็นรายได้หลักของบริษัท ส่วนแบ่งเฉพาะในอเมริกามากกว่า 65% ด้วยราคาขายต่อเครื่องเฉลี่ยที่สูงกว่า 1,600 ดอลลาร์ สาเหตุหนึ่งเพราะบริษัทละเมิดกฎหมายผูกขาดทางการค้า ด้วยกลยุทธ์ต่าง ๆ ซึ่งส่งผลเสียต่อทั้งลูกค้าและนักพัฒนา
ในฝั่งลูกค้านั้น ด้วยราคาเครื่องที่สูง ค่าธรรมเนียมที่แพง แอปเปิลที่ผูกขาดมากขึ้นจะส่งผลกระทบต่อการแข่งขันรวมในตลาด ขณะที่ฝั่งนักพัฒนาก็ถูกกฎระเบียบต่าง ๆ ของแอปเปิล ทำให้ยากต่อการแข่งขันขึ้นเรื่อย ๆ
ในคำแถลงนั้นบอกว่า การผูกขาดที่มากขึ้นของแอปเปิล ทำให้แอปเปิลไม่ต้องทำผลิตภัณฑ์ให้ดีขึ้น แต่ใช้วิธีทำให้คนอื่นแย่ลง เช่น จำกัดฟีเจอร์ที่นักพัฒนาสามารถเข้าถึงในอุปกรณ์ได้, จำกัดความสามารถของอุปกรณ์เสริมที่ไม่ใช่ของแอปเปิลเอง โดยเฉพาะการคิดค่าธรรมเนียม App Store 30%
กรณีที่ถูกตัวอย่างมาของการกีดกันคู่แข่ง เช่น แอป คลาวด์เกมมิ่ง , ซูเปอร์แอป ที่โหลดแอปภายในแอปได้, iMessage กล่องฟ้า-กล่องเขียว, วอลเลตที่จำกัดเฉพาะ Apple Watch
โฆษกของแอปเปิลออกแถลงการณ์จากประเด็นฟ้องร้องนี้ว่า เป็นการคุกคามต่อสิ่งที่แอปเปิลเป็น และความแตกต่างที่ทำให้บริษัทสามารถแข่งขันในตลาดได้ หากการฟ้องร้องนี้ประสบความสำเร็จ ย่อมส่งผลกระทบต่อความสามารถของแอปเปิล ในการส่งมอบเทคโนโลยีเฉพาะของแอปเปิล ที่รวมฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และบริการต่าง ๆ เชื่อมต่อด้วยกัน
ที่มา: U.S. Department of Justice และ The Wall Street Journal
Comments
ส่วนแบ่งเยอะในสหรัฐอเมริกาก็โดนไปซะ
That is the way things are.
สม
มันจะไม่มีปัญหาเลย ถ้าค่าธรรมเนียมมันน้อยกว่านี้30% มันเยอะไปจริงๆนั่นแหละ
ปีชงของแอปเปิ้ลสินะ
ก็คงถึงเวลาต้องปรับนโยบายให้สอดคล้องกับกฎหมายหละครับ ไม่งั้นก็คงโดนฟ้องไม่จบสิ้น
ขอบคุณรัฐบาลนะ เรื่องแบบนี้มองเห็นยากจริง ๆ
เรื่องแบบนี้จะไม่เกิดในยุค Steve ตอนนี้ Timcookie อ่อนแอก็แพ้ไป
ขนาด Microsoft ช่วงรุ่งโรจน์ ยังโดนปัญหาเรื่อง Internet Explorer ผูดขาดเลย
ไม่น่าเกี่ยวกับ Steve Job หรือ Tim Cook แค่ข้ออ้างของคนไม่รับความจริงมากกว่า
ถ้าไม่มี Tim Cook บริษัท Apple อาจไม่มาถึงขนาดนี้ก็ได้ เพราะ Tim ทำ supply chain management ไว้ดีมาก ต่อให้ vision ดีแค่ไหน ถ้าบริหาร supply chain / inventory ไม่ดี ก็เติบโตไม่ทัน vision
พอบริษัทไม่ได้เติบโต จนมีอำนาจเหนือตลาด และเข้าข่าย Anti-Trust ยังไงก็ยังทำอะไรแบบเดิมๆ ได้อยู่ แต่ตอนนี้บริษัทเติบโตจนเข้าข่ายแล้ว ก็ต้องทำตัวดีๆ ไม่ให้มันผิดกฎหมาย
แค่จะตั้ง Spotify เป็น default music app เพื่อจะได้กดเล่นจาก Control center ยังทำให้ยากเลย สมควรโดน
สาวก Apple ควรจะต้องดีใจนะที่โดน Anti-Trust น่ะ
เพราะในอีกแง่หนึ่ง มันบอกว่า "บริษัทเติบโต ร่ำรวย และมีอำนาจเหนือตลาด" เพียงแต่ "พฤติกรรมควบคุมทุกอย่าง และกีดกันการแข่งขันในบางประเด็น" ทำให้ Apple โดนตรวจสอบและฟ้องร้อง
ก็ต้องทำตัวดี ๆ ไม่ให้มันผิดกฎหมาย
ถาม Microsoft ได้ เคยโดนอะไรมาบ้าง
ในแง่ผู้ใช้ทั่วไป จะเป็นผลดีในเรื่องทางเลือกของตัวเองในอนาคต อุปกรณ์ที่ใช้งานร่วมกับ Apple devices ที่ไม่ใช่ยี่ห้อ Apple จะได้รับ feature ที่ใกล้เคียงกับ Apple มากขึ้น รวมถึงการจ่ายเงินให้กับนักพัฒนาจะมีทางเลือกมากขึ้น มีการแข่งขันเรื่องค่าธรรมเนียม ทำให้ตัวราคา IAP/Subscription ลดลง
ผมว่าไม่น่าดีใจหรอก ดีไม่ดีจะเสียหน้าเอาซะด้วยถ้าเป็นพวกสาวกเดนตาย
แค่มนุษย์คนนึงที่อยากรู้เกี่ยวกับวงการไอที
สงสัยกลัวหุ้นตก เพราะมีหุ้นอยู่มั้ง
น่าจะมีผลทั่วโลกนะ
+1
มันก็พอมีช่องทางอยู่นะ แต่เอเปิลก็ปิดๆ ไปหมด รอดูจะหาทางแก้ยังไง
ข่าวนี้ถ้ายังเห็นสาวกมาปกป้องอีกก็คือยอมใจละนะ หูตามืดมัวของแท้
ผมว่ามีแหละ ไปดูในกลุ่มคนใช้ไอโฟนได้
แค่มนุษย์คนนึงที่อยากรู้เกี่ยวกับวงการไอที
อยากโดนแยกบริษัทสินะถาม ms ได้เลยช่วงนั่นโดนหนักมาก
ถ้าโดนเป็น 2 (Hardware / Software) หรือ 3 (Hardware / Software / Service) ขึ้นมาน่าจะงานงอก